กรุงเทพฯ 26 มี.ค.- ประธานกรรมการบริหาร บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชั่น (AMATA) ชี้อุตสาหกรรม EV – อาหาร –การแพทย์ มีแนวโน้มขยายตัวดี
นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชั่น (AMATA) กล่าวถึงอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ดีในประเทศไทย ว่า มีหลายอย่าง โดยเฉพาะอุตสาหกรรม EV ไม่เฉพาะสายการผลิต เท่านั้น ยังรวมไปถึงการค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับรถที่ใช้ไฟฟ้าและการใช้เครื่อยนต์เดิม เนื่องจากยังเป็นช่วงผลัดเปลี่ยน จึงเชื่อว่าโรงงานผลิตรถไฮบริจด์ก็จะยังเติบโตได้ ทั้งนี้ไทยต้องมุ่งไปทางไฮเทค ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้มากขึ้น
ส่วนบริษัทที่ใช้แรงงานจะลดลง อีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่จะเป็นพระเอก คือ อุตสาหกรรมอาหาร ปัญหาโลกร้อนทำให้โลกมีปัญหาเรื่องการผลิต ดังนั้นไทยจึงควรมุ่งไปทางอาหารออแกนิกส์รวมถึงการแปรรูปอาหารออแกนิกส์ ส่วนการแพทย์ ปัจจุบันภาพรวมรายได้การแพทย์ในเมืองไทยเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา ประเทศไทยมีการพัฒนาการแพทย์ได้ดีเพราะมีมหาวิทยาลัยที่ดีและมีเทคโนโลยีทันสมัย ทั้งยังมีการร่วมมือกับโรงพยาบาลในสหรัฐอเมริกา เชื่อว่าการแพทย์ไทยจะไปได้อีกไกลหากการท่องเที่ยวขยายตัวเพิ่ม วันนี้เทคโนโลยีการแพทย์ไทยไปสู่ระดับโลกแล้วหากเราสามารถเปิดประตูรับเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาได้ ประเทศไทยจะดีกว่านี้ รายได้ของการแพทย์ในเมืองไทยจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและอาจจะเป็น 10-20% ของจีดีพีประเทศ ซึ่งการแพทย์ไม่ได้ใช้พื้นที่มาก เมื่อเทียบกับโรงแรม แต่สามารถให้การบริการกับผู้คนได้จำนวนมากกว่า
ส่วนการเงินการธนาคารก็มีแนวโน้มไปได้ดี แต่อย่างไรก็ตามตนเองมองว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ วันนี้น่าเสียดาย แทนที่ตลาดเงินตลาดทุนในจะเป็นพระเอก เป็นตัวเสริมสร้างให้เศรษฐกิจไปได้ดี มีเม็ดเงินเข้ามาจำนวนมาก แต่เนื่องจากการบริหารงานที่ขาดความโปร่งใส บางบริษัทที่อาจจะบริหารได้ไม่ดี จึงส่งผลให้ต้นทุนดอกเบี้ยสูง ตอนนี้มีบริษัทย์หุ้นกู้ขนาดใหญ่หลายบริษัทจ่อล้ม หากมีการบริหารที่ดีจะไม่เป็นอย่างนี้ ยกตัวอย่างเช่น ประเทศสิงคโปร์ ไม่มีปัญหาเหล่านี้ เพราะมีการบริหารงานมีการความคุมอย่างดี รวดเร็ว ส่วนในประเทศไทยปัญหาเรื่องการโกงก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข ส่วนคนโกงก็ตามไม่เจอ ถ้าเป็นประเทศจีนหรือสิงคโปร์คนโกงไม่มีทางหนีไปไหนได้
“จริงๆประเทศไทยมีอนาคตเรื่องเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์ เพราะตลาดหลักทรัพย์ใหญ่กว่าจีดีพีของไทย มีเม็ดเงินที่ใหญ่มาก เงินนี้สามารถเอามาสนับสนุนโครงการต่างๆได้ ดังนั้นจึงมั่นใจว่า ถ้าเราบริหารอย่างดี ไม่ทำอะไรที่สร้างความขัดแย้งในสังคม จะทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นและเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น อย่างไรก็ตามประเทศไทยควรหาจุดแข็งที่ได้เปรียบประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อดึงนักลงทุน อย่างประเทศเวียดนามที่อมตะเข้าไปลงทุนสร้างนิคมอุตสาหกรรม ก็มีจุดแข็งหลายด้านเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในภูมิภาคเดียวกัน ส่วนไทยมีจุดแข็งที่เห็นชัดคือเสถีรภาพของพลังงานไฟฟ้า แต่ทุกวันนี้เวลาตนเองไปต่างประเทศไม่ได้ยินใครพูดถึงประเทศไทยเลย” นายวิกรมกล่าว.-517-สำนักข่าวไทย