เตรียมดึงผลไม้แปรรูปร่วมงานมหาสงกรานต์ท้องสนามหลวง

ปทุมธานี 24 มี.ค. – อธิบดีกรมการค้าภายใน เตรียมนำสินค้าผลไม้แปรรูป เช่น มะม่วง มะพร้าว ไอศกรีม มาร่วมงานมหาสงกรานต์ท้องสนามหลวงกลางเดือน เม.ย.นี้ เพื่อลดปริมาณผลผลิตที่จะออกสู่ตลาดมาก พร้อมประเมินหากผลผลิตมากจะเร่งระบายผ่านห้างเล็กใหญ่ทั่วประเทศ ยอมรับมะนาวแพงเป็นช่วงสั้นๆ แนะซื้อมะนาวผงแทน ขณะที่พืชเศรษฐกิจสำคัญชนิดอื่น ทั้งข้าว มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน ราคาดีทุกรายการจะส่งผลดีกับเกษตรกร


นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายในกล่าวว่า กรมการค้าภายในได้มีการติดตามสถานราคาสินค้าทั้งุปโภคและบริโภคอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงที่ผลผลิตผลไม้ไทยจะออกสู่ตลาดมาก โดยเตรียมความพร้อมทุกด้านเพื่อไม่ให้ราคาตกต่ำที่จะทำให้เกษตรกรชาวสวนได้รับผลกระทบมากจนเกินไป ซึ่งเตรียมแผนที่จะหาแนวทางระบายสินค้าผลไม้ที่สำคัญและมีแนวโน้นผลผลิตจะออกสู่ตลาดมากในช่วงอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ โดยแนวทางที่กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการ คือ การเชื่อมโยงตลาดผ่านห้างสรรพสินค้าทั้งรายเล็กและรายใหญ่ ซึ่งกรมฯได้พูดคุยกับห้างไว้บ้างแล้วจะขอพื้นที่บางส่วนให้เกษตรกรชาวสวนนำผลไม้มาวางขายตามห้างสรรพาสินค้าเพื่อให้เกษตรกรชาวสวนมีพื้นที่ระบายสินค้าผลไม้ตามห้างต่างๆ ด้วย

นอกจากนี้ ในเบื้องต้นกรมฯ จะนำพันธมิตรร้านค้า เกษตรกรชาวสวนที่นำผลไม้แปรรูป เช่น มะม่วง มะพร้าว ไอศครีมและอื่นๆที่เน้นเป็นน้ำผลไม้ไปเข้าร่วมกิจกรรมมหาสงกรานต์ที่บริเวณท้องสนามหลวงและที่ถนนราชดำเนินกลางเพื่อจำหน่ายน้ำผลไม้ราคาไม่แพงให้กับประชาชนที่เดินทางมาเล่นสงกรานต์ภายในบริเวณดังกล่าวอีกด้วย และไม่เพียงในทเขตกรุงเทพมหานครเท่านั้น กิจกรรมนี้จะยังไปในจังหวัดท่องเที่ยวที่ร่วมจัดงานมหาสงกรานต์ทั่วประเทศในปีนี้ด้วยเช่นกัน


อย่างรก็ตาม จากสภาพอากาสที่ร้อนขึ้น กรมการค้าภายในได้ติดตามราคาสินค้าอาหารสด โดยส่วนใหญ่ปรับขึ้นลงตามกลไกตลาดบ้าง แต่ช่วงหน้าร้อนนี้ฝนทิ้งช่วง ทำให้ราคาพืชผักบางชนิด เริ่มขยับตัวขึ้นบ้าง เช่น มะนาวจากผลผลิตที่ลดลง ดังนั้น กรมการค้าภายในมองว่าจะเป็นราคาขึ้นช่วงสั้นๆ บางพื้นที่จะมีราคาแพงขึ้นบ้าง จึงอยากแนะนำผู้บริโภคเลือกเปลี่ยนมาใช้ “มะนาวผง” ทดแทนที่มีราคาไมีแพงมาก เก็บไว้ใช้ได้นานในช่วงที่ราคามะมาวผลมีราคาที่สูงขึ้น ปีนี้ผลผลิตมะนาวในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีปริมาณเพียงแค่ 42,000 ตันถือว่าลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ที่มีผลผลิตเฉลี่ยถึง 56,000 ตัน โดยเฉลี่ยอยู่ที่ลูกละ 4.60 บาทเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้วเฉลี่ยลูกละ 3.71 บาท แต่กรมฯ มีแผนเร่งเชื่อมโยงตลาดโดยเฉพาะนำมะนาวผงจากโครงการหลวงนำไปจำหน่ายผ่านยรถโมมายธงฟ้า โดยคาดว่าราคามะนาวจะกลับมาเป็นปกติได้ในช่วงเข้าสู่ฤดูฝน

“กรมการค้าภายในได้ดำเนินการต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยไปรวบรวมมะนาว มาไว้ส่วนหนึ่ง นำไปทำ “มะนาวผง” ร่วมกับ สวนจิตรลดา เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค ซึ่งมีจำหน่ายผ่าน ร้านธงฟ้า และรถโมบายธงฟ้า ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จึงอยากแนะนำให้ ร้านอาหารต่างๆ สามารถใช้เลือกใช้ มะนางผง ทดแทนได้ ซึ่งในตลาดมีหลายยี่ห้อให้เลือก หรือหากจะใช้น้ำมะนาวขวด ก็ควรจะเลือกจากแหล่งที่มาที่มีมาตรฐาน” วัฒนศักย์กล่าว

ขณะเดียวกันราคาสินค้าเกษตรของไทยในปีนี้ถือว่าดีต่อเนื่อง ไม่เฉพาะ ยางพาราเท่านั้น แต่พืชเศรษฐกิจสำคัญชนิดอื่น ทั้งข้าว มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน ราคาดีทุกรายการเช่นเดียวกัน โดยปีนี้ถือเป็นข่าวดีของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวราคายังดีต่อเนื่อง สำหรับราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ ยืนราคานี้มาตั้งแต่ปีที่แล้ว เฉลี่ยตันละ 14,850 บาท สูงสุดถึง 15,500 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ทรงตัวเฉลี่ย 14,600 บาท สูงสุดที่ 15,200 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกปทุมธานี สูงขึ้นเล็กน้อย เฉลี่ยอยู่ที่ 14,800 บาทต่อตัน ขยับขึ้นมาจากสัปดาห์ก่อนที่ 14,470 บาทต่อตัน ข้าวเปลืกกเจ้า ทรงตัวเฉลี่ยที่ตันละ 12,600 บาทสูงสุดที่ 12,700 บาทต่อตัน และข้าวเปลือกเหนียว ที่ตันละ 13,300 บาท ถือว่าราคาข้าวทุกตัวอยู่ในเกณฑ์ดี และสูงกว่าปีที่แล้ว


ส่วนมันสำปะหลัง กิโลกรัมละ 3.48 บาท เป็นราคาที่ดีกว่าปีที่แล้วเช่นกัน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ทรงตัว ที่กิโลกรัมละ 9.50- 9.60 บาทถือเป็นราคาดีที่เกษตรกรพอใจ ขณะที่ราคาผลปาล์มน้ำมันเฉลี่ยที่ 5.70-5.80 ยังสูงต่อเนื่องสอดคล้องกับราคาน้ำมันปาล์มดิบ หรือ CPO 34.13 บาท ส่วนน้ำมันปาล์มบรรจุขวด เฉลี่ยขวดลิตรละ 45.19 บาทแต่ในห้างต่างๆ นำมาจัดโปรโมชั่น ในราคาขวดละ 43-45 บาท ซึ่งขณะนี้สตอกน้ำมันปาล์มดิบ อยู่ในเกณฑ์ที่บริหารจัดการได้ประมาณ 220,000 ตัน และผลผลิต กำลังทยอยออกสู่ตลาด ตั้งแต่เดือนนี้จนถึงเดือนพฤษภาคม

ส่วนราคายางพาราถือว่าปรับขึ้นเยอะ โดยราคายางแผ่นดิบ เฉลี่ย 85 บาทต่อกิโลกรัม สูงกว่าปีที่แล้วมาก ที่เฉลี่ยเพียง 47.58 บาทและยังสูงกว่าเดือนที่แล้วที่ 70 บาท ราคาน้ำยางสดเฉลี่ยที่ 77.50 บาทต่อกิโลกรัม จากปีที่แล้วเฉลี่ยเพียง 48.25 บาท และยังมีแนวโน้มขยับขึ้นอีก จากมาตราการบริหารจัดการผลผลิตผลที่ดี

ขณะที่ ราคาเนื้อหมู ยังทรงตัวระดับเฉลี่ยกิโลกรัมละ 124-128 บาท ซึ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พยายามรักษาระดับราคาไม่ให้ต่ำไปกว่านี้ เนื้อไก่ มีทั้งปรับเพิ่มขึ้นและลดลง ตามชิ้นส่วน โดยเนื้อน่องติดสะโพกเฉลี่ยที่กิโลกรัมละ 82.31 บาท ชิ้นส่วนน่องกิโลกรัมละ 81 บาท ชิ้นส่วนสะโพกกิโลกรัมละ 85 บาท และ เนื้อหน้าอกกิโลกรัมละ 76 บาท ส่วนไข่ไก่ ราคาย่อลงเล็กน้อย เบอร์ 3 เฉลี่ยฟองละ 3.76-3.79 บาท ขณะที่ ปลา ส่วนใหญ่ราคาทรงตัว โดยปลานิลกิโลกรัมละ 74.50-75.00 บาท ปลาดุกกิโลกรัมละ 75.80 บาท ปลาทับทิมราคาย่อลงเล็กน้อย อยู่ที่กิโลกรัมละ 104 บาท ปลากะพงเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 139 บาทเป็นต้น

ส่วนผักที่ราคาปรับลดลงเล็กน้อยเฉลี่ยอยู่ที่ 33-34 บาทต่อกิโลกรัม ถั่วฝักยาวเฉลี่ยอยู่ที่ 46 บาทต่อกิโลกรัม ผักบุ้งจีน 31.20 บาทต่อกิโลกรัม ผักชี เฉลี่ยกิโลกรัมละ 82.50 บาท โดยรวมถือว่าเป็นการปรับขึ้นลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมาและขอย้ำกรมกาคค้าภายในมีการติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าทุกประเภทอย่างใกล้ชิด หากพื้นที่ใดเอารัดเอาเปรียบจำหน่ายสินค้าแพงเกินจริงหรือไม่ติดป้ายแสดงราคาสินค้าประชาชนสามารถร้องเรียนผ่านสายด่วน 1569 ได้ทันที.-514-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย

ล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ถอยหนีชนดะ

ขอนแก่น 3 มิ.ย. – ระทึก ผู้ต้องหาถอยรถหนี ชนจยย.สายตำรวจ ขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ก่อนจนมุมรถไถลข้ามเลนพลิกตะแคง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์สีขาวจอดคุยกับชายคนหนึ่งที่ยืนริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง หน้าตลาดจอมพล เขตเทศบาลนครขอนแก่น ทันใดนั้น รถคันดังกล่าวก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขี่อยู่ด้านหลังล้ม 2 คัน และพยายามเร่งเครื่องหลบหนีจนไปชนกับรถคันอื่นอย่างแรง แล้วไถลข้ามเลนพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง เมื่อเวลา 22.45 น. วานนี้ (2 มิ.ย.) คนขับปีนออกจากหน้าต่าง มีท่าทีขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอมออกมาจากรถ หลังจากนั้นตำรวจพาเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม และมีชายอีกคนออกมาจากหน้าเป็นรายที่สอง ตำรวจจึงควบคุมตัวที่ข้างทาง ต่อมา รถกู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุและทำการปฐมพยาบาลทั้งชายสองคนและสายลับที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ภายในรถมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ ก่อนจะคุมตัวขึ้นรถกระบะไป สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พรศักดิ์ งานดี ผู้กำกับการตำรวจสืบสวนจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า นายอนุพงษ์ อายุ 35 ปี เป็นคนขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนนายณัฐพล อายุ 37 ปี เป็นคนขับรถยนต์คันที่เกิดเหตุ มีพฤติกรรมลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านเฟซบุ๊กให้กับลูกค้าทั่วไปที่สั่งซื้อ จึงวางแผนล่อซื้อ […]

ทรงพระเจริญ

ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี ร่วมแปรอักษร แสดงพลังความจงรักภักดี

สงขลา 2 มิ.ย. – จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” ประชาชนกว่า 5,000 คน ร่วมแปรอักษร “ทรงพระเจริญ คนสงขลารักพระราชินีฯ” แสดงพลังความจงรักภักดีอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ 2 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น. ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวสงขลากว่า 5,000 คน ร่วมกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ย้ำรัฐบาลยึดหลักอธิปไตย-ประโยชน์สูงสุดของประเทศ

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – นายกฯ ย้ำรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ วันนี้ (4 มิ.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ “ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และได้บูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน” นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรารวบรวมข้อมูลจากทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ภาพแผนที่จากเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนพิจารณาอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายคือการปกป้องอธิปไตยของชาติและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ หากมีความคืบหน้า รัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดเป็นระยะ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย

ม็อบรถบัส 2 ชั้น ขู่บุกกรุง ค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า

ตรัง 4 มิ.ย. – ม็อบรถบัส 2 ชั้น ชุมนุมคัดค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า อ้างไม่ชอบ กม.-เส้นทางไม่เข้าหลักเกณฑ์กำหนด ขู่เคลื่อนขบวนพันคันบุกกรุง หากไม่ได้รับแก้ไข บริเวณอันดามันเกตเวย์ บนเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 เขาพับผ้า เครือข่ายผู้ประกอบการรถบัส 2 ชั้น ในนามสมาคมรถโดยสารสองชั้นไทย กว่า 100 คัน พร้อมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ราว 200 คน ชุมนุมคัดค้านคำสั่ง กรมการขนส่งทางบกที่ห้ามรถบัส 2 ชั้นใช้เส้นทาง 7 แห่งทั่วประเทศ การชุมนุมครั้งนี้ เป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการจากทั้งภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เพื่อประท้วงคำสั่งที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.68 สำหรับรถทัวร์ และวันที่ 1 มิ.ย.68 สำหรับรถประจำทาง โดยชูป้ายข้อความต่างๆ รวมถึงการเรียกร้องให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกลาออกจากตำแหน่ง นายสุริยะ แกล้วทนงค์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย เปิดเผยว่า การสำรวจเส้นทางเขาพับผ้า พบว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ต้องประกาศห้าม เนื่องจากมีความลาดชัน 8% […]

หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้า กลับลำ ยันไม่มีคนในชี้เป้า

กทม. 4 มิ.ย. – คุมตัว “แบงค์” หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางกรมศุลฯ ทำแผน เจ้าตัวกลับลำอ้างลงมือครั้งแรก ไม่มีใครชี้เป้า ปัดเจตนาชน รปภ.ดับ กลางดึกที่ผ่านมาตำรวจ สน.ท่าเรือ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ กว่า 20 นาย ควบคุม 5 ผู้ต้องหาแก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้า ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณ ตู้คอนเทนเนอร์ ในโกดังสเตเตียม ถนนท่าเรือ 1 เขตคลองเตย จากนั้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนไปฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ส่วนนายแบงค์ หัวโจก พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพอย่างเงียบๆ เพราะเกรงว่านายแบงค์จะถูกญาติ รภป. ผู้เสียชีวิต รุมประชาทัณฑ์ ภายหลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนได้คุมตัวนายแบงค์กลับมา คุมขังที่ สน.ท่าเรือ เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าวได้พยายามซักถามว่านายแบงค์ก่อเหตุมาแล้วกี่ครั้ง นายแบงค์ อ้างว่าก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้ามาเพียงครั้งเดียว ส่วนนำไปขายใครนั้น นายแบงค์ไม่ตอบ และยืนยันว่าการก่อเหตุนี้ ไม่มีคนในมาชี้เป้า เพราะบริเวณนั้นใครก็รู้ว่าเป็นพื้นที่เก็บสินค้าที่ต้องการทำลาย พร้อมยกมือไหว้ขอโทษครอบครัว รปภ.ที่เสียชีวิต และยอมรับว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจถอยรถชน […]

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ชายแดนติดตามสถานการณ์ไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 4 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำกองทัพไม่ขัดแย้งรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดกรณีการปะทะกันที่ช่องบก โดยระบุว่า การมาครั้งนี้ตั้งใจมาให้กำลังใจกำลังพลที่อยู่แนวหน้า ซึ่งกำลังเตรียมความพร้อมในการดูแลและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น รวมถึงดูพื้นที่จริง ซึ่งเบื้องต้นพบว่า ข่าวทหารกัมพูชาวางกับระเบิดเป็นของเก่า เวลานี้เรากำลังใช้ทางออกที่โลกอยากเห็น และเรายังไม่ได้เสียอธิปไตยตรงไหนไป สิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละจุด เราอยากให้มันค่อยๆ คลายไป เรากำลังใช้มาตรการทางการทูตเชิงรุก เริ่มต้นจากเล็กไปหาใหญ่ และมาตรการต่างๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้น เราตกลงกันแล้วว่า จะคุยด้วยกันตลอด ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันไม่ได้ถึงขั้นนั้น เพราะยังไม่มีอะไร เราคำนึงถึงชีวิตของพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน เราจะใช้กระบวนการสันติวิธีให้ถึงที่สุด ถ้ามีอะไรเกินเลย ฝ่ายที่อยู่แนวหน้าจะต้องแจ้งเรา ซึ่งจะดำเนินการโดยทันทีทันใด ยืนยันกองทัพกับฝ่ายการเมืองไม่มีปัญหากัน .-สำนักข่าวไทย