ตำรวจท่องเที่ยว-ซีพี ออลล์ เปิดจุดรับแจ้งเหตุสำหรับนักท่องเที่ยว

19 มี.ค. – ตำรวจท่องเที่ยว ร่วมกับ ซีพี ออลล์ เปิดจุดรับแจ้งเหตุสำหรับนักท่องเที่ยว นำร่อง 20 แหล่งท่องเที่ยว


หลังจากที่รัฐบาลเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยตามมาตรการ Visa Free จากข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 17 มีนาคม 2567 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวสูงถึง 8,074,651 คน สร้างรายได้เข้าประเทศ เป็นเงิน 390,906 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 17 มี.ค.67) สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวนานาชาติ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวจึงเดินหน้ายกระดับการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ โดยร่วมมือกับ ซีพี ออลล์ เปิดจุดรับแจ้งเหตุให้กับนักท่องเที่ยว ที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น

พลตำรวจโท ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า เนื่องด้วยรัฐบาลมีนโยบายเร่งด่วนเรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงรุก สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว รวมถึงการปรับเงื่อนไขและขั้นตอนการเข้าประเทศ พร้อมทั้งกำหนดมาตรการในการดูแล อำนวยความสะดวก และรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว ส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยว เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวจึงได้นำโครงการชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง Strong Tourism Community (S.T.C.) โดยยึดหลักแนวทาง Smart Safety Zone มาประยุกต์ใช้ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ 20 แห่ง ใน 18 จังหวัด โดยสร้างภาคีเครือข่ายกับภาคเอกชน ผู้นำชุมชน ผู้ประกอบการ เพื่อแสวงหาแนวทางดำเนินการร่วมกันในการสำรวจจุดเสี่ยงทางกายภาพ วางแผนแก้ไข และตรวจสอบประเมินผล ให้แหล่งท่องเที่ยวมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยสำหรับเหตุผลที่กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้ร่วมมือกับ ซีพี ออลล์ ดำเนินโครงการ “ตำรวจท่องเที่ยว X 7-Eleven เปิดจุดรับแจ้งเหตุสำหรับนักท่องเที่ยว นำร่อง 20 แหล่งท่องเที่ยว” ในร้านเซเว่น อีเลฟเว่นนั้น สืบเนื่องจากเซเว่น อีเลฟเว่น เป็นร้านสะดวกซื้อที่ประชาชนทั่วไปรู้จัก ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย และขยายสาขามากมายทั่วประเทศ จึงเหมาะสมต่อการเป็นจุดที่จะให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวได้ โดยเบื้องต้นกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เริ่มจัดให้มีการอบรมอาสาสมัครตามโครงการชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง Strong Tourism Community (S.T.C.) ไปแล้ว จำนวน 1,516 ราย ประกอบด้วย


  1. อาสาสมัครทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ 586 ราย
  2. พนักงานรักษาความปลอดภัยสถานบริการ 623 ราย
  3. พนักงานร้านเซเว่น อีเลฟเว่น 307 ราย

ด้านนายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ กล่าวว่า เซเว่น อีเลฟเว่น มีสาขากว่า 14,000 สาขาทั่วประเทศ และมีพนักงานกว่า 200,000 คน ซึ่งพนักงานทุกคนได้รับการอบรมให้มีใจบริการ ได้รับการปลูกฝัง DNA ในการช่วยเหลือสังคมและชุมชนอย่างต่อเนื่อง ตามโครงการ “แสนคนแสนความดี” และที่สำคัญ ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศและเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง การเปิดจุดรับแจ้งเหตุในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น จึงเป็นการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงบริการของตำรวจท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวที่สะดวกยิ่งขึ้น ทำให้เกิดการผนึกกำลังโดยใช้จุดแข็งของ 3 ส่วน คือ ตำรวจท่องเที่ยว ชุมชนแหล่งท่องเที่ยว และเซเว่น อีเลฟเว่น โดยเปิดจุดรับแจ้งเหตุในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงบริการของตำรวจได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ

สำหรับการดำเนินการในระยะแรก ได้มีการคัดเลือกร้านเซเว่น อีเลฟเว่น จำนวน 156 สาขา ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ และใกล้เคียง 20 พื้นที่ ใน 18 จังหวัดเข้าร่วมโครงการ พนักงานจากสาขาเหล่านี้ กว่า 300 คน จะได้รับการอบรมให้มีความรู้และทักษะในการช่วยเหลือนักท่องเที่ยว เพื่อเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือตำรวจท่องเที่ยวที่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถรับแจ้งเหตุ ให้ข้อมูล และประสานงานกับตำรวจท่องเที่ยวในพื้นที่นั้นๆ ให้เข้าช่วยเหลือนักท่องเที่ยวอย่างรวดเร็วและทันท่วงที พร้อมทั้งสื่อสารให้พนักงานทุกสาขารับทราบเรื่องความร่วมมือในครั้งนี้ และจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น รวมถึงสื่อ Online เพื่อเตรียมความพร้อมในการต้อนรับและประสานงานกับตำรวจท่องเที่ยวเพื่อช่วยเหลือนักท่องเที่ยว

สำหรับแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ 20 พื้นที่ ที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น เข้าร่วมโครงการในเฟสแรก ได้แก่ 1. ถนนข้าวสาร กรุงเทพฯ 2. ซอยคาวบอย กรุงเทพฯ 3. วัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ 4. วัดไชยวัฒนาราม จ.พระนครศรีอยุธยา 5. พระราชวังนารายณ์ราชนิเวศน์ จ.ลพบุรี 6. ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง จ.สมุทรปราการ 7. ชุมชนสะพานข้ามแม่น้ำแคว จ.กาญจนบุรี 8. ตลาดโต้รุ่งหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ 9. ถนนคนเดินบางลา จ.ภูเก็ต 10. ชุมชนฟิชเชอร์แมน เกาะสมุย 11. อ่าวนาง แลนด์มาร์ค จ.กระบี่ 12. ถนนเสน่หานุสรณ์ จ.สงขลา 13. วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก 14. ถนนคนเดินประตูท่าแพ จ.เชียงใหม่ 15. เชียงรายไนท์บาซาร์ จ.เชียงราย 16. ถนนข้าวเหนียว จังหวัดขอนแก่น 17. ถนนคนเดินเชียงคาน จ.เลย 18. ชุมชนเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา 19. ถนนคนเดินนครพนม จ.นครพนม 20. ถนนคนเดินพัทยา จ.ชลบุรี


นายยุทธศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ นอกจากบริษัทจะเล็งเห็นถึงความสำคัญของการยกระดับมาตรการด้านความปลอดภัยและความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นการสนับสนุนนโยบายภาครัฐในการผลักดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยให้เติบโต สร้างรายได้เข้าประเทศด้วย เซเว่น อีเลฟเว่น ในฐานะภาคเอกชนที่อยู่เคียงข้างสังคม ชุมชน และเป็นที่รู้จักในกลุ่มนักท่องเที่ยว จึงเชื่อมั่นว่าการเข้ามาร่วมมือกับกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว จะทำให้นักท่องเที่ยวได้รับความสะดวก และมีความเชื่อมั่นในความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับปณิธาน “Giving and Sharing” อันเป็นปณิธานขององค์กรที่เรายึดถือมาโดยตลอด.-111-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตร.เร่งขยายผลปมอธิการบดี ม.ดัง ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น

สน.บางซื่อ 12 ก.ย. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 38 ล้านบาท ตำรวจนครบาลเร่งสอบสวน อายัดเงินทันกว่า 3 ล้านบาท ขยายผลโยงบัญชีม้ากว่า 20 บัญชี จากกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกเครือข่ายมิจฉาชีพหลอกลงทุน เสียหายกว่า 38 ล้านบาท พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว พนักงานธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติการถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย แล้วโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 3 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล หรือบริษัท เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท จึงได้อายัดไว้ก่อนและติดต่อจากศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบไปยังผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้เอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น พร้อมให้ผู้เสียหายตรวจสอบว่า เงินที่โอนไปลงทุนนั้นสามารถถอนออกจากบัญชีในระบบบริษัทได้หรือไม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่าถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง […]

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

“รมต.สุชาติ​” ตั้งสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน-​สีกา

ทำเนียบ 12 ก.ย.- “รมต.สุชาติ​” ตั้งคณะกรรมการสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน​-​สีกา​ หลังถูกร้องสะพัดว่อนโซเชียล​ คาด​ไม่เกิน​ 1 สัปดาห์รู้ผล​ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นายสุชาติ​ ตันเจริญ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า​ มีข้อร้องเรียน ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัด และเป็นพระสังฆาธิการด้วย ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและประชาชน รวมถึงตัวเจ้าอาวาสด้วย เพราะหากไม่เป็นความจริงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประธาน​ ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ​ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง​ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ​ และให้ผู้ตรวจของสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพราะไม่ทราบว่าในโลกออนไลน์พูดเพื่อความสนุกสนานหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนก็ได้ยินเรื่องนี้มานาน มีเค้าโครง​ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ผู้ร้องสบายใจ​ แต่หากเจ้าอาวาสทำผิดก็ต้องแบบว่าไปตามระเบียบกฎหมาย และต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาการตรวจสอบไว้เท่าใด นายสุชาติ​ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วาง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ของตน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ และตนก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกมาเป็นผู้แทน […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้

สภาอุตสาหกรรมฯ 15 ก.ย.-“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้ ปัดตอบใครขาดคุณสมบัติบ้าง แต่ยืนยันนิ่งและครบแล้ว เผยหลังถวายสัตย์ฯ พร้อมแถลงนโยบายต่อสภาทันที เพื่อเดินหน้าทำงานโดยเร็ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการเตรียมร่างคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จำเป็นจะต้องเชิญพรรคร่วมรัฐบาลหารือด้วยหรือไม่ ว่า ตอนนี้ได้มีการยกร่างคำแถลงขึ้นมาแล้ว และได้ส่งเนื้อหาในส่วนของกระทรวงที่แต่ละคนรับผิดชอบ ให้พรรคร่วมรัฐบาลพิจารณา เพื่อนำไปสู่การแก้ไขเพิ่มเติม หรือตัดอะไรที่อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงนั้นๆ เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับเขามากที่สุด จะได้เข้ามาทำงานได้ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า สไตล์คนละพรรคแต่พวกเดียวกันใช่หรือไม่ นายอนุทิน หัวเราะ แต่ไม่ได้ตอบคำถาม เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบประวัติของคณะรัฐมนตรี ขณะนี้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้รายงานกลับมาแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ใกล้แล้ว เรียกได้ว่ารายชื่อ 100% แล้ว เหลือเพียงการตรวจสอบประวัติ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติก่อนนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย โดยยืนยันว่าจะต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายภายในสัปดาห์นี้ ส่วนขั้นตอนการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแล้วก็สุดแล้วแต่ท่าน แต่ทันทีที่โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมลงมาก็จะต้องรอการเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ จากนั้นก็จะเร่งแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ถึงจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมร่างแถลงนโยบายต่อสภาไว้แล้ว ทันทีเมื่อพร้อมก็สามารถให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรนัดหมายวันประชุมได้ทันที ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ยังยืนยันด้วยว่า ขณะนี้รายชื่อคณะรัฐมนตรีครบและนิ่งแล้ว ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า […]

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

แบงก์ชาติเตรียมแถลงบ่ายนี้ ปมผลกระทบ “บัญชีม้า”

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)-สมาคมธนาคารไทย ร่วมกันให้ข้อมูลบ่ายวันนี้ กรณีปัญหาผลกระทบประชาชน จากการระงับธุรกรรมเส้นทางเงินเพื่อจำกัดความเสียหายจากบัญชีม้า ด้านนักวิเคราะห์ เปรียบเทียบปัญหาไทย-จีน หวังรัฐบาลใหม่เอาจริง ธปท.แจ้งว่า บ่ายวันนี้ เวลา 13.00-14.30 น. ธปท.จะมีการชี้แจงรายละเอียดการระงับธุรกรรมในเส้นทางเงินเพื่อจำกัดความเสียหายจากบัญชีม้าให้แก่สื่อมวลชน ณ ห้องแถลงข่าว อาคาร 2 ธปท. โดยนางดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน นางสาวอรมนต์ จันทพันธ์ ผู้อำนวยการ ธปท. และนายสุปรีชา ลิมปิกาญจนโกวิท ผู้แทนจากสมาคมธนาคารไทย ร่วมกันให้ข้อมูล การชี้แจงดังกล่าว ก็เป็นเรื่องต่อเนื่องจากวานนี้ที่มีการประชุมร่วมกันของหน่วยงานรัฐ-ธปท.-สมาคมธนาคารไทย เพื่อร่วมปลดล็อกปัญหา ปรับแนวทางการอายัดบัญชีและกระบวนการปลดอายัด เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนสุจริต หลังจากมีประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบจากการระงับบัญชีธนาคารชั่วคราว ซึ่งเป็นมาตรการในการตรวจสอบและปิดกั้นบัญชีม้าของมิจฉาชีพ เพื่อติดตามเส้นทางการเงิน และนำเงินจากการก่ออาชญากรรมออนไลน์ของมิจฉาชีพกลับคืนมาให้กับผู้เสียหาย เป็นกลไกตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ตามมาตรา 6 และมาตรา 7 ตามขั้นตอน ทางธนาคารมีหน้าที่ในการระงับการทำธุรกรรมทางการเงินเป็นการชั่วคราว […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย