สธ.ประกาศผลักดันความร่วมมือเชิงรุกป้องกันมะเร็งปากมดลูก-เต้านม

รร.แกรนด์ ริชมอนด์ 8 มี.ค. – รมว.สธ. ประกาศผลักดันความร่วมมือเชิงรุกป้องกันมะเร็งปากมดลูก-เต้านม เนื่องในวันสตรีสากล เร่งเพิ่มหน่วยตรวจ เพราะรู้เร็ว รักษาหาย พร้อมตั้งกองทุนมะเร็งเพิ่มการเข้าถึงการรักษา ขณะข้อมูลเผยมะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งอันดับ 1 ของผู้หญิงไทย มีผู้ป่วยรายใหม่ปีละประมาณ 1.7 หมื่นราย ส่วนมะเร็งปากมดลูก พบรายใหม่ปีละกว่า 5 พันราย


นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดงานประชุมเพื่อหารือและเสริมสร้างนโยบายมะเร็งในสตรีและโอกาสของการดูแลมะเร็งในสตรี ภายใต้หัวข้อ “Enhancing Women’s Cancer Care: Thailand Women Cancer Policy Forum” ครั้งที่ 2 เนื่องในวันสตรีสากล จัดโดย สมาคมมะเร็งนรีเวชไทย สมาคมโรคเต้านมแห่งประเทศไทย มูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง ชมรมผู้ป่วยมะเร็งเต้านมแห่งประเทศไทย และภาคีเครือข่ายภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อหารือถึงการเสริมสร้างแนวทางการป้องกัน การรักษา และการขยายโอกาสการดูแลผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านม ให้สามารถต่อยอดสู่การพัฒนายุทธศาสตร์และระบบบริการด้านมะเร็งในสตรี ผลักดันการสร้างความตระหนักรู้ให้แก่สังคมในเรื่องการป้องกันและการตรวจคัดกรองเพื่อการตรวจพบโรคในระยะเริ่มต้น และสนับสนุนการเข้าถึงการรักษาอย่างเท่าเทียมด้วยยานวัตกรรมผ่าน “กองทุนมะเร็ง” เพื่อเพิ่มการเข้าถึงการรักษาสำหรับโรคมะเร็งในระยะเริ่มต้น โดยเน้นการบูรณาการความร่วมมือในรูปแบบของการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน เพื่อเพิ่มความรวดเร็วและคล่องตัวในการบริการ รวมทั้งไม่เพิ่มภาระหน้างานของโรงพยาบาลรัฐมากจนเกินไป

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้สอดคล้องกับการขับเคลื่อนก้าวต่อไปในการดำเนินนโยบายเชิงรุกด้านมะเร็งในสตรีของกระทรวงสาธารณสุข หลังจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติมีการบรรจุสิทธิประโยชน์ด้านการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วย เอชพีวี ดีเอ็นเอ เทสต์ (HPV DNA Test) และการตรวคัดกรองฯ แบบเก็บตัวอย่างด้วยตนเอง (HPV DNA Self-sampling Test) ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายสำหรับทุกสิทธิ์การรักษา รวมทั้งคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติยังได้พิจารณาและเห็นชอบ “ข้อเสนอการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม ด้วยเครื่องแมมโมแกรมและอัลตราซาวด์” ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติแล้ว สู่การหารือแนวทาง ตลอดจนวิธีการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ การเพิ่มการเข้าถึงการตรวจคัดกรองฯ การจัดให้มีกองทุนมะเร็งเพื่อความเท่าเทียมในการเข้าถึงยานวัตกรรมสำหรับรักษามะเร็งได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเป็นอุปสรรค รวมทั้งการเตรียมระบบรองรับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมตามสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม


รมว.สธ. กล่าวเพิ่มเติมว่า การตรวจคัดกรองเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงที่มีภาวะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม จึงมีการพิจารณาเห็นชอบเพิ่มสิทธิประโยชน์ตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยเครื่องแมมโมแกรมและอัลตราซาวด์ในสตรีอายุ 40 ปีขึ้นไปทุกสิทธิการรักษาพยาบาลที่มีประวัติญาติสายตรงเป็นมะเร็งเต้านม และกำหนดเป้าหมายบริการตรวจคัดกรองในปี 2567 จำนวน 40,600 ราย สามารถเริ่มตรวจได้ในเดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป โดยมอบหมายให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นโต้โผในการขับเคลื่อน และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พิจารณาหาแหล่งเงินทุน​ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ

ด้านนางสาวศิรินทิพย์ ขัติยะกาญจน์ ประธานมูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง เปิดเผยว่า ต้องการเรียกร้องมีการดำเนินการขับเคลื่อนกองทุนมะเร็งอย่างเร่งด่วน เพื่อให้มีวิธีการใหม่ๆ ในการเพิ่มการเข้าถึงการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่ดื้อต่อการรักษาและผู้ป่วยที่รักษาแล้วไม่ตอบสนองต่อคีโมด้วยยานวัตกรรม เช่น ยามุ่งเป้า และยาภูมิคุ้มกันบำบัด ซึ่งให้ผลการรักษาดีแต่มีค่าใช้จ่ายสูง เข้าสู่บัญชียาหลักจะช่วยยืดอายุและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งได้ “ผู้ป่วยมะเร็งมี Golden Time ต้องต่อสู้กับเวลาเพราะก้อนมะเร็งโตขึ้น ลุกลามขึ้นเรื่อยๆ แต่ต้องใช้เวลากว่า 7-10 ปี กว่าจะสามารถนำยานวัตกรรมเข้าสู่บัญชียาหลักเพื่อให้สามารถเบิกจ่ายได้นั้นจะมีผลต่อผู้ป่วยมะเร็งมาก เพราะทุกวินาทีของผู้ป่วยมะเร็งนั้นมีค่ามาก“ ในขณะที่ นางสาวไอรีล ไตรสารศรี รองประธานชมรมผู้ป่วยมะเร็งเต้านม เห็นว่ากองทุนมะเร็งจะช่วยลดช่องว่างในเรื่องค่ารักษาพยาบาล ความเท่าเทียมในการรักษา รวมทั้งคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัวในระหว่างการต่อสู้กับโรคมะเร็งได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยตัดสินใจเข้ารับการตรวจคัดกรอง และเข้าสู่กระบวนการรักษาอย่างทันท่วงที เนื่องจากการตรวจพบโรคมะเร็งและการดูแลรักษาผู้ป่วยในระยะเริ่มต้น มีความสำคัญในการเพิ่มโอกาสการรอดชีวิต

​อย่างไรก็ตาม เพื่อยกระดับมาตรฐานการรักษามะเร็งเต้านมแบบองค์รวมและทัดเทียมกันของประเทศไทย สมาคมโรคเต้านมแห่งประเทศไทย โดย รศ. พญ.เยาวนุช คงด่าน นายกสมาคมโรคเต้านมแห่งประเทศไทย ได้ลงนามความร่วมมือทางวิชาการเพื่อยกระดับมาตรฐานการรักษามะเร็งเต้านมแบบองค์รวมและทัดเทียมกันของประเทศไทย ระหว่างสมาคมโรคเต้านมแห่งประเทศไทย กับโรงพยาบาลทั้ง 8 แห่ง ได้แก่ รพ.ราชบุรี, รพ.สุรินทร์, รพ.วชิระภูเก็ต, รพ.นมะรักษ์, สถาบันมะเร็งแห่งชาติ, รพ.ศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, รพ.พุทธชินราช และ รพ.กลาง นอกจากนี้​ ในการเพิ่มการเข้าถึง การรักษามะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้น​ด้วยการตั้งกองทุนยามะเร็งในระหว่างที่ยายังไม่เข้าบัญชียาหลัก และมีวิธีการใหม่ๆ ในการเร่งระบบพิจารณายาเข้าบัญชี​ยาหลักให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้หญิงไทยเข้าถึง วิธีการรักษา และนวัตกรรมใหม่ๆในการรักษามะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้นมากขึ้น เช่น การได้รับยาเพื่อลดขนาดก้อนก่อนการผ่าตัด, การรับยาในกลุ่มคนไข้ที่เหลือก้อนหลังการผ่าตัด และยากลุ่มมุ่งเป้าต่างๆ ที่มีประสิทธิภาพสูง


ด้าน ศ.พญ.ศิริวรรณ ตั้งจิตกมล นายกสมาคมมะเร็งนรีเวชไทย กล่าวว่า ยังมีกลุ่มสตรีไทยอีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก การเพิ่มการเข้าถึงการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วย “ชุดเก็บสิ่งส่งตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วยตัวเอง” หรือ “HPV DNA Self-sampling” การขยายการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเชิงรุกในเขตกรุงเทพมหานคร ผ่านการสร้างกลไกเพื่อประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาคีภาครัฐและเอกชน รวมทั้งการหารือร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาแนวทางการจัดทำและบริหารทะเบียนข้อมูลจาก 3 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทุนสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ สิทธิ์ประกันสังคม รวมไปถึงข้อมูลจากโรงพยาบาลเอกชน เพื่อให้แสดงภาพรวมการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในระดับประเทศได้อย่างถูกต้อง

ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติพบว่า มะเร็งปากมดลูกถือเป็นภัยร้ายที่คุกคามต่อสุขภาพผู้หญิงทั่วโลก ในแต่ละปีมีผู้หญิงไทยที่เจ็บป่วยด้วยมะเร็งปากมดลูกรายใหม่ ปีละกว่า 5 พันราย หรือเฉลี่ยวันละ 15 ราย และเสียชีวิตปีละกว่า 2,200 ราย หรือวันละ 6 ราย แต่มะเร็งปากมดลูกนั้นเป็นมะเร็งที่รักษาให้หายได้ หากพบในระยะเริ่มต้น และสามารถป้องกันได้ด้วยการตรวจหาเชื้อเอชพีวี ที่เป็นสาเหตุของโรคตั้งแต่เนิ่น ๆ ในขณะที่สถานการณ์มะเร็งเต้านมในประเทศไทย พบว่าแต่ละปีมีผู้หญิงที่ป่วยเป็นมะเร็งเต้านมรายใหม่อยู่ที่ 37.8 ต่อแสนประชากร ซึ่งปี 2563 อยู่ที่จำนวน 22,158 คน หรือร้อยละ 22.8 ของจำนวนผู้หญิงที่ป่วยเป็นมะเร็งทุกชนิด ขณะที่อัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านมอยู่ที่ 12.7 ต่อแสนประชากร ปี 2563 อยู่ที่จำนวน 8,266 คน หรือร้อยละ 14.6 ของผู้หญิงที่เสียชีวิตจากมะเร็งทุกชนิด. -417-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

บิ๊กอ๊อดรอดคุก

“บิ๊กอ๊อด” รอดคุก คดี “บอส อยู่วิทยา” อัยการเนตร คุก 3 ปี

“บิ๊กอ๊อด-ตร.” ทำคดี “บอส” รอดคุก ศาลยกฟ้อง ส่วน “อัยการเนตร” ศาลสั่งจำคุก 3 ปี และ “อัยการชัยณรงค์” จำคุก 2 ปี

รวบทันควัน คนร้ายบุกเดี่ยวชิงเงินธนาคาร

จับแล้ว คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ธนาคารกลางเมืองเชียงใหม่ ได้เงินสดกว่า 40,000 บาท ก่อนวิ่งหลบหนี ล่าสุดจนมุมตำรวจรวบตัวได้ที่ศาลาริมทางข้างถนน

สป.สายไหม

“กัน จอมพลัง” หอบหลักฐานร้องสอบ สป.สายไหม เอี่ยวเว็บพนัน

“กัน จอมพลัง” หอบหลักฐาน ร้องตรวจสอบ สป.สายไหม เอี่ยวเว็บพนันออนไลน์ ยินดีให้ตำรวจตรวจสอบกลับ มั่นใจประวัติขาวสะอาด ย้ำ “ลูกพีช” ควรขอโทษอย่างจริงใจ

ข่าวแนะนำ

นายกฯ เตรียมเดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชา

นายกรัฐมนตรี มีกำหนดเดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ในโอกาสครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-กัมพูชา และการส่งเสริมความร่วมมือในการแก้ปัญหาและการพัฒนาของสองประเทศ โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยรายงาน

9 ทันโลก : เตรียมเริ่มกระบวนการเลือกโป๊ปองค์ใหม่

หลังจากสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ประมุขแห่งศาสนจักรสิ้นพระชนม์ รายงาน 9 ทันโลกวันนี้จะพาไปรำลึกถึงพระองค์และติดตามกระบวนการเลือกพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่

พิพากษาแก๊งช่วยแก้ความเร็วรถ “บอส”

วันนี้คดีทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต กลับมาถูกพูดถึงอีกครั้ง เมื่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ตัดสินจำคุกอดีตรองอัยการสูงสุด และอดีตอัยการอีก 1 คน ฐานความผิดแก้ความเร็วรถคันเกิดเหตุ หวังช่วยผู้ต้องหา