วิศวฯ จุฬาฯ ร่วมกับหลายภาคส่วนขับเคลื่อนประเทศสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน

กรุงเทพฯ 6 มี.ค. – คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ เปิดตัวโครงการ Chula Learn-Do-Share 2024 จับมือกับหลายภาคส่วนขับเคลื่อนประเทศไทยเพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนด้วยนวัตกรรม พร้อมสนับสนุน การสร้างเสริมศักยภาพ SMEs เพิ่มทักษะด้านการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ให้ผู้ประกอบการนำแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนมาประยุกต์ใช้


มูลนิธิอรุณ สรเทศน์ และสถาบันคาร์บอนเพื่อความยั่งยืน ภายใต้มูลนิธิอรุณ สรเทศน์ ร่วมกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสมาคมนิสิตเก่าวิศวกรรมศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเปิดตัว “โครงการ Chula Learn-Do-Share 2024” ที่มีเป้าหมายในการเพิ่มศักยภาพของ SMEs เพื่อมุ่งสู่สังคมเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและเสริมสร้างความตระหนักให้กับผู้ประกอบการ SMEs ในการประยุกต์ใช้แนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน รวมถึงถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกให้แก่นิสิตและบุคลากร

ศาสตราจารย์ ดร.สุพจน์ เตชวรสินสกุล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และรองประธานกรรมการมูลนิธิอรุณ สรเทศน์ กล่าวว่า งานอรุณ สรเทศน์ รำลึก ที่จัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งในการเผยแพร่องค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์สู่สังคม รวมถึงโครงการ Chula Learn-Do-Share 2024 ที่ได้เปิดตัวในวันนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมผลักดันให้ประเทศไทยมุ่งสู่สังคมความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยเน้นการพัฒนาองค์ความรู้ทั้งผลิตผล งานวิจัยทางวิชาการ เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมทั้งเสริมสร้างการทำงานร่วมกันข้ามศาสตร์ ข้ามสาขา และเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างภาคเอกชน ภาครัฐ และภาคประชาชน ตลอดจนพัฒนานิสิตและบุคลากรที่จะไปเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในองค์กรต่าง ๆ ได้อย่างยั่งยืน


กิจกรรมสำคัญคือ การประกาศความร่วมมือการขับเคลื่อนประเทศไทยเพื่อมุ่งสู่สังคมเป็นกลางทางคาร์บอนด้วยนวัตกรรม ระหว่าง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมูลนิธิอรุณ สรเทศน์ โดยผู้แทนของกฟผ. ประกอบด้วย นายวฤต รัตนชื่น ผู้ช่วยผู้ว่าการวิจัย นวัตกรรม และพัฒนาธุรกิจ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และนายเมธาวัจน์ พงศ์รดาภิรมย์ ผู้ช่วยผู้ว่าการยุทธศาสตร์องค์การ รักษาการ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โดยนายวฤตกล่าวว่า ปัจจุบันทิศทางของโลกให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้พลังงานหมุนเวียนถูกนำมาเป็นทางเลือกในเรื่องการใช้พลังงานสะอาดของภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจมากขึ้น เพื่อผลักดันให้เกิดการลดมลพิษและก๊าซเรือนกระจก ตามที่ทิศทางโลกได้กำหนดกติกาใหม่ในด้านความยั่งยืน

สำหรับประเทศไทย นโยบายของภาครัฐก็มีการส่งเสริมการลงทุนพลังงานสีเขียวในภาคพลังงาน อาทิ การเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย ควบคู่กับการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในการลดการปล่อย CO2 เทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และเทคโนโลยี Clean Energy จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงการปรับเปลี่ยนภาคขนส่งด้วยเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) ช่วยลดฝุ่นละออง PM 2.5 และการสนับสนุนการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Energy Efficiency) ทั้งในภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม และครัวเรือน โดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมการบริหารจัดการพลังงานสมัยใหม่ มาเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการพลังงาน เพื่อขับเคลื่อนให้ภาคพลังงานสามารถบรรลุเป้าหมายการมุ่งสู่เศรษฐกิจและสังคมคาร์บอนต่ำ สนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถมุ่งสู่พลังงานสะอาด และความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)การปรับตัวของภาคพลังงาน

กฟผ. ในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจด้านพลังงาน ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันเป้าหมายของประเทศไทยที่มุ่งไปสู่พลังงานสะอาด โดยได้ตั้งเป้าหมายของ กฟผ. ในการมุ่งสู่ EGAT Carbon Neutrality ภายในปี ค.ศ.2050 ภายใต้หลักการสร้างสมดุลระหว่างต้นทุนในการผลิตไฟฟ้า ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศ โดยกฟผ. มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเพิ่มสัดส่วนการผลิตพลังงานหมุนเวียน การนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาประยุกต์ใช้ และพัฒนาประสิทธิภาพพลังงาน รวมทั้งการพัฒนาด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง เช่น การส่งเสริมระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร (EV Ecosystem) การส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า การพัฒนาระบบบริหารจัดการพลังงานแบบครบวงจร (Smart Energy Solutions) รวมถึงเทคโนโลยีที่ส่งเสริมการลดคาร์บอน เช่น Carbon Capture Utilization and Storage (CCUS) เทคโนโลยีการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การใช้ประโยชน์และการกักเก็บคาร์บอน และ Hydrogen เป็นต้น


การพัฒนากลไก Renewable Energy Certificate (REC) ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถอ้างสิทธิ์การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และใช้รายงานการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในรายงานความยั่งยืน และรายงานตามมาตรฐานระดับสากลต่าง ๆ เช่น RE100 เป็นต้น อีกทั้ง REC ยังเป็นกลไกที่สำคัญในการสนับสนุนนโยบาย Utility Green Tariff (UGT) ของภาครัฐ ซึ่งเป็นการสนับสนุนการเข้าถึงพลังงานสีเขียว และยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้องค์กรบรรลุเป้าหมายสีเขียวที่ตั้งไว้ ซึ่ง กฟผ. อยู่ระหว่างการพัฒนาแพลตฟอร์มในการบริหารจัดการข้อมูลสนับสนุนการคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการเก็บข้อมูลการรายงานด้านความยั่งยืน นอกจากนี้ ยังสามารถเชื่อมต่อแบบประเมิน ESG ตามมาตรฐานสากล เช่น ESBN Questionnaire ของ the United Nations (UN) อีกด้วย โดยปัจจุบัน กฟผ. พัฒนาความร่วมมือกับพันธมิตร ทั้งภาครัฐและเอกชน ชั้นนำทั้งในระดับประเทศ และระดับสากล เพื่อส่งเสริมให้เกิด Ecosystem ที่จะสนับสนุนการขับเคลื่อนองค์การทุกระดับสู่สังคมเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน          

ศาสตราจารย์ ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล ผู้อำนวยการสถาบันคาร์บอนเพื่อความยั่งยืน ระบุว่า การจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำได้นั้น ต้องอาศัยความร่วมมือในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเสริมสร้างกลุ่มคนที่มีทักษะความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม (Green talent) การวิจัยและพัฒนานวัตกรรม การสร้างความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ  รวมถึงการสนับสนุนธุรกิจ SMEs ที่มีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ซึ่งการจะขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจให้รองรับกับการเปลี่ยนผ่านสู่การสร้างเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำได้นั้น องค์ประกอบที่สำคัญ คือ บุคลากรในธุรกิจนั้นจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจให้เท่าทัน และพัฒนาศักยภาพให้พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลง อันเป็นที่มาของโครงการ Chula Learn-Do-Share ในครั้งนี้ . 512 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

เชิญชวนร่วมงาน “มหานคร คัลเลอร์ฟูล ปาร์ตี้ 2025”

“กำภู-รัชนีย์” พาทัวร์งาน “มหานคร คัลเลอร์ฟูล ปาร์ตี้ 2025” ณ ลานจอดรถ บมจ.อสมท พบปะผู้ประกาศ ดีเจ และอินฟลูเอนเซอร์ รวมไปถึงศิลปินที่จะมาร่วมสนุกในงาน “มหานคร คัลเลอร์ฟู ปาร์ตี้ 2025”

วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลักพุ่งเหินฟ้าคารถ 6 ล้อ

รอดตายปาฏิหาริย์! วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลัก ก่อนพุ่งเหินฟ้าติดคาบนรถ 6 ล้อ พลเมืองดีเข้าช่วยเหลือออกมาจากรถ ปลอดภัย

แม่คะนิ้งโผล่ภูกระดึง เตรียมเปิดอุทยานฯ พรุ่งนี้

จังหวัดเลย อุณหภูมิลดลง 1-2 องศาฯ “แม่คะนิ้ง” โผล่ภูกระดึง เตรียมเปิดให้ท่องเที่ยวพรุ่งนี้ (23 ธ.ค.) หลังปิดมา 9 วัน จากเหตุช้างป่า