ก.ล.ต. ปรับปรุงหลักเกณฑ์รายงานผลการขายหุ้น IPO มีผลแล้ว

กรุงเทพฯ 4 มี.ค. – ก.ล.ต. ปรับปรุงหลักเกณฑ์การรายงานผลการขายหุ้น IPO มุ่งให้มีการเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญ และเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของผู้ลงทุน มีผลตั้งแต่ 1 มี.ค. 2567 เป็นต้นไป


สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ปรับปรุงประกาศเกี่ยวกับการรายงานผลการขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (หุ้น IPO) และมีวัตถุประสงค์เพื่อนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อให้ผู้ลงทุนได้ทราบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจลงทุนก่อนวันที่หุ้น IPO จะเริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นวันแรก

ก.ล.ต. ปรับปรุงหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการรายงานผลการขายหุ้น IPO โดยมุ่งให้มีการเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของผู้ลงทุนเพิ่มขึ้น (disclosure-based) เพื่อให้ทันเวลาและไม่เป็นภาระต่อผู้มีหน้าที่รายงานข้อมูล ซึ่งมีสาระสำคัญโดยสรุป ดังนี้


1. กำหนดให้เปิดเผยข้อมูลผู้ได้รับการจัดสรรหุ้น IPO เพิ่มเติมจากแบบรายงานผลการขายหุ้น 81-1-IPO ในรูปแบบรายงานผลการขายอย่างย่อ (แบบ 81-1 อย่างย่อ) ประกอบด้วยข้อมูล 2 ส่วน ได้แก่ 1) ข้อมูลผู้ถือหุ้นหลัง IPO เช่น จำนวนและสัดส่วนการถือหุ้นหลัง IPO จำนวนหุ้นที่มีข้อกำหนดการห้ามขาย (Lock-up) และ 2) ข้อมูลผู้ได้รับจัดสรรมากที่สุด 40 รายแรก เช่น จำนวนหุ้นที่ได้รับการจัดสรรและสัดส่วนของการได้รับจัดสรรเทียบกับการเสนอขายทั้งหมด และแหล่งที่มาของการได้รับจัดสรร 

2. กำหนดให้ผู้มีหน้าที่รายงานนำส่งแบบ 81-1 อย่างย่อ นำส่งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 2 วันทำการก่อนวันที่บริษัทจะเข้าซื้อขายเป็นวันแรก (First trading day) หรือภายใน 30 วันนับแต่วันที่ปิดการเสนอขาย แล้วแต่ว่าวันใดถึงกำหนดก่อน โดยให้บริษัทรายงานข้อมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของตลาดหลักทรัพย์ที่จัดไว้ และให้ถือว่าได้รายงานต่อ ก.ล.ต. ด้วยแล้ว (ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับการนำส่งรายงานแบบ 81-1-IPO ในปัจจุบัน) 

ทั้งนี้ ประกาศที่เกี่ยวข้องดังกล่าว* ได้เผยแพร่ลงในราชกิจจานุเบกษาและมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2567 เป็นต้นไป โดยให้ใช้บังคับกับบริษัทที่ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ที่มีผลใช้บังคับ (filing effective) หลังจากวันที่ประกาศมีผลใช้บังคับแล้ว.-516-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นศ.ซิ่งเก๋งชนเสาไฟล้ม 12 ต้น ทับรถ 3 คัน โค้งถนนกาญจนาภิเษก

นักศึกษาซิ่งเก๋งชนเสาไฟฟ้าล้ม 12 ต้น ทับรถที่วิ่งผ่านไปมาเสียหาย 3 คัน บริเวณโค้งถนนกาญจนาภิเษก ตัดเพชรเกษม ประชาชน 150 ครัวเรือนเดือดร้อนไฟดับ การไฟฟ้านครหลวงเร่งซ่อมแซม คาดเย็นนี้กลับมาใช้การได้ตามปกติ

นายหน้าลอยแพ 250 แรงงานไทย ไร้ตั๋วบินทำงานต่างประเทศ

ฝันสลาย แรงงานไทย 250 ชีวิต เหมารถมาสนามบินเก้อ หวังได้ไปทำงานในต่างประเทศ สุดท้ายไม่มีตั๋วบิน รวมตัวแจ้งความตำรวจ หวั่นถูกหลอกสูญเงินกว่า 12 ล้านบาท

สั่งปิดกิจการโรงงานลอบขนขยะอิเล็กทรอนิกส์

“เอกนัฏ” ลุยจับโรงงานลักลอบขนย้ายขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกยึดอายัดจากปราจีนบุรี มามหาชัย จ.สมุทรสาคร พบเป็นเครือข่ายเดียวกับ 2 โรงงานที่ถูกสั่งปิดก่อนหน้านี้ ขยายผลตามจับจนเจอขยะอิเล็กทรอนิกส์ลอตใหม่อีกกว่า 1,200 ตัน สั่งปิดกิจการทันที

ข่าวแนะนำ

อธิการบดี ม.สยาม ยันไม่เกี่ยวข้องคอร์สอบรมอาสาตำรวจ

อธิการบดี ม.สยาม แถลงโต้ หลังตกเป็นข่าวมีคอร์สอบรมอาสาตำรวจคนจีนในมหาวิทยาลัย ลั่นมหาวิทยาลัยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เตรียมดำเนินคดีกับทุกบุคคลที่เกี่ยวข้อง

ประธาน Google Cloud ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก พบนายกฯ

ประธาน Google Cloud ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เข้าพบนายกรัฐมนตรี ยืนยันความร่วมมือด้านความมั่นคงทางไซเบอร์และการป้องกันภัยจาก online scams

“เม้งการยาง” ยันไม่ทราบขวดที่ให้ “แบงค์ เลสเตอร์” กิน เป็นเจลหล่อลื่น

“เม้งการยาง” พบตำรวจไซเบอร์ เผยไม่ทราบว่าขวดที่ให้ “แบงค์ เลสเตอร์” กิน เป็นเจลหล่อลื่น หลังถ่ายรายการยังให้เงินน้องไป 2,000 บาท ด้าน “เมลาย รัชดา” เผยจะเลิกคอนเทนต์ขยะ และเลิกจัดทริปน้ำไม่อาบ

“ภูมิธรรม” ขอไม่ลงรายละเอียด ช่วย 4 ลูกเรือประมงไทย

“ภูมิธรรม” รมว.กลาโหม เผยปล่อยตัว 4 ลูกเรือประมงไทย ต้องรอจบกระบวนการ ย้ำรัฐบาล-กต.ประสานอยู่ตลอด แต่ขอไม่ลงรายละเอียด เพราะอาจกระทบการเจรจา