กรุงเทพฯ 1 มี.ค.- ก.ล.ต.-บีโอไอ-ตลท.-FETCO และหน่วยงานภาคประชาสังคม ร่วมจัดงาน “สานพลังเอกชนขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมจากฐานรากสู่ความยั่งยืน” (Multilateral Collaboration for Sustainability) มุ่งหวังเป็นก้าวหนึ่งที่สำคัญของความร่วมมือจากทุกภาคส่วนของตลาดทุนไทยสู่การส่งเสริมพัฒนาชุมชนและสังคมให้เกิดความยั่งยืน
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย (THAI LCA) สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม (สวส.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และมูลนิธินวัตกรรมทางสังคม ร่วมกันจัดงาน “สานพลังเอกชนขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมจากฐานรากสู่ความยั่งยืน” (Multilateral Collaboration for Sustainability) มีวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมประสานพลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมจากฐานรากสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นระบบ รวมถึงเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการส่งเสริมการพัฒนาชุมชนและสังคมภายใต้การสนับสนุนจาก BOI ณ หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถ.รัชดาภิเษก
ศ.ดร.พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ก.ล.ต. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนไทย มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนเพื่อการพัฒนาชุมชนและสังคม ตลอดจนส่งเสริมความเสมอภาคและความสะดวกในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อความยั่งยืน ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายด้านตลาดทุนที่สำคัญของ ก.ล.ต.ที่สอดรับตามแผนยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายภาครัฐ ในการลดความเหลื่อมล้ำ ช่วยให้เกิดการจ้างงาน และมีการกระจายรายได้อย่างทั่วถึง โดยพัฒนาเกณฑ์ ผลิตภัณฑ์ และเครื่องมือทางการเงินเพื่อลดอุปสรรคในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ให้ภาครัฐและเอกชนมีเครื่องมือระดมทุนในโครงการที่มุ่งเน้นความยั่งยืน ตลอดจนส่งเสริมให้ภาคธุรกิจซึ่งเป็นภาคีสำคัญในการขับเคลื่อนความยั่งยืนผนวกแนวคิดเรื่อง ESG และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เข้าไปในกระบวนการดำเนินธุรกิจของบริษัทตลอดห่วงโซ่คุณค่า (value chain) และสามารถเปิดเผยข้อมูลให้ได้ตามมาตรฐานสากล อันจะช่วยส่งเสริมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมจากฐานรากสู่ความยั่งยืน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญต่อเสถียรภาพ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและความเป็นอยู่โดยรวมของคนในประเทศเพื่อที่ทุกคนจะก้าวเดินไปด้วยกันอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท. กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งส่งเสริมความยั่งยืนเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้เติบโตอย่างสมดุลทั้งภาคธุรกิจและสังคม ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้นับเป็นโอกาสอันดีที่ได้เห็นความร่วมมือจากภาครัฐ และภาคเอกชน ประสานพลังความร่วมมือขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในทุกภาคส่วนอย่างเป็นระบบ รวมถึงเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการส่งเสริมการพัฒนาชุมชนและสังคม ภายใต้การสนับสนุนจาก คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) อันจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทจดทะเบียนไทย ชุมชน และหน่วยงานเพื่อสังคม ซึ่งสอดคล้องกับแผนงานของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่กำลังก้าวสู่ปีที่ 50 ในการพัฒนาตลาดทุนให้เป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนภายใต้วิสัยทัศน์ “To Make the Capital Market ‘Work’ for Everyone” พร้อมส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนของทุกภาคส่วน เพื่อให้ตลาดทุนเป็นพื้นที่สำหรับอนาคตของทุกคน
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการ BOI กล่าวว่า จากกระแสของโลกและกระแสของการลงทุนที่เปลี่ยนไป เมื่อมาประกอบกับจุดแข็งของประเทศไทยแล้ว บีโอไอจึงเปลี่ยนยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนโดยมุ่งสู่เศรษฐกิจใหม่ที่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศในระยะยาว หรือยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุน 5 ปี (พ.ศ.2566-2570) โดยบีโอไอได้วางเป้าหมายให้บรรลุผล 3 ด้าน ได้แก่ (1) Innovative เป็นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ (2) Competitive เป็นเศรษฐกิจที่มีขีดความสามารถในการแข่งขัน สามารถปรับตัวเร็ว และสร้างการเติบโตสูง (3) Inclusive เป็นเศรษฐกิจที่คำนึงถึงความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม รวมทั้งการสร้างโอกาส และลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ โดยมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อพัฒนาชุมชนและสังคมถือเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการลงทุนแบบมีส่วนร่วมระหว่างภาคเอกชนกับชุมชน อันจะช่วยสร้างโอกาส และลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ โดยให้สิทธิและประโยชน์การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 200% ของลงทุนที่ภาคเอกชนสนับสนุนองค์กรท้องถิ่น เพื่อเป็นเครื่องมือผลักดันให้บริษัทเอกชนที่มีศักยภาพมีบทบาทในการช่วยพัฒนาชุมชนและสังคมให้มากยิ่งขึ้น
ภายในงาน ยังได้เชิญผู้แทนบริษัทที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมแล้ว ได้แก่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กลุ่มมิตรผล และบริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด ร่วมบอกเล่าถึงผลที่ได้รับจากมาตรการให้ฟังอีกด้วย รวมถึงมีนิทรรศการของ BOI ที่มีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำแก่ผู้เข้าร่วมงาน
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ประธานกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) และอุปนายกสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย กล่าวว่า การที่ได้ทำงานทั้งภาคส่วนตลาดทุน ภาคธุรกิจ และงานชุมชนมาตลอดหลายปี ทำให้ทราบดีว่า ทางภาคส่วนตลาดทุนและภาคธุรกิจ ไม่เคยหยุดนิ่งในการผนวกกิจกรรมด้าน ESG เข้ากับกลยุทธ์และแผนในการดำเนินธุรกิจของบริษัทเพิ่มเติมจากการทำงานด้าน Corporate Social Responsibility (CSR) ซึ่งบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่มีการจัดสรรงบประมาณด้านนี้อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง แต่การหาชุมชนที่จะสนับสนุนและส่งเสริมเพื่อให้เกิดความยั่งยืนที่แท้จริงนั้นเป็นสิ่งที่ท้าทายพอสมควร และในขณะเดียวกัน การที่ชุมชนหนึ่งจะสามารถพัฒนาผู้นำที่ดีเพื่อให้ชุมชนเข้มแข็งได้นั้น เงินทุนสนับสนุนก็เป็นสิ่งที่จำเป็น จึงเป็นโอกาสอันดีที่ทั้งสองภาคส่วนมาเจอกัน ได้ทำความรู้จักกัน และอาจเกิดความร่วมมือกันผ่านมาตรการของ BOI ด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่ง
“งานวันนี้เป็นก้าวหนึ่งที่สำคัญ ที่เราทำให้ ภาคตลาดทุนและธุรกิจได้พบกับชุมชนและสังคม ผ่านทางความร่วมมือขององค์กรเครือข่ายทั้ง 9 หน่วยงาน แรงผลักดันจากงานวันนี้จะยังคงเป็นความร่วมมืออย่างต่อเนื่องที่จะช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมจากฐานรากสู่ความยั่งยืนในอนาคต” ดร.กอบศักดิ์ กล่าว.-516-สำนักข่าวไทย