นครราชสีมา 1 มี.ค.-“สุรพงษ์” ลงพื้นที่เร่งรถไฟทางคู่อีสาน ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ เปิดใช้ปี 2568 และรถไฟความเร็วสูงพระนครศรีอยุธยา ย้ำอนุรักษ์ คู่การพัฒนา
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ตรวจความคืบหน้าการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ และรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมาโดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมได้ตรวจเยี่ยมที่สถานีพระนครศรีอยุธยา เป็นจุดก่อสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูงพระนครศรีอยุธยา ในสัญญา 4-5 ช่วงบ้านโพ-พระแก้วของโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา
ปัจจุบันการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ศึกษาและจัดทำรายงานผลกระทบด้านทรัพย์สินทางวัฒนธรรม (Heritage Impact Assessment : HIA) เสร็จแล้ว โดยอยู่ระหว่างปรับปรุงแก้ไขรายงาน HIA ให้สอดคล้องกับคู่มือ “Guidance and Toolkit for Impact Assessments in a World Heritage Context” ของศูนย์มรดกโลกตามความเห็นของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ก่อนส่งให้กรมศิลปากร นำเสนอคณะอนุกรรมการมรดกโลกทางวัฒนธรรมตามแนวทางการเสนอต่อคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกต่อไป
ทั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมพร้อมคณะได้ประชุมหารือร่วมกับผู้บริหารและหัวหน้าส่วนราชการ รวมทั้งภาคเอกชน ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่สถานีอยุธยา ซึ่งที่ประชุมเห็นพ้องต้องกันว่าจะดำเนินการพัฒนาควบคู่กับการอนุรักษ์ โดยจะดำเนินการก่อสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยาที่ตำแหน่งสถานีอยุธยาในปัจจุบัน ซึ่งห่างจากพื้นที่มรดกโลก 1.5 กิโลเมตร โดยมีแม่น้ำป่าสักกั้นกลาง และอยู่ในแนวเขตทางรถไฟเดิม ไม่มีการเวนคืนที่ดินเพิ่มเติม ทั้งนี้ได้มอบหมายให้ รฟท. เร่งดำเนินการลงนามในสัญญาและก่อสร้างตามขั้นตอนโดยเร็วต่อไป
จากนั้นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและคณะได้ลงพื้นที่ ณ สถานีมวกเหล็กใหม่ เป็นสถานียกระดับ ในโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ สัญญา 1 ช่วงมาบกะเบา-คลองขนานจิตร ปัจจุบันก่อสร้างสถานีมวกเหล็กใหม่และทางยกระดับแล้วเสร็จ แต่ยังติดปัญหาเรื่องค่าเวนคืนไม่เพียงพอ บริเวณทางลงยกระดับก่อนเข้าสู่สถานีกลางดง ซึ่งปัจจุบันกระทรวงคมนาคมได้เสนอเรื่องไปยังสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว คาดว่าจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ภายในเดือนมีนาคม 2567 จากนั้นได้มอบหมายให้ รฟท.เร่งรัดดำเนินการจ่ายค่าทดแทนพื้นที่เวนคืนและอสังหาริมทรัพย์ในสัญญาที่ 1 ช่วงมาบกะเบา-คลองขนานจิตร และสัญญาที่ 3 งานอุโมงค์รถไฟภายในกลางปี 2567 และเร่งก่อสร้างส่วนที่เหลือ รวมทั้งก่อสร้างทางรถไฟบริเวณสถานีคลองขนานจิตร-สถานีคลองไผ่ เพิ่มเติม 237 เมตร พร้อมเบี่ยงแนวเส้นทางรถไฟไปใช้อุโมงค์ลำตะคอง ให้แล้วเสร็จภายในต้นปี 2568 เพื่อเปิดใช้งานรถไฟทางคู่ช่วงมาบกะเบา-คลองขนานจิตรรวมอุโมงค์ 3 แห่ง ระยะทางประมาณ 66 กิโลเมตร ซึ่งหลังจากเปิดใช้งานรถไฟทางคู่ช่วงดังกล่าวจะช่วยลดระยะเวลาเดินทางได้ 40 นาที
สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา – ชุมทางถนนจิระ แบ่งงานโยธาเป็น 2 สัญญา ความคืบหน้า ดังนี้
1. สัญญาที่ 1 ช่วงมาบกะเบา – คลองขนานจิตร ระยะทาง 58 กิโลเมตร ความคืบหน้าโดยรวม 96.31%
2. สัญญาที่ 2 ช่วงคลองขนานจิตร – ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 69 กิโลเมตร อยู่ระหว่างปรับรูปแบบการก่อสร้าง
3. สัญญาที่ 3 งานอุโมงค์ ความคืบหน้าโดยรวม 95.36% ซึ่ง รฟท. จะเร่งดำเนินการเพื่อให้เริ่มก่อสร้างโดยเร็ว
ส่วนโครงการรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา มีความคืบหน้าโดยรวมร้อยละ 30.96
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การลงพื้นที่โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง และการติดตามความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน ช่วงมาบกะเบา – ชุมทางถนนจิระครั้งนี้ ถือเป็นการดำเนินการตามนโยบาย Quick Win “คมนาคม เพื่อความอุดมสุขของประชาชน” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบการขนส่งทางราง และอำนวยความสะดวกการเดินทางแก่ผู้โดยสารให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยได้มอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย เร่งรัดดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ และรถไฟความเร็วสูง ให้เสร็จตามแผนที่กำหนด รวมถึงแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการได้ตามแผนงานที่วางไว้ต่อไป.-513-สำนักข่าวไทย