กรุงเทพ 29 ก.พ.-“สมโภชน์ อาหุนัย” ประกาศพร้อมนั่งประธาน ส.อ.ท.คนที่ 17 หวังเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยยุทธศาสตร์ 4 ประการ พร้อมเสนอวิธีแก้ปัญหาไฟฟ้าราคาแพงด้วยพลังงานสะอาดราคาถูก
นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ในฐานะเป็นสมาชิกและรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จะลงสมัครตำแหน่งประธาน ส.อ.ท. คนที่ 17 ในวาระนี้ (ปี 2567-2569) ถือเป็นอุดมการณ์ที่ต้องการรับใช้ชาติในฐานะภาคเอกชน โดยจะนำความรู้ ความสามารถและประสบการณ์การทำงานมาช่วยประเทศชาติในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
“เรื่องนี้เป็นอุดมการณ์ที่ผมมีมาตั้งนานแล้วคืออยากสร้างประโยชน์ให้สังคมและประเทศชาติ ผมเคยเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจนกระทั่งปัจจุบันทำหน้าที่บริหารธุรกิจในกลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ ต้องการนำเสนอไอเดียที่มีเพื่อให้เกิด Impact มากกว่าที่ทำอยู่ในปัจจุบัน เพราะเชื่อว่า ส.อ.ท.คือแกนหลักของประเทศ มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจให้เติบโตขึ้น ในสถานการณ์ปัจจุบันเราไม่ควรอยู่ในสภาพตั้งรับควรอยู่ในเชิงรุก เนื่องจากโลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงเร็วมาก แต่ละอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบแตกต่างกันออกไป มีทั้งที่ต้องการรับการส่งเสริมสนับสนุนหรือเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหา รวมถึงทำหน้าที่เป็นตัวแทนเชื่อมกับภาครัฐอย่างเป็นรูปธรรมให้บรรลุผลสำเร็จและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์กับผู้ประกอบการแล้วยังตอบสนองภาครัฐให้บรรลุตามแผนยุทธศาสตร์ที่ตั้งไว้”นายสมโภชน์กล่าว
นายสมโภชน์ กล่าวอีกว่า ถ้าได้เป็นประธานสภาอุตสาหกรรมฯ จะเห็นส.อ.ท.ทำงานเชิงรุกด้วยยุทธศาสตร์ 4 ประการคือ 1.ทำงานเชิงรุกในการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจของประเทศให้สอดประสานระหว่างภาครัฐกับเอกชน 2.สร้างพลังและเพิ่มขีดความสามารถของสมาชิกสภาอุตสาหกรรมทั่วประเทศ 3.ประสานภาครัฐให้ช่วยส่งเสริมสนับสนุนเอสเอ็มอี ผู้ประกอบการรายย่อย-รายใหม่ในการผลิตสินค้าที่มีมูลค่า และ 4.นำเอาความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ที่มีมาบูรณาการในเชิงรุกและเชิงรับทุกมิติ รวมทั้งจะมีการนำเสนอแผนยุทธศาสตร์ในอนาคตต่อภาครัฐ อุตสาหกรรมแต่ละประเภทจะต้องเตรียมแผนทรานส์ฟอร์มธุรกิจเพื่อรองรับการแข่งขันในเวทีโลกทุกมิติ อาทิ การปรับปรุงกฎหมายหรือกฎระเบียบเพื่อให้ทันกติการะดับสากล ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน (BCG & ESG) และการมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ซึ่งเป็นเทรนด์ของโลกในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา ผมในฐานะสมาชิกและเป็นรองประธาน ส.อ.ท. ทำงานด้วยจิตอาสาโดยไม่ได้หวังผลตอบแทนหรือรับประโยชน์ใดๆ ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ผมอยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น จึงขอเสนอตัวเข้ารับการคัดเลือกเป็นประธาน ส.อ.ท. เพื่อช่วยผลักดันให้อุตสาหกรรมและเศรษฐกิจไทยเติบโต อีกทั้งสามารถยืนอยู่บนเวทีโลกได้อย่างแข็งแกร่ง
นายสมโภชน์ กล่าวตอบคำถามว่า ทำไมไม่รออีก 1 วาระหรืออีก 2 ปี ว่า ตนเองไม่ได้มาเพื่อสร้างความขัดแย้งและที่ไม่รออีก 2 ปี เพราะว่า 1.ประเทศไทย รอไม่ได้เพราะเศรษฐกิจไม่ดี การลงทุนไม่มา เปรียบเสมือนคนเป็นโรคมะเร็ง ถ้าเป็นระยะที่ 1 ยังพอรักษาได้ แต่ถ้าเป็นระยะที่ 4 จะรักษาไม่ได้ และ 2.การเลือกตั้งไม่ได้ทำให้เกิดการแตกแยกเพราะถ้าตนเองได้รับเลือกจะทำงานร่วมกับทุกคนได้และจะดูแลทุกคนอย่างเท่าเทียม
สำหรับเรื่องการแก้ปัญหาค่าไฟฟ้ามีราคาแพง จะมีวิธีแก้ปัญหานี้อย่างไรนั้น ตนเองมีวิธีแก้ปัญหาคือ จะต้องหาคนใช้ไฟฟ้าให้มากขึ้น ต้องหาลูกค้าใหม่ เช่น ถ้ามีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าจำนวนมาก จะมีการใช้ไฟฟ้ามหาศาล ต้องมีการสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มแต่โรงไฟฟ้าที่สร้างใหม่จะเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดและจะเป็นพลังงานสะอาดราคาถูก การลงทุนจากต่างประเทศก็จะเกิดขึ้นตามมา
นายสมโภชน์ อาหุนัย เกิดเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2510เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) จากข้อมูลนิตยสาร ฟอบส์ ฉบับประเทศไทย พ.ศ. 2565 สมโภชน์ติดอยู่ในรายชื่อมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทยอันดับที่ 6 โดยมีมูลค่าทรัพย์สิน 3.9 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.37 แสนล้านบาท
นายสมโภชน์ อาหุนัย เกิดในครอบครัวชนชั้นกลาง มีความสนใจด้านอิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่เด็ก เรียนระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ระดับอุดมศึกษาที่สาขาวิศวกรรมไฟฟ้าที่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นประมาณ พ.ศ. 2532 ศึกษาด้านธุรกิจจากมหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์ก นอกจากนั้นยังได้รับวิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (วิศวกรรมพลังงานทดแทนและสิ่งแวดล้อม) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน หลังเรียนจบทำงานเป็นฝ่ายขายที่บริษัทล็อกซเล่ย์ จากนั้นร่วมทุนกับเพื่อนเปิดบริษัท 2–3 บริษัท ทั้งบริษัทตกแต่งภายใน นำเข้าส่งออก หรือแม้แต่เอาผ้ามาขายที่สยามสแควร์ เมื่อเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง บริษัทที่ทำงานอยู่ถูกบังคับขายให้ต่างชาติ จึงรวบรวมเงินจำนวนหนึ่งแล้วเข้าซื้อบริษัทหลักทรัพย์
ปัจจุบันก็คือบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า รวมถึงได้ทำงานในบริษัทต่าง ๆ หลายบริษัท เช่น เป็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ในบริษัทโบรกเกอร์ต่างชาติ, บงล. บุคคลัภย์ และ บล. นวธนกิจ ต่อมา พ.ศ. 2549 สมโภชน์ก่อตั้งบริษัทซันเทคปาล์มออยล์ จำกัด ขึ้นมา ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 50 ล้านบาท หลังจากนั้นเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัดจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI มาตั้งแต่ พ.ศ. 2556 และย้ายเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2560.-513-สำนักข่าวไทย