เอกชนไม่ทนโรคใบด่างมันฯร้องรัฐเร่งแก้ด่วนหลังยอดส่งออกตก

กรุงเทพฯ 22 ก.พ.-สมาคมแป้งมันสำปะหลังร่วมกับมูลนิธิสถาบันพัฒนามันสำปะหลังแห่งประเทศไทยแถลงเป็นห่วงสถานการณ์ส่งออกมันสำปะหลังไทยที่ถูกโรคใบด่างระบาดต่อเนื่องจนยอดส่งออกลดลงทุกปี ชี้ปัญหาโรคใบด่างไม่มียาปราบต้องหาพันธุ์ทนทานมาปลูกแทน จึงอยากให้ภาครัฐช่วยหาทางแก้ไขด่วนก่อนที่ภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรจะเดือดร้อนไปมากกว่านี้


นายชุมพล ขจรเฉลิมศักดิ์ นายกสมาคมแป้งมันสำปะหลังและมูลนิธิสถาบันพัฒนามันสำปะหลังแห่งประเทศไทยเปิดเผยว่าทั้ง 2 องค์กรตระหนักถึงปัญหาโรคใบด่างของมันสำปะหลังไทยที่ก่อตัวแพร่ระบาดในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 61 โดยปัญหาก่อให้เกิดผลกระทบต่อการเพาะปลูกมันสำปะหลังไปจนถึงปริมาณส่งออกทั้งมันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์แป้งมันลดน้อยลงอย่างน่าตกใจ โดยยอดพื้นที่เพาะปลูกมันสะปะหลังไทยมีอยู่กว่า 9 ล้านไร่ แต่จากผลกระทบใบด่างระบาดจนกระทบพื้นที่เพาะปลูกแล้วกว่า 3 ล้านไร่ และหากไม่เร่งแก้ไขพื้นที่เพาะปลูกมันจะลดลงต่อเนื่องได้

นอกจากนี้ ไม่เพียงกระทบต่อพื้นที่เพาะปลูกเท่านั้น ยังกระทบไปถึงยอดส่งออกมันสำปะหลังไทยลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยยอดส่งออกมันสำปะหลังไทยในปี 66 ปริมาณลดลง 30 % คิดเป็นมูลค่าลดลงถึง 16.62 % หรือ 127,407 ล้านบาทเมื่อเทียบกับปี 65 ส่งผลให้ความต้องการใช้สินค้ามันสำปะหลังลดลงมากถึง 20-30%หรือทำให้มูลค่าของอุตสาหกรรมลดลงไปแล้วประมาณ 50,000 ล้านบาท และอาจลดลงอย่างต่อเนื่องในปีต่อไปด้วย โดยมันสำปะหลัง เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ มีเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังประมาณ 700,000 ครัวเรือน และก่อให้เกิดการจ้างงานในอุดสาหกรรมแปรรูปและอุต สาหกรรมต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 1 ล้านคน โดยประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเป็นอันดับหนึ่งของโลกมากว่า 20 ปี โดยที่ผ่านมามีมูลค่าส่งออกสูงถึง 150,000 บาทต่อปี และการใช้ภายในอีกประมาณ 50,000 ล้านบาทต่อปี มูลค่ารวมทั้งอุดสาหกรรมมันสำปะหลังประมาณ 200,000 ล้านบาท และยังมีมูลค่าอุตสาหกรรมต่อเนื่องอีกมากกว่า 300,000 ล้านบาท นับเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่ามหาศาล มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย และปัจจุบันอุตสาหกรรมมันสำปะหลังไทย ต้องประสบกับภาวะวิกฤตขาดแคลนผลผลิต ไม่เพียงพอต่อความต้องการอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีการผลิตที่ผ่านมา ผลผลิตมันสำปะหลังของไทยมีปริมาณลดลงจากในอดีตที่ได้ผลิตมากกว่า 30-33 ล้านตันต่อปี เหลือเพียงประมาณ 24-26 ล้านตันต่อปี อีกทั้งคุณภาพผลผลิตที่ลดลงด้วย ทำให้ตันทุนการผลิตสินค้าสูงขึ้นอย่างมาก


“หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป จะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขัน และทำให้สินค้ามันสำปะหลังไทยไม่สามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาดโลกได้อีกต่อไปโดยผลผลิตมันสำปะหลังที่ลดลงนั้น มีสาเหตุสำคัญจากการระบาดของโรดใบด่างมันลำปะหลัง
ที่เป็นโรดอุบัติใหม่พบการระบาดในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อปี 2561 โดยมีสาเหตุจากเชื้อไวรัส
Cassava mosaic virus สายพันธุ์ Sri Lankan (SLCMV/ มีแมลงหวี่ขาวเป็นพาหะนำโรด และการนำ
ตันพันธุ์ที่เป็นโรดไปปลูกต่อ เกิดภาวะขาดแคลนต้นพันธุ์สะอาดปลอดโรค มีการใช้พันธุ์อ่อนแอต่อโรดและที่เป็นโรดอยู่แล้วไปปลูกขยายต่อ แม้ว่าที่ผ่านมาภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พยายามแก้ไขปัญหา“นายชุมพล กล่าว

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังไม่สามารถกำจัดหรือควบคุมการระบาดได้สร้างความเสียหายต่อผลผลิตมันสำปะหลัง ซึ่งภาคเอกชนประเมินว่าพบการระบาดของโรดใบด่างมันสำปะหลังในประเทศไทยแล้วไม่น้อยกว่า 3 ล้านไร่ จากพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังทั้งประเทศประมาณ 9 ล้านไร่ หรือประมาณร้อยละ 30 ของพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมด หากผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนไม่ลงมือแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม ไม่มีวิธีการแก้ไขปัญหาที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ภาคเอกชนเชื่อว่าภายในระยะเวลาอันสั้น โรคใบด่างมันสำปะหลังจะระบาดไปในพื้นที่เพาะปลูกทั้งประเทศ สร้างความเสียหายและเกิดหายนะต่ออุตสาหกรรมอย่างใหญ่หลวง

ทั้งนี้ 2 องค์กรได้ตระหนักถึงภัยอันตราย ได้จัดทำปรับปรุงพันธุ์ต้นทานและการใช้วิธีการควบคุมโรคพืชรวมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์สามารถคัดลือกพันรุ์ต้านทานโรคใบด่างมันสำปะหลังชุดแรก 3 พันธุ์ และได้รับพระราชทานซื่อพันธุ์จาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัดนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้แก่ พันธุ์อิทธิ 1 พันธุ์อิทธิ 2 และพันธุ์อิทธิ 3 รวมทั้งยังมีการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ลูกผสมต้านทานโรค เพื่อให้มีผลผลิตดีขึ้น แม้จะไม่สูงเท่ากับพันธุ์เกษตรศาสตร์ 50 แต่ทั้ง 3 พันธุ์ มีความคุ้มค่าเชิงพาณิชย์เพื่อนำไป
ปลูกทดแทนในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค เพื่อช่วยยับยั้งการระบาดของโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และประสิทธิผล โดยมีเป้าหมายให้เกิดการใช้พันธุ์ต้านทานให้ครอบคลุมพื้นที่เพาะปลูกทั่วประเทศไทยภายในเวลา 5 ปี เพื่อให้ภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมมันสำปะหลัง
ไทยทั้งระบบคงขีดความสามารถการแข่งขันที่ยั่งยืน ดังนั้น จึงอยากให้รัฐบาลเร่งหามาตรการช่วยเหลือโดยจัดหาพันธุ์ที่ทนทานเพื่อแจกจ่ายให้กับเกษตรกรผู้ปลูกมันสะปะหลังกันต่อไป.-541-สำนักข่าวไทย


  1. โรคใบด่างมันสำปะหลัง (Cassava Mosaic Disease, CMD) เกิดจากเชื้อ Cassava
    Mosaic Virus ซึ่งเป็นไวรัสที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของมันสำปะหลัง โดยทำให้ใบด่าง ต้น
    แคระแกรน และผลผลิตลดลง พบการระบาคเข้าสู่เอเชียใต้ในประเทศศรีลังกาและอินเดีย และมี
    เพียงสายพันธุ์ SLCMV (Sri Lankan Cassava Mosaic Virus) ได้แพร่เข้าสู่ประเทศกัมพูชา
    ด้านจังหวัดรัตนคืรี เมื่อปี 2559 และประเทศเวียดนาม จังหวัดเตนินห์ ชายแคนเวียดนาม
    กัมพูชา ในปี2560 และแพร่เข้าสู่ประเทศไทยทางบริเวณจังหวัดชายแดน ไทย-กัมพูชา ด้าน
    จังหวัดศรีสะเกษ บุรี รัมย์ และปราจีนบุรี เมื่อปี 2561
  2. มูลนิธิฯ ตระหนักถึงอันตรายของโรคใบค่างมันสำปะหลังนี้ ตั้งแต่ปี 2559
    จึงได้ร่วมกันเผยแพรถึงอันตราย และผลกระทบที่จะเกิดต่อการผลิตมันสำปะหลังของประเทศ
    และย้ำถึงการแก้ไขการระบาคของโรคใบค่างในฟริกาและเอเชียใต้ว่า โรคใบด่างมันสำปะหลังนี้
    ไม่มียารักษา ไม่มีมาตรการใดแก้ไขได้นอกจากต้องใช้พันธุ์ต้านทานโรคใบด่างที่เหมาะสมมา
    เปลี่ยนให้เกษตรกรปลูกทั่วประเทศ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
    จากการประสานงานกับผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก มูลนิธิฯ ได้ทำโครงการวิจัยพัฒนาพันธุ์
    ต้านทาน CMD ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในปี 2560 และได้รับความร่วมมือจากศูนย์
    เกษตรเขตร้อนนานาชาติ (Centro Internacional de Agricultura Tropical, CIAT) และสถาบัน
    เกษตรเขตร้อนนานาชาติ (International Institute of Tropical Agriculture, IITA) และได้นำสาย
    พันธุ์ต้านทาน CMD จาก ITA เข้ามารวม 5 สายพันธุ์ ในปี 2561 เพื่อทคลองปลูก โดยผ่านการ
    ตรวงควบคุมโรคพืชของกรมวิชาการเกษตร ผลการทคสอบในช่วงปี 2561-2566 งได้คัดเลือก
    สายพันธุ์ที่มีความต้านทานต่อโรดใบด่างระดับสูง (ตารางที่ 1 และ 2) และเหมาะแก่การปลูกใน
    ประเทศไทย จำนวน 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ TME B419, IITA-TMS-IBA980581 และ
    ITA-TMS-IBA920057 และ โครงการฯ ได้มอบต้นพันธุ์ของทั้ง 3 สายพันธุ์ จำนวน 17,000 ลำ
    ให้แก่มูลนิธิฯ ในเดือนมีนาคม 2566
ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ไทย-กัมพูชา เห็นพ้องหยุดยิงคืนนี้เวลา 24.00 น.

มาเลยเซีย 28 ก.ค.-ผลหารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เห็นพ้องหยุดยิงคืนนี้ เวลา 24.00 น. และกลับไปใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง แถลงการณ์ร่วมต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับการประชุมพิเศษที่มาเลเซียเป็นเจ้าภาพ เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันระหว่างกัมพูชาและไทย รัฐบาลของประเทศมาเลเซีย กัมพูชา และไทย ได้ออกแถลงการณ์ร่วมฉบับนี้ ภายหลังจากการประชุมพิเศษที่จัดขึ้น ณ เมืองปูตราจายา ประเทศมาเลเซีย โดยมีนายกรัฐมนตรี ดาโต๊ะ ซรี อันวาร์ อิบราฮิม เป็นประธาน เจ้าภาพ และผู้ร่วมสังเกตการณ์ พร้อมด้วยนายกรัฐมนตรีสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาแนด แห่งกัมพูชา และรองนายกรัฐมนตรีรักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย โดยมีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ร่วมจัด และสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้าร่วมอย่างแข็งขัน เพื่อส่งเสริมการแก้ไขสถานการณ์ด้วยสันติวิธี นายกรัฐมนตรีฮุน มาแนด และรองนายกรัฐมนตรีภูมิธรรม เวชยชัย ได้แสดงจุดยืนและความตั้งใจที่จะหยุดยิงโดยทันที และคืนสู่สภาวะปกติ ประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ได้ติดต่อกับผู้นำของทั้งสองประเทศเพื่อเรียกร้องให้หาทางออกอย่างสันติ ส่วนฝ่ายจีนก็ได้ติดต่ออย่างใกล้ชิดกับกัมพูชา ไทย มาเลเซีย และประเทศที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมการเจรจา การหยุดยิง และการฟื้นฟูสันติภาพ การมีส่วนร่วมและความร่วมมือของทุกฝ่ายสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในการสร้างสันติภาพ […]

ทหารไทยบึ้มเสาสัญญาณเครือข่าย smart

ศรีสะเกษ 28 ก.ค.-เปิดภาพทหารไทยบึ้มเสาสัญญาณเครือข่าย smart ใช้โดรนทิ้งบอมบ์ที่ตั้งทางทหารกัมพูชา พื้นที่ภูมะเขือ เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ภายหลังทหารไทยเข้ายึดพื้นที่ได้ทั้งหมด และมีการทำลายกระเช้าและบันได ที่ทหารกัมพูชาใช้เป็นเส้นทางในการขึ้นมาบนภูมะเขือ ล่าสุดทหารไทยใช้ระเบิดทำลายเสาสัญญาณเครือข่าย smart ของกัมพูชาบนยอดภูมะเขือ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ กองทัพบก ยังเผยแพร่คลิปการใช้โดรนทิ้งระเบิดโจมตีที่ตั้งทางทหารของฝ่ายกัมพูชา บริเวณด้านล่างภูมะเขือ.-313.-สำนักข่าวไทย

บุกยิงกลางตลาด อ.ต.ก.จตุจักร ตาย 6 เจ็บ 2

กทม. 28 ก.ค. – คนร้ายบุกยิงในตลาด อ.ต.ก. จตุจักร ก่อนจบชีวิตตัวเอง เสียชีวิตรวม 6 ราย บาดเจ็บ 2 ราย เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. วันนี้ (28 ก.ค.68) เจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตในตลาด อ.ต.ก.จตุจักร จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่าคนร้ายชื่อนายน้อย อายุ 61 ปี เป็นเจ้าของแผงขายสินค้าในตลาด อ.ต.ก. ก่อเหตุจ่อยิงศีรษะ รปภ. 4 คน และแม่ค้า 2 คน ก่อนจบชีวิตตัวเอง ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่พุ่งเป้าเรื่องความขัดแย้ง .-สำนักข่าวไทย

วันที่ 5 ชายแดนสุรินทร์ปะทะหนักแต่เช้ามืด

สุรินทร์ 28 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 5 ชายแดนสุรินทร์ กัมพูชาเปิดฉากปะทะหนักตั้งแต่เช้ามืด โดยเฉพาะโซนปราสาทตาควาย ด้านทีมข่าวลงพื้นที่ ต.บักได พบกระสุน BM-21 ตกจำนวนมาก บางหมู่บ้านเกิน 40 ลูก ขณะที่ศูนย์พักพิง ชาวบ้านยังมีปัญหาการหลับนอน และยังต้องการสิ่งของบริจาคจำนวนมาก ทีมข่าวลงพื้นที่ ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ วันนี้ มีกระสุน BM 21 มาตกในพื้นที่เป็นจำนวนมาก บางหมู่บ้านเกินกว่า 40 ลูก แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวบ้าน แต่สถานการณ์การปะทะ ที่เข้าสู่วันที่ 5 ทำให้วัวตายไปหลายตัว ส่วนใหญ่ตกในพื้นที่ทางการเกษตร โดยวันนี้พบว่า มีการเปิดฉากยิงปะทะกันด้วยอาวุธหนักตั้งแต่ช่วงเวลาตี 3 และมีเสียงดังอย่างต่อเนื่องจนถึงขณะนี้ เว้นระยะบ้าง เสียงรัวถี่บ้าง สลับกันไป โดยเฉพาะช่วง 10 โมงครึ่งที่ผ่านมา มีการปะทะกันชุดใหญ่เกินครึ่งชั่วโมง ทำให้เครื่องบินรบ F 16 ต้องขึ้นบินถล่ม เมื่อ 11 โมงเศษที่ผ่านมา สองแนวหลักที่ยิงข้ามมาเป็นประจำคือ […]