ครม.ปรับแผนบริหารหนี้งบปี 67 กู้เงินเพิ่ม 5.6 แสนล้านบาท

ทำเนียบฯ 13 ก.พ.- ครม. อนุมัติแผนการบริหารหนี้สาธารณะ งบประมาณ 2567 กู้เพิ่ม 5.6 แสนล้านบาท คงเป้าหมายหนี้สาธารณะร้อยละ 61.29 ต่อจีดีพี อยู่ในกรอบร้อยละ 70

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี อนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ (แผนฯ) ประจำปีงบประมาณ 2567 ครั้งที่ 1 ประกอบด้วย 1.แผนการก่อหนี้ใหม่ ปรับเพิ่ม 560,276 ล้านบาท (จากเดิม 194,434.53 ล้านบาท เพิ่มเป็น 754,710 ล้านบาท) 2.แผนการบริหารหนี้เดิม ปรับเพิ่ม 387,758 ล้านบาท (จากเดิม 1,621,135.22 ล้านบาท เพิ่มเป็น 2,008,893 ล้านบาท) และ 3.แผนการชำระหนี้ ปรับเพิ่ม 9,075 ล้านบาท (จากเดิม 390,538 ล้านบาท เป็น 399,613 ล้านบาท)


ครม. รับทราบแผนความต้องการเงินกู้ระยะปานกลาง 5 ปี (ปีงบประมาณ 2567 – 2571) มอบหมายให้กระทรวงเจ้าสังกัดประสานงานกับรัฐวิสาหกิจที่กำกับดูแล หากยังขาดความพร้อมให้ปรับแผน เพื่อเร่งรัดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ มอบหมายให้กระทรวงการคลัง พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไขการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยง หากรัฐวิสาหกิจสามารถกู้เงินได้เอง ให้ดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ

ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ ได้ประชุมครั้งที่ 3/2566 (13 ธันวาคม 2566) มีมติเห็นชอบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ (แผนฯ) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ครั้งที่ 1 เช่น การปรับเพิ่มวงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ 2567 (เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไปพลางก่อน) จำนวน 424,000 ล้านบาท การปรับเพิ่มวงเงินปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้รัฐบาลที่ครบกำหนดในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 – 2571 จำนวน 399,000 ล้านบาท การปรับเพิ่มวงเงินกู้ระยะสั้นเพื่อเสริมสภาพคล่องในรูปแบบ Credit Line เพื่อต่ออายุเงินกู้ระยะสั้นของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำนวน 30,000 ล้านบาท


การปรับเพิ่มวงเงินกู้ระยะยาวเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 20,000 ล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกสูงขึ้น และการสิ้นสุดมาตรการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ทำให้กองทุนต้องชดเชยมากขึ้น เป็นต้น การปรับปรุงแผนฯ ในครั้งนี้ มีโครงการพัฒนาโครงการ ต้องเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรี 56 โครงการ/รายการ คณะกรรมการฯ ได้ปรับลดโครงการกู้เงินระยะปานกลาง 5 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 – 2571) ลง 42 โครงการ คาดการณ์ว่าระดับประมาณการหนี้สาธารณะคงค้างต่อจีดีพี อยู่ที่ร้อยละ 61.29 (กรอบไม่เกินร้อยละ 70) และมีรัฐวิสาหกิจ จำนวน 1 แห่ง ที่มี DSCR ต่ำกว่า 1 เท่า ที่ต้องเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรี คือ การเคหะแห่งชาติซึ่งมี DSCR เท่ากับ 0.57 เท่า.- 515.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก