กรุงเทพฯ 29 ม.ค.- “บิ๊กโจ๊ก” ให้ ผบช.ภ.2 และผู้การฯ สระแก้ว ทบทวนทำคดีลุงเปี๊ยก หลังญาติร้องดีเอสไอ ขอให้ครั้งนี้เป็นตัวอย่างผู้บังคับบัญชาทุกจังหวัดว่าตำรวจมีอำนาจเบ็ดเสร็จในพื้นที่แล้ว ควรต้องทำงานให้เร็ว
พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ รับคดีลุงเปี๊ยกเป็นคดีพิเศษ ซึ่งเข้าข่ายตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 หรือ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ในมาตรา 31 ว่า การที่ญาติผู้เสียหาย และกัน จอมพลัง ไปร้องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ จนมีการรับเป็นคดีพิเศษนั้น ก็เป็นเรื่องที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว จะต้องทบทวนว่า ในเมื่อตำรวจทำคดีอยู่ แล้วทำไมผู้เสียหายถึงยังต้องไปร้องหน่วยงานอื่น เป็นเรื่องของความเชื่อมั่นของประชาชน
คดีนี้ กัน จอมพลัง และญาติผู้เสียหาย อาจมองว่าไม่เชื่อมั่นตำรวจ และคิดว่าอาจจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวข้องมากกว่านี้ ซึ่งตนก็ได้กำชับผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 และผู้บังคับการจังหวัดสระแก้วไปแล้วว่า จะต้องทำให้ประชาชนเชื่อมั่น ถ้าไม่เชื่อมั่น เขาก็ต้องไปร้องหน่วยอื่นแบบนี้ คดีนี้ การที่ระดับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติลงไปกำชับเองแล้ว ก็ควรต้องทำความจริงให้ปรากฎ ถ้าลูกน้องตัวเองผิด ก็ต้องผิด ช่วยเหลือไม่ได้ หากเข้าข่าย พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ก็ต้องดำเนินคดี แต่เมื่อตำรวจทำช้า ทำให้ประชาชนไม่เชื่อมั่น เขาก็ต้องไปร้องที่อื่น และทุกวันนี้ยิ่งมีโซเชียลมีเดีย มีอินฟลูเอ็นเซอร์ ถ้าตำรวจทำงานได้ไม่สมบูรณ์ ประชาชนก็ไม่เชื่อมั่น ครั้งนี้จึงขอให้เป็นตัวอย่างให้กับผู้บังคับการตำรวจภูธรทุกจังหวัดว่า ในเมื่อมีอำนาจในพื้นที่ตัวเองเบ็ดเสร็จแล้ว ก็ควรต้องทำให้เร็ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษรับคดีลุงเปี๊ยกเป็นคดีพิเศษแล้ว ตำรวจก็หมดหน้าที่ในส่วนนี้ แต่ในส่วนของตน จะยังคงลงไปดูคดีอื่นๆ ในพื้นที่ ที่มีลูกหลานชาวบ้านกระทำความผิด ล่าสุด พบเพิ่ม 8 คดี มีการออกหมายจับ แจ้งข้อหาไปหมดแล้ว ปลายสัปดาห์นี้ ตนจะลงไปเยี่ยมที่จังหวัดสระแก้ว เพื่อให้ประชาชนให้มีขวัญและกำลังใจด้วย.-516-สำนักข่าวไทย