กรุงเทพฯ 29 ม.ค.-เมืองไทยประกันชีวิต จ่อลงทุน “คลินิกเฉพาะทาง-ดูแลผู้สูงอายุ” ตอบโจทย์สังคมสูงอายุ พร้อมออกแบบประกันภัยที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม
นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ MTL เปิดเผยว่าปี2566 เป็นปีที่สำคัญของเมืองไทยประกันชีวิตในการอยู่เคียงข้างสร้างรอยยิ้มแก่คนไทยครบ 72 ปี และยังเป็นปีที่บริษัทฯ ได้รับคะแนน NPS (Net Promoter Score) สูงถึง 58 คะแนน เพิ่มขึ้นจากปีที่ก่อนหน้าถึง 17 คะแนน โดยคะแนนดังกล่าวบ่งชี้ความผูกพันธ์และความพึงพอใจของลูกค้าผ่านคำถามง่ายๆ ว่า ลูกค้ามีแนวโน้มจะแนะนำแบรนด์ให้กับเพื่อนหรือคนรู้จักมากน้อยเพียงใด ซึ่งสะท้อนถึงการดำเนินงานเพื่อลูกค้าอย่างครบวงจร
ปี 2566 บริษัทเมืองไทยประกันชีวิตมีเบี้ยรับประกันใหม่กว่า 7 หมื่นล้านบาท เติบโต 2% เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีเบียรับประกันใหม่ราว 6 หม่านล้านบาท โดยมีการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับใหม่ในกลุ่มสินค้าหลัก อาทิ เบี้ยประกันภัยโรคร้ายแรงเติบโต 70% และ เบี้ยประกันภัยบำนาญเติบโต 13% ตั้งเป้าปี 2567 เบี้ยรับประกันใหม่จะเติบโตมากกว่า 20%
พร้อมเดินหน้าสานต่อการเป็นคู่คิดด้านการวางแผนชีวิตและสุขภาพที่คุณวางใจ (No. 1 Most Trusted Partner in Life & Health Planning) พร้อมเปิดตัวกลยุทธ์ประจำปี “Happiness, Your Way เพราะความสุขคือทุกอย่าง… ความสุขสไตล์คุณคือที่สุดของทุกสิ่ง” ที่จะเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจในปีนี้ เพื่อความสุขและรอยยิ้มของพนักงานภายใน พาร์ทเนอร์ ลูกค้า และสังคมอย่างยั่งยืน โดยบริษัทฯ จะดำเนินงานผ่าน 2 แนวคิดหลัก ได้แก่ Personal เน้นการสร้างสรรค์พัฒนาทั้งผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความเป็นคุณอย่างแท้จริง และ Life มุ่งสร้างนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ทุกช่วงชีวิตของผู้คนทุกกลุ่ม
“ปี 2567 เราตั้งเป้าเป็นมากกว่าประกันฯ ตั้งแต่การนำเสนอ การเข้าถึงการบริการ ไปจนถึงเรื่องของสไมล์คลับ รวมถึงการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจเฮลท์แคร์ ทั้งโรงพยาบาล คลีนิค nursing home ตามหลักเกณฑ์ที่ คปภ.กำหนด เดิมบริษัทมีลงทุนโรงพยาบาลอยู่แล้ว 10% ซึ่งเป็นไปตามที่ คปภ.กำหนด ซึ่งการที่ คปภ.เปิดให้ลงทุนกิจการสถานพยาบาลได้ทุกประเภทและคลินิก โดยต้องลงมากกว่า 20% ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่จะลงที่ไหนบ้างและลงสัดส่วนเท่าไหร่จะมีการแถลงรายละเอียดเร็วๆนี้” นายสาระ กล่าว
นอกจากนี้ ยังขยายอายุรับประกันภัยสำหรับแบบประกันภัยหลัก ๆ ถึง 90 ปี พร้อมให้ความคุ้มครองต่อเนื่องสูงสุดถึงอายุ 99 ปี ส่วนการพัฒนาแบบประกันภัยสำหรับคนที่เข้าไม่ถึงแบบประกัน ด้วยข้อจำกัดทั้งด้านอายุ โรคประจำตัวที่เป็นอยู่ หรือไหวแค่ไหนก็ออกแบบให้เข้าถึงได้เพื่อสร้างความอุ่นใจโดยไม่เป็นภาระ รวมถึงการเปิดการเข้าถึงความคุ้มครองและสุขภาพที่ดีในรูปแบบใหม่ ๆ ตามสภาวะโลกที่เปลี่ยนไป สำหรับมิติสิ่งแวดล้อม เมืองไทยประกันชีวิตได้ลงทุนและเปิดโอกาสให้ลูกค้า Unit-Linked สามารถลงทุนในสินทรัพย์สีเขียว ไม่ว่าจะเป็น ตราสารหนี้สีเขียว (Green Bond) ตราสาร ESG (ESG Bond) และตราสารส่งเสริมความยั่งยืน พร้อมปลูกฝังวัฒนธรรมสีเขียวให้แก่พนักงานในองค์กร
ขณะที่ธุรกิจในภูมิภาค CLMV ยังมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน ณ สิ้นปี 2566 สูงกว่า 300% ซึ่งสูงกว่าระดับเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามเกณฑ์ที่หน่วยงานกำกับดูแลกำหนดที่ 140% .- 517-สำนักข่าวไทย