กรุงเทพฯ 28 ม.ค.-TFEX จัดสัมมนา “คว้าโอกาสทำกำไร เสริมพอร์ตแกร่งด้วย TFEX” นักวิเคราะห์คาด Ditigal Wallet หนุนจีดีพีปี 67 โตถึง 4% ชี้งบประมาณรัฐออก 2 รอบ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจปี 67
บมจ. ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) หรือ TFEX จัดสัมมนาพิเศษรับปีมังกรทอง “คว้าโอกาสทำกำไร เสริมพอร์ตแกร่งด้วย TFEX” เนื้อหาเข้มข้น ทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจการลงทุนปี 2567 ณ ชั้น 3 ตลาดหลักทรัพย์ฯ ถ.รัชดาภิเษก ได้รับความสนใจจากนักลงทุนหลากหลายวับเข้ร่วมการสัมมนาจำนวนมาก
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้านักกลยุทธ์ บล. กรุงศรี พัฒนสิน กล่าวในการสัมมนาว่า ปี 2566 เศรษฐกิจไทยมีการปรับลงตัวเลขจีดีพี ทุกไตรมาส และคาดว่าตัวเลขไตรมาส 4 ที่จะออกมาก็น่าจะต่ำกว่าคาดการณ์ ขณะที่ปี 2567 มองว่าธนาคารกลางสำคัญต่างๆ ควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้แล้วและเตรียมจะกลับนโยบายมาเป็นผ่อนคลายทางการเงินด้วยกันลดอัตราดอกเบี้ย โดยมองว่าพันธบัตรสหรัฐ 10 ปีผ่านจุดสูงสุดไปแล้วตั้งแต่ช่วงเดือน ต.ค. 2566 ทั้งนี้ คาดการณ์จีดีพี ปี 2567 ของประเทศในฝั่งเอเชียเติบโตในช่วง 2-6.3% สูงกว่าประเทศพัฒนาแล้วที่โตเพียง 0.5-1%
สำหรับประเด็นที่ต้องจับตาในปี 2567 ได้แก่ เศรษฐกิจของจีน ที่พบว่าภาคการผลิตของจีนฟื้นตัวกลับมาอยู่เหนือกว่าระดับค่าเฉลี่ยของช่วงก่อนโควิด-19 ขณะที่ภาคการบริโภคยังฟื้นตัวได้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงเดียวกันภาคการบริโภคที่ฟื้นตัวช้าเป็นปัจจัยถ่วงเศรษฐกิจจีน นอกจากนี้จีนยังกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ด้านราคาบ้านสร้างใหม่ยังมีทิศทางลดลงต่อเนื่องสะท้อนความเสี่ยงในภาคอสังหาฯ
ยังมีปัจจัยด้านลบจาก ความตึงเครียดในทะเลแดงที่ยืดเยื้อ ทำให้ปริมาณการขนส่งผ่านคลอง สุเอซ ลดลงอย่างต่อเนื่อง หากยืดเยื้ออาจเป็นตัวถ่วงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและหนุนราคาน้ำมันดิบ รวมทั้ง ปรากฏการณ์เอลนีโญ ที่อุณหภูมิทั่วโลกมีแนวโน้มสูงขึ้นและปีนี้ มีโอกาสที่อุณหภูมิจะทำสถิติสูงกว่าปีที่แล้ว อาจทำให้หลายแห่งทั่วโลกเกิดความแห้งแล้ง กระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรมีแนวโน้มทำให้ราคา Soft Commodities สูงขึ้นได้และอาจเป็นปัจจัยกระตุ้นความเสี่ยงเงินเฟ้อจากราคาอาหารให้กลับมาอีกครั้งได้
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ มองว่าการบริโภคจะเติบโตได้ดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล การท่องเที่ยวที่กำลังเร่งขึ้น ดูจากตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทยในเดือน ธ.ค.และ ม.ค.มกราคมที่ขยับสูงขึ้น และมีโอกาสที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับดอกเบี้ยนโยบายลงเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้หลัง Real Yield เป็นบวกมาแล้ว 7 เดือน
ทั้งนี้ ประเมินว่านโยบาย Digital Wallet จะเป็นมาตรการสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นการบริโภคในปี 2567 และคาดว่าหากรวมมาตรการ Digital Wallet เข้าไป จะส่งผลให้จีดีพีปี 2567 เพิ่มขึ้นได้ราว 0.5 – 0.6% จากเดิมที่คาดไว้ 3.5%
อีกสิ่งที่ขาดหายมานานของไทย คือกองทุนระยะยาวที่มีโอกาสกลับมาเพิ่มขึ้น กองทุน ลดหย่อนภาษี TESG ซึ่งช่วยลดหย่อนภาษีสูงสุด 30% ของรายได้สุทธิหรือไม่เกิน 100,000 บาท และมีระยะเวลาของโครงการยาวถึงปี. 2575 จะเป็นตัวช่วยหนุนตลาดหุ้นไทย ซึ่งขาดแรงพยุงจากกลุ่มกองทุนมานานกองทุนลดหย่อนภาษีแบบ LTF หมดลง
ด้านนายจรณเวท ศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการฝ่ายแนะนำการลงทุน บลป.คลาสสิก ออสสิริส กล่าวว่าการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ ที่ในปีนี้จะมี 2 ครั้ง จะทำให้เกิดการเติบโตแบบทวีคูณจีดีพีอาจขยับขันไปได้ถึง 3.76% อย่างไรก็ตาม มองว่าภาครัฐควรมีมาตรการย่อยๆในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้มีเงินไหลเข้าในระบบ และหากมาตรการขนาดใหญ่ที่กำลังทำอยู่ไม่สามารถไปต่อได้ ควรมองหาแหล่งเงินทุนสำรองที่จะเข้าไปในระบบ
ปัจจัยหนุนการลงทุนปีนี้ นอกจากมาตรการภาครัฐ ยังมองว่าปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัว ยกเว้นตลาดฮ่องกงและจีนที่ย่อลง ซึ่งล่าสุดมีแนวโน้มที่จะดีดกลับขึ้นมา ก็น่าจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยด้วย.-516-สำนักข่าวไทย