กรุงเทพฯ 22 ม.ค.-ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 68-75 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 73-80 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล..หวั่นเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
บมจ.ไทยออยล์ คาดแนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (22 – 26 ม.ค. 67) มีแนวโน้มปรับตัวลดลง หลังได้รับแรงกดดันจากความกังวลต่อภาพการเติบโตของเศรษฐกิจในเขตเศรษฐกิจหลักของโลกอันได้แก่ สหรัฐฯ และจีน โดยในฝั่งของสหรัฐฯ ตลาดเริ่มไม่มั่นใจว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดดอกเบี้ยตามที่ได้แจ้งไว้ใน Dot Plot ของการประชุมครั้งที่ผ่านมา ขณะที่จีนซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับที่สองของโลก เผชิญกับภาวะเงินฝืดหลังดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตยังคงหดตัวในเดือน ธ.ค. 66 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ รายงานฉบับล่าสุดของธนาคารโลก (World Bank) บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากสภาพอากาศหนาวเย็นฉับพลัน (Cold Snap) ในสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้อุปทานมีแนวโน้มตึงตัวขึ้น นอกจากนี้อุปทานน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับลดลง ภายหลังปริมาณการผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดานและจำนวนแท่นขุดเจาะปรับตัวลดลง ประกอบกับสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคตะวันออกกลาง ที่ยังคงมีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้นได้เป็นระยะ
ตลาดจับตาสภาพอากาศหนาวเย็นฉับพลัน (Cold Snap) ในรัฐนอร์ทดาโคตา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันขนาดใหญ่อันดับต้นของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำลังการผลิตน้ำมันปรับลดลง 650,000 ถึง 700,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งมากกว่า 50% ของกำลังการผลิตในสภาวะปกติ ขณะเดียวกันรายงานพยากรณ์อากาศบ่งชี้ว่าในช่วงปลายเดือน ม.ค. อุณหภูมิใน 48 รัฐตอนล่างของสหรัฐฯ จะอุ่นขึ้นกว่าปกติ ปัจจัยดังกล่าวกดดันต่อความต้องการใช้เชื้อเพลิงในเครื่องทำความร้อน
อุปทานน้ำมันของสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวลดลง หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) คาดการณ์ปริมาณการผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (Shale Oil) ในเดือน ก.พ. 67 จะปรับตัวลดลง 0.12% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า การลดลงดังกล่าวถือเป็นการลดลง 5 เดือนติดต่อกัน ขณะที่ Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซของสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 12 ม.ค. ปรับตัวลดลง 2 แท่นมาอยู่ที่ระดับ 619 แท่น และจำนวนแท่นขุดเจาะทั้งหมดยังต่ำกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว 20% หรือคิดเป็นจำนวนที่ลดลง 156 แท่น
ตลาดยังจับตาสถานการณ์ความตึงเครียดในภูมิภาค
ตะวันออกกลาง ภายหลังกลุ่มกบฏฮูตียังคงเดินหน้าโจมตีเรือเดินสมุทรในบริเวณพื้นที่ทะเลแดง โดยล่าสุดได้โจมตีได้ยิงขีปนาวุธโจมตีเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ Gibraltar Eagle แม้ก่อนหน้านี้กองกำลังร่วมซึ่งนำโดยสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรได้โจมตีฐานที่มั่นของกลุ่มฮูตีในเยเมน ขณะที่กองกำลังของอิหร่านได้โจมตีศูนย์บัญชาการหน่วยมอสซาดของอิสราเอลในอิรักและกลุ่มต่อต้านอิหร่านในซีเรียและปากีสถาน
สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (15 – 19 ม.ค. 67) ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับเพิ่มขึ้น 0.73 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 73.41 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 0.27 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 78.56 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 78.80 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังอุปทานมีแนวโน้มตึงตัวขึ้น จากสภาพอากาศที่หนาวจัดในรัฐนอร์ท ดาโคตา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันขนาดใหญ่อันดับต้นของสหรัฐฯ
ด้านสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันในปี 2567 นี้จะปรับเพิ่มสู่ระดับ 1.24 ล้านบาร์เรลต่อวัน และกลุ่มโอเปกคาดว่าอุปสงค์น้ำมันโลกจะปรับเพิ่มกว่า 2.25 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 12 ม.ค. 67 ปรับลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 429.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงเพียง 0.3 ล้านบาร์เรล เป็นอีกปัจจัยที่เข้ามาสนับสนุนตัวของตลาด อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันภายหลังสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัวเพียง 5.2% ในไตรมาส 4/66 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 5.3% ซึ่งอาจทำให้จีนต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในรูปแบบต่างๆ.-511-สำนักข่าวไทย