ดึงผู้จัดจำหน่าย ค้าส่ง-ค้าปลีกรายใหญ่ช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้ SME ไทย

นนทบุรี 22 ม.ค.-อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าหารือผู้ผลิต-ผู้จัดจำหน่าย ค้าส่ง-ค้าปลีกรายใหญ่ ดึงเป็นพันธมิตรในการทำงานร่วมกันเพื่อสร้างโอกาส พัฒนาศักยภาพ และเพิ่มยอดขายให้ SME ไทยเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่น สร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ให้คนในชุมชน ยกระดับเป็น ‘สมาร์ทโชห่วย’ ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล


นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากล่าวว่า กรมฯได้จัดทำแผนเร่งดำเนินการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส และสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี พร้อมผลักดันการเพิ่มสัดส่วน GDP เอสเอ็มอีของไทย จาก 35.2% เป็น 40% ภายในปี 2570 ดังนั้น เป้าประสงค์หลักสำหรับการดำเนินงานของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าปี 2567 จึงเน้นให้ความสำคัญต่อการสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการ  โดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ให้ได้ประโยชน์มากที่สุด

ทั้งนี้ กรมฯ ได้หารือร่วมกับพันธมิตรที่เป็นผู้ผลิต-ผู้จัดจำหน่าย ค้าส่ง-ค้าปลีกรายใหญ่ คือ บริษัท เบอร์ลี่ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC บริษัท ซีพีแอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO และบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการ SME ตลอดไปถึงร้านโชห่วยในท้องถิ่น โดยวาระสำคัญ ‘ทำอย่างไรที่จะร่วมมือกันสร้างโอกาสและพัฒนาศักยภาพให้กับธุรกิจค้า SME และร้านโชห่วยของไทย สามารถเติบโตด้วยความเข้มแข็งและยืนหยัดคู่คนในท้องถิ่น’ รวมทั้ง เป็นกลไกสำคัญของจังหวัดในการเป็นแหล่งจ้างงานระดับภูมิภาค สร้างงาน สร้างอาชีพ และเพิ่มรายได้ให้คนในชุมชน ซึ่งโดยรวมเห็นพ้องกันว่า ลำดับแรกจำเป็นต้องบ่มเพาะสร้างจิตวิญญาณความเป็นผู้ประกอบการ และเติมความรู้ที่จำเป็นต่อการประกอบธุรกิจให้กับผู้ประกอบการค้า SME และร้านโชห่วย


อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโชห่วยจะเป็นกิจการเล็กๆ แต่เป็นหน่วยธุรกิจเล็กที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศที่ใหญ่มาก ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ประกอบการค้าส่ง-ค้าปลีกรวมกว่า 400,000 ราย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 370,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เกินกว่า 80% เป็นโชห่วยรายเล็กที่กระจายอยู่ในชุมชน หมู่บ้านต่างๆ ทั่วประเทศ ดังนั้น การพัฒนาผู้ประกอบการร้านโชห่วยให้มีความเข้มแข็ง ทั้งการเสริมทักษะองค์ความรู้ด้านต่างๆ และนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเป็นเครื่องมือช่วยบริหารจัดการภายในร้านค้าจะทำให้ร้านโชห่วยของไทยได้รับการยกระดับเป็น ‘สมาร์ทโชห่วย’ ที่พร้อมแข่งขันและพร้อมรับมือกับทุกความท้าทายที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต

ทั้งนี้ โดยผลหารือกับ BJC, MAKRO และ สหพัฒน์ฯ ยินดีให้ความร่วมมือกับกรมฯ โดยใช้จุดแข็งของแต่ละบริษัทฯ สนับสนุนองค์ความรู้ที่จำเป็นและเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีอยู่เสริมศักยภาพทุกด้านให้ผู้ประกอบการ โดยจะร่วมกันจัดทำแผนการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม กำหนดช่วงเวลา รูปแบบ และแบ่งกลุ่มผู้ประกอบการให้สอดคล้องกับสถานที่ตั้งร้านและขนาดโชห่วยแต่ละแห่งเพื่อให้ง่ายต่อการเสริมสร้างทักษะองค์ความรู้และส่งต่อเทคโนโลยี ทั้งนี้ เชื่อว่า BJC, MAKRO และ สหพัฒน์ฯ จะเป็นพันธมิตรที่เป็นกำลังสำคัญในการยกระดับผู้ประกอบการโชห่วยให้เป็น ‘สมาร์ทโชห่วย’ ที่สมบูรณ์

อย่างไรก็ตาม บริษัท เบอร์ลี่ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC ร่วมจัดสัมมนาทั้งรูปแบบออนไลน์และออนไซต์ โดย BJC จัดส่งวิทยากรเข้าร่วมให้ความรู้ผู้ประกอบการด้านการบริหารจัดการร้านค้า รวมถึงการเป็นพันธมิตรโครงการ ‘สมาร์ทโชห่วย พลัส’ ร่วมกันพัฒนาผู้ประกอบการ ส่งเสริมให้ร้านค้าใช้เทคโนโลยี POS เป็นตัวช่วยในการบริหารจัดการ ขณะที่ บริษัท ซีพีแอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO ร่วมจัดสัมมนาออนไลน์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการด้านบัญชี ภาษี การทำประชาสัมพันธ์ผ่านโซเชียลมีเดีย และนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาร้านค้า สนับสนุนให้มีการจดทะเบียนพาณิชย์หรือนิติบุคคล และพร้อมเป็นสื่อกลางส่งต่อข้อมูลของกรมฯ ไปยังร้านค้าโชห่วยที่เป็นสมาชิกของ MAKRO 


นอกจากนี้ ซีพีแอ๊กซ์ตร้าจะเชิญกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในฐานะตัวแทนภาครัฐที่มีภารกิจด้านการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการเข้าร่วมงานและออกบูธให้คำปรึกษา แนะนำ และร่วมเป็นวิทยากร ในงาน ‘ตลาดนัดโชห่วย’ ครั้งที่ 14 วันที่ 21 – 24 มีนาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น (KICE) จ.ขอนแก่น และงาน ‘ตลาดนัด โชห่วยภูมิภาค’ ช่วงเดือนพฤษภาคม – ตุลาคม 2567 จำนวน 6 ครั้ง 6 ภูมิภาค

ส่วนบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นวิทยากรในการให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการโชห่วยด้านการบริหารจัดการต้นทุนสินค้า การจัดเรียงสินค้าที่ถูกต้องตามหลักสากล และการคัดเลือกสินค้าที่เหมาะสมมาจำหน่ายภายในร้าน การเชิญชวนและคัดกรองผู้ประกอบการเข้าร่วมการพัฒนาภายใต้โครงการพัฒนาร้านค้าต้นแบบและโครงการสมาร์ทโชห่วย พลัส ในปี 2567 รวมทั้งประชาสัมพันธ์กิจกรรมอบรม/สัมมนา และหลักสูตร e-Learning ต่างๆ ของกรมฯ เพื่อเสริมสร้าง  องค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการร้านค้าโชห่วย ตลอดจนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ ให้แก่ร้านค้า การออกงานแสดงสินค้าและจัดโปรโมชันพิเศษให้แก่ร้านค้าอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม กรมฯมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการร้านค้าส่งค้าปลีกตั้งแต่ขนาดเล็ก ได้แก่ ร้านค้าปลีกรายย่อย หรือ ร้านค้าโชห่วย ไปจนถึงร้านค้าขนาดกลาง-ใหญ่ ได้แก่ ร้านค้าส่งค้าปลีกท้องถิ่นในระดับอำเภอ/จังหวัด โดยมีเป้าหมาย 3 ประการ คือ 1) เพิ่มรายได้  2) ลดต้นทุน และ 3) สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ และเน้นด้านการส่งเสริมพัฒนาออกเป็น 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 การเสริมสร้างองค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการร้านค้าโชห่วย จัดกิจกรรมฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการการสัมมนาแลกเปลี่ยนความรู้ทั้งในรูปแบบออนไซต์และออนไลน์ ตลอดจนการเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการและหน่วยงานพันธมิตรที่อยู่ในห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ของธุรกิจค้าส่งค้าปลีก ด้านที่ 2 พัฒนาร้านค้าให้เป็น ‘สมาร์ทโชห่วย’ ดำเนินการครอบคลุม 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ โดยบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรดำเนินการพัฒนาด้านการปรับภาพลักษณ์ร้านค้า ตามหลัก 5 ส (สวย สะอาด สว่าง สะดวก สบาย) และด้านการส่งเสริมใช้ระบบ POS โดยจัดทีมผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่ให้ความรู้ในการนำระบบ POS (Point of Sale) มาใช้บริหารจัดการภายในร้าน 

ด้านที่ 3 การยกระดับร้านค้าส่งค้าปลีกท้องถิ่นให้เป็น ‘ร้านค้าต้นแบบ’ ดำเนินการพัฒนาผู้ประกอบการร้านค้าส่งค้าปลีกท้องถิ่นขนาดกลาง-ใหญ่ในพื้นที่ 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ ให้มีมาตรฐานการบริหารจัดการที่ดีตามเกณฑ์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าด้านต่างๆ อาทิ การกำหนดทิศทางและกลยุทธ์สู่ความยั่งยืน ลูกค้าและการตลาด สารสนเทศ เทคโนโลยีและนวัตกรรม บุคลากร การจัดซื้อและบริหารจัดการโลจิสติกส์  การบริหารการขาย 

และกรมฯ จะเดินหน้าขยายความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรรายอื่นๆ ที่มีความเข้มแข็งแต่ละด้าน เพื่อเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการไทยให้แข่งขันได้ทุกตลาดและเติบโตอย่างเป็นระบบ เช่น บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจค้าปลีกอันดับต้นของประเทศ ที่มีทั้งประสบการณ์ องค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการธุรกิจ และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งพันธมิตรที่จะช่วยพัฒนาธุรกิจค้าส่ง/โชห่วยและธุรกิจร้านอาหารของไทยให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป.-514-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ ถึงอุบลฯ แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้ชาวบ้าน

อุบลราชธานี 20 มิ.ย.-นายกฯ ถึงอุบลราชธานี แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้จากประชาชน ก่อนขึ้น ฮ.ไปฐานมรกต ให้กำลังใจทหารแนวหน้า ขำสื่อรุมถาม “ไมค์เขกหัวนายกฯ” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงกองบิน 21 จ.อุบลราชธานี โดยมี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 รอรับ และเดินทางต่อไปที่สนามกีฬานานาชาติ อบต.โดมประดิษฐ์ มีว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีต รมว.มหาดไทย และ สส.พรรคเพื่อไทย มารอต้อนรับ น.ส.แพทองธาร ได้มอบสิ่งของให้แก่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง โดยชาวบ้านหลายคนนำดอกกุหลาบ และผ้าขาวม้า มามอบให้เป็นกำลังใจแก่นายกฯ ในระหว่างที่ประชาชนมอบดอกไม้ให้ นายกฯ ชวนแม่ทัพภาคที่ 2 มารับดอกไม้และถ่ายภาพร่วมกัน ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการพูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เคลียร์ใจแล้วหรือไม่ […]

พรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน

รัฐสภา 20 มิ.ย.-เลขาธิการสภาฯ แจงพรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน แม้จะมีชื่อในบัญชี ก็ไม่เป็นผล ว่าที่ร้องตรีอาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หากต้องมีการเลือกนายกฯ ใหม่ ว่า บุคคลที่สามารถได้รับการเสนอชื่อจะต้องเป็นบุคคลที่มีรายชื่อในบัญชีที่เสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง โดยพรรคที่สามารถเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯได้ จะต้องมี สส.จำนวน 5% ของสส. 500 คน คือมี สส. 25 คน ตามมาตรา 159 วรรค 1 ซึ่งในขณะนี้มี สส.ในสภาฯ จำนวน 495 คน 5% คือ 24.75 ซึ่งพรรคพลังประชารัฐขณะนี้มี สส.เหลือไม่ถึง 20 คน จึงไม่สามารถเสนอบุคคลในบัญชีรายชื่อคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ ได้ ตามมาตรา 159 […]

ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ยิงข้างห้องดับ 1 เจ็บ 1

ชุมพร 20 มิ.ย. – ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ฉุนข้างห้องติดเครื่องรถกระบะจอดแช่นาน เกิดมีปากเสียง คว้าปืนยิงสามีเข้าที่คอบาดเจ็บ ส่วนภรรยาโดนยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิต ตำรวจ สภ.เมืองชุมพร เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุยิงกัน บริเวณห้องเช่า ริมถนนซอยสุขาภิบาล 17 – วัดเขาปุก ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร ที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวเช่าติดกัน 4 ห้อง บริเวณหน้าห้องซ้ายสุด มีรถกระบะสีดำจอดอยู่ พร้อมกองเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อ น.ส.จิราวรรณ อายุ 54 ปี ถูกยิงเข้าที่ตาข้างขวา อาการสาหัส หน่วยกู้ชีพนำส่งโรงพยาบาล ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 คน คือ นายสุรพจน์ อายุ 53 ปี ถูกยิงเข้าที่ไหปลาร้า ใกล้ลำคอด้านขวา แต่กระสุนถากไป ได้รับบาดเจ็บไม่มาก นายสุรพจน์ ให้ข้อมูลว่า คนก่อเหตุยิงเป็นเพื่อนบ้านห้องเช่าใกล้กัน ชอบตะโกนต่อว่าตนว่าติดเครื่องยนต์จอดแช่ไว้นาน ทำให้รำคาญ ซึ่งตนก็บอกไปว่า รถยนต์ตนต้องติดเครื่องวอร์มแช่ไว้ก่อนทุกครั้ง […]

นายกฯ รับคลิปเสียงจริง ซัด “ฮุนเซน” ปล่อยหวังรัฐบาล-กองทัพแตกแยก

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เป็นของจริง แจงปมบอกแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองสร้างสันติภาพ หลัง “ฮุนเซน” โกรธ ชี้จุดประสงค์หวังสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่สนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รับไม่ไว้ใจ จากนี้ไม่ขอคุยส่วนตัว ปัดตอบสัมพันธ์ 2 ตระกูล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงด่วนกรณีมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่าเป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลจากล่ามที่แปลว่า ทางสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้คุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง ส่วนตัวคิดว่า ตนทำเพราะมีจุดมุ่งหมายและมีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ให้ผลประโยชน์อยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็คุยด้วยความซอฟต์และความนุ่มนวล เพราะบางทีเวลาคุยกันส่วนตัวก็เรียกกันลุงหลาน […]

ข่าวแนะนำ

หาชมยาก เปิดสะพานกรุงเทพให้เรือผ่าน แห่งเดียวในไทย

กรุงเทพฯ 22 มิ.ย. – เป็นอีกครั้งที่สะพานกรุงเทพ ยกขึ้นเพื่อให้เรือผ่าน ปัจจุบันเป็นสะพานแห่งเดียวในไทยที่ยังคงใช้งานเปิด-ปิดได้ โดยเป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่สำคัญตั้งแต่ในอดีต ปัจจุบันมีเรือที่ผ่านน้อยลง ทำให้การยกเปิดแต่ละครั้งได้รับความสนใจ เพราะเป็นภาพที่หาชมได้ไม่บ่อย.-สำนักข่าวไทย

“ฮุน มาเนต” ระงับนําเข้าน้ำมัน-ก๊าซจากไทย

กัมพูชา 22 มิ.ย. – “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศระงับนําเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง-ก๊าซทุกชนิดจากไทย เริ่มเที่ยงคืนนี้ มั่นใจบริษัทในกัมพูชาหาเชื้อเพลิงจากแหล่งอื่นให้ประชาชนได้เพียงพอ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊ก Hun Manet ระบุว่า บริษัทจัดจําหน่ายน้ำมันในประเทศกัมพูชามีความสามารถในการนําเข้าเชื้อเพลิงและก๊าซจากแหล่งอื่น เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการบริโภคภายในประเทศของประชาชน แม้จะเป็นเดือน แม้ตลอดไปก็ไม่ใช่ปัญหา เริ่มตั้งแต่เที่ยงคืนนี้ (22 มิ.ย.68) การนําเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซทั้งหมดจากประเทศไทยจะถูกหยุด.-สำนักข่าวไทย

กองกำลังบูรพาเข้มจุดตรวจ นำสุนัข K9 ร่วมลาดตระเวน

22 มิ.ย. – กองกำลังบูรพาเข้มจุดตรวจตลอดแนวชายแดนช่องทางธรรมชาติ อ.คลองหาด จ.สระแก้ว นำสุนัข K9 ร่วมลาดตระเวน ป้องกันการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ส่วนด่านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด บรรยากาศเงียบเหงา หลังชาวกัมพูชาปิดร้านขนของกลับประเทศ ที่ จ.สระแก้ว ตลอดแนวชายแดนช่องทางธรรมชาติ บริเวณจุดตรวจ ค.04 อ.คลองหาด มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง กองกำลังบูรพา และกองร้อยทหารพราน พร้อมสุนัข K9 ยังคงเดินหน้าควบคุมพื้นที่อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวและขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อาจจะพากันทะลักเข้า-ออก หลังจากที่มีคำสั่งห้ามนักท่องเที่ยวและนักพนันข้ามไปยังประเทศกัมพูชา ซึ่งจุดนี้เป็นหนึ่งในพื้นที่เสี่ยงที่มีการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่เดินเท้าลาดตระเวนตลอดแนวชายแดนกว่า 100 กิโลเมตร เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ บรรยากาศชายแดนหาดเล็กเงียบเหงาด้านบริเวณชายแดนด่านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา หลังชาวกัมพูชาปิดร้านขนของกลับประเทศ มีเพียงรถบรรทุกสินค้าทั่วไปรอคิวผ่านแดนข้ามฝั่งไปประเทศกัมพูชา เจ้าของร้านค้าในพื้นที่ เล่าว่า บรรยากาศเงียบเหงามาก วันๆ แทบไม่มีคนซื้อของ ถ้าถามความรู้สึกว่าเดือดร้อนไหม บอกเลยว่ายอมเดือดร้อนดีกว่าเสียดินแดนซ้ำอีก ถ้าจะปิดด่านก็ปิดได้เลย เอาดินแดนไว้ก่อนดีกว่า ส่วนบริเวณด่านถาวรช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ นายประสิทธิ์ ดีจงเจริญ นายด่านศุลกากรช่องสะงำ […]

“แพทองธาร” โพสต์พรรคร่วมฯ มีมติหนุนรัฐบาล ร่วมสร้างเสถียรภาพการเมือง

โรงแรมโรสวูด 22 มิ.ย.- นายกฯ โพสต์พรรคร่วมรัฐบาลมีมติหนุนรัฐบาล ร่วมกันสร้างเสถียรภาพทางการเมือง ชี้ ความเป็นหนึ่งเดียว ช่วยก้าวผ่านสถานการณ์อ่อนไหว เดินหน้ารับมือภัยคุกคามและความมั่นคง ภายหลัง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เชิญพรรคร่วมรัฐบาล หารือ ปรับคณะรัฐมนตรี แทนตำแหน่งที่ว่าง 8 ตำแหน่ง หลังภูมิใจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยใช้เวลาในการหารือประมาณ 1 ชั่วโมง ล่าสุด เมื่อเวลา 15.30 น. รถบรรดาหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลและเลขาธิการพรรคได้เดินทางออกจากโรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ ขณะที่ นายกรัฐมนตรีได้ ยังอยู่ภายในโรงแรม ก่อนที่ นายกรัฐมนตรี จะโพสต์ภาพถ่ายผ่านโซเชียลร่วมกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมระบุข้อความว่า “ประเทศชาติต้องเดินไปข้างหน้า สามัคคีประเทศไทย รวมพลังผลักดันนโยบาย แก้ไขปัญหาเพื่อประชาชน ขอขอบคุณคณะกรรมการบริหารและสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลทุกท่าน ที่มีมติและประกาศแนวทางสนับสนุนรัฐบาล ร่วมกันสร้างเสถียรภาพทางการเมือง เพื่อรับมือต่อภัยคุกคามความมั่นคงของชาติจากภายนอก และขับเคลื่อนนโยบายแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน ในช่วงเวลาที่รัฐบาลกับกองทัพมีจุดยืนร่วมกัน ยืนยันหลักการประชาธิปไตย ปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและรวมพลังสามัคคี ความเป็นหนึ่งเดียวของพรรคร่วมรัฐบาล จะเป็นหมุดหมายสำคัญในการผนึกกำลังกันของคนไทย ก้าวผ่านสถานการณ์อ่อนไหวนี้ด้วยความมั่นคง และประสบผลสำเร็จในการปกป้องอธิปไตย ธำรงไว้ซึ่งเกียรติยศศักดิ์ศรีของประเทศชาติและประชาชน ดิฉันเชื่อมั่นว่าไม่มีภัยคุกคามใดจะเหนือกว่าพลังสามัคคีของคนไทย […]