กรุงเทพฯ 17 ม.ค.-OR แจงดรามา เติมน้ำมันไม่เต็มลิตร เกิดจากความเข้าใจคลาดเคลื่อน ทุกอย่างเป็นไปตามเกณฑ์ ก.พาณิชย์ พร้อมร่วมมือ ก.พลังงาน ชะลอส่งออกดีเซลและจัดหาน้ำมันทุกประเภทให้เพียงพอ ระหว่างโรงกลั่นไทยออยล์ (TOP) หยุดซ่อมบำรุง 16-28 ม.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงพลังงานและกระทรวงพาณิชย์ยังเดินหน้าตรวจสอบปั๊มน้ำมัน เพื่อให้การเติมน้ำมันเป็นไปตามกฏหมายด้านคุณภาพ และปริมาณ ซึ่งมีเรื่องเผื่อเหลือเผื่อขาดควบคู่ด้วย เช่น วันนี้ (17 ม.ค.67 ) ที่จังหวัดชุมพร ทางพลังงานจังหวัด ร่วมกับ ช่างตวงวัด กระทรวงพานิชย์ และศูนย์ดำรงธรรม ตรวจสอบมาตรฐาน น้ำมันเต็มลิตร ที่ปั๊ม ปตท.จิงโจ้/บางหมาก อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร ผลการตรวจสอบเป็นไปตามมาตรฐานโดยมีปริมาณเกิน ภาชนะตวง 5 ลิตร ทั้ง 28 หัวจ่าย
ทั้งนี้ ตามเกณฑ์ใน “คู่มือการตรวจสอบและให้คํารับรองมาตรวัดปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิง” ของสํานักงานชั่งตวงวัด ที่กําหนดให้มี “อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด” หรือค่าความคลาดเคลื่อนที่ยอมให้ได้สูงสุดของมาตรวัดนั้นๆ ในการตรวจสอบระหว่างใช้งานสําหรับเชื้อเพลิงปริมาณ 5 ลิตรให้มีความคลาดเคลื่อนบวก/ลบได้ไม่เกิน 50 มิลลิลิตร (หรือ 0.050 ลิตรต่อน้ำมันที่ทดสอบ 5 ลิตร)
นายสุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าวว่า กรณีน้ำมันไม่เต็มลิตรนั้น เกิดจากความเข้าใจคลาดเคลื่อน เนื่องจากมาตรวัดปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิงที่สถานีบริการน้ำมันทุกแห่งต้องผ่านการตรวจสอบ และได้รับการรับรองจากสํานักงานชั่งตวงวัด กระทรวงพาณิชย์ โดยที่ผู้ค้าน้ำมันไม่สามารถปรับแต่งมาตรวัดเองได้ ซึ่งจากการตรวจสอบ พีทีทีสเตชั่น ทั้งสิ้น 200,000 หัวจ่าย พบว่ามีเพียง 200 หัวจ่ายที่ไม่ตรงแต่ได้แก้ไขแล้ว นอกจากนี้ยังให้ทางสถานีบริการน้ำมันตรวจสอบหัวจ่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค
นายสุชาติ ยังกล่าวถึงกรณีกรมธุรกิจพลังงาน ให้ผู้ค้าน้ำมันทบทวนการส่งออกน้ำมันดีเซล ในช่วงที่หน่วยกลั่นที่ 3 ของไทยออยล์ปิดซ่อมนั้น ทางโออาร์ได้ชะลอการส่งออกดีเซลในช่วงนี้ ซึ่งปกติก็มีปริมาณส่งออกไม่มากนัก ขณะเดียวกันโออาร์ยังดูปริมาณการใช้ และบริหารจัดการแผนสำรองน้ำมันให้เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้น
ด้าน นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่าจากกรณีหน่วยกลั่นน้ำมันดิบที่ 3 ของโรงกลั่นไทยออยล์มีการหยุดซ่อมบำรุง เป็นระยะเวลา 13 วัน ระหว่างวันที่ 16-28 มกราคม 67 ทางกรมฯจึงได้หารือกับทุก โรงกลั่นน้ำมัน และผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 เพื่อติดตามสถานการณ์ เตรียมมาตรการป้องกันและแก้ไขการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงโดยพบว่าจะส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิตน้ำมันอากาศยาน (JETA1) 110 ล้านลิตร น้ำมันกลุ่มดีเซลหมุนเร็ว 240 ล้านลิตร น้ำมันกลุ่มเบนซิน 60 ล้านลิตร และก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) 15 ล้านกิโลกรัม
ทั้งนี้ในการจัดหาน้ำมันกลุ่มเบนซิน, น้ำมันอากาศยาน (JET A1) และก๊าซLPG พบว่ามีความเพียงพอต่อความต้องการใช้ภายในประเทศโดยไม่มีผลกระทบ ส่วนกลุ่มดีเซล การจัดหาค่อนข้างตึงตัว ทางกรมฯจึงสั่งการให้ผู้ค้าน้ำมันห้ามส่งออกน้ำมันกลุ่มดีเซล ยกเว้นกรณีจำเป็นตามสัญญาเพื่อเพิ่มปริมาณภายในประเทศให้เพียงพอต่อความต้องการใช้รวมถึงเร่งนำน้ำมันสำรองตามกฎหมายกลุ่มดีเซลหมุนเร็ว ออกมาจำหน่ายได้ในปริมาณไม่เกินกว่าร้อยละ 20 ของปริมาณสำรองตามกฎหมายที่มีหน้าที่ต้องเก็บสำรอง โดยกรมฯจะติดตามและประเมินสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดจึงขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดการขาดแคลนน้ำมัน.-511.-สำนักข่าวไทย