กรุงเทพฯ 10 ม.ค.-สมาคมธนาคารไทย แจงที่มาผลประกอบการแบงก์ 2.2 แสนล้าน ชี้ ไม่กดดันแบงก์รัฐนำร่องลดดอกเบี้ย
นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ถึงประเด็นที่เป็นกระแสสังคมเรื่องผลประกอบการของธุรกิจธนาคารไทยปี 2566 ที่มากถึง 2.2 แสนล้าน ว่า จากที่ได้หารือกันในผู้ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ทราบว่าธุรกิจธนาคาร เป็นธุรกิจที่ใช้ทรัพยากรสูงมาก ตัวอย่างเช่นการที่จะมีสินทรัพย์เข้าไปในการดำเนินการ หากเป็นบริษัทจดทะเบียนต่างๆ สัดส่วนของหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ประมาณ 2 :1 หรือ 3.25 : 1 ขณะที่ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ หรือ ธุรกิจ nonbank ต้องใช้ทสินทรัพย์ขนาดใหญ่ถึง 8.5 เท่า ฉะนั้นจึงทำให้ฐานของสินทรัพย์ใหญ่
สะท้อนไปยังคำถามที่ว่า ทำไมขนาดของผลประกอบการธุรกิจธนาคารจึงใหญ่ถึง 2 แสนล้าน ซึ่ง 2 แสนล้านนั้นเกิดจาก 8 เท่าของการที่ไปลงทุนเมื่อเทียบกับบริษัททั่วไป รวมถึงยังมีต้นทุนดิจิทัล ในเรื่องการโอนเงินพร้อมเพย์ที่ไม่มีค่าธรรมเนียม ขระที่ในต่างประเทศคิดค่าธรรมเนียมทั้งหมด และยังต้องบริหารจัดการเงินสด และจะเห็นว่าในช่วงดอกเบี้ยขึ้นก็มีการไหลออกจากระบบธนาคารพาณิชย์ ในขณะเดียวกันกระบวนการใช้ทรัพยากร แม้ว่าจะเป็นระบบที่ใหญ่กว่าแต่ประสิทธิภาพน้อยกว่าเมื่อเทียบกับ industrial center ซึ่งสามารถดูตัวเลขได้จากตลาดหลักทรัพย์ ถ้าดู ROA (Return on asset หรือ อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ทั้งหมด) จะเห็นว่ามีอยู่เพียง 1% เท่านั้น ซึ่งถือว่าต่ำมาก อย่างไรก็ตามธนาคารยังคงช่วยเหลือลูกหนี้เปราะบางที่มีปัญหา แม้จะหมดมาตรการไปแล้วสิ้นปี 2566 โดยมียอดหนี้รับการดูแลในธนาคารพาณิชย์ 1.8 ล้านล้านบาท คิดเป็น 2.5 ล้านบัญชี
ส่วนการที่ธนาคารรัฐนำร่องปรับลดอัตราดอกเบี้ยนั้น ส่วนตัวมองว่า ไม่ได้เป็นการกดดันธนาคารอื่นๆ ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยตาม แต่มองว่าเป็นอีกหนึ่งกลไกในการปรับผันทรัพยากรในระบบให้ตรงจุดเป้าหมาย ซึ่งทางรัฐบาลได้เข้ามาดูแล ซึ่งผลที่เกิดขึ้นคือ ธนาคารจะมีเงินส่งรัฐน้อยลง แต่ธนาคารเอกชน จะต้องดูแลตัวเอง ซึ่งตอนนี้ยังต้องรับผิดชอบจากวิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540 ซึ่งเหลืออยู่อีก 6 แสนล้านบาท จึงต้องระวังไม่ให้ตัวเองเป็นภาระของระบบ ดังนั้นต้องดูแลความสมดุล
ส่วนกลไกที่ไม่ได้มีในระบบ เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ช่วยผู้ประกอบการ sme และเราก็ยังต้องใช้ทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดให้กลุ่ม K – Shape ให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด ฉะนั้นหากสามารถผลักดันตามที่กกร.เสนอ เพื่อให้การสนับสนุนสภาพคล่องกลุ่มเปราะบางมีความชัดเจนมากขึ้น.–517-สำนักข่าวไทย