เอกชนมองงบปี 67 สำคัญมากเพื่อใช้กระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้น

กรุงเทพฯ 4 ม.ค.-ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยระบุงบประมาณปี 67 ยอดกว่า 3.48 ล้านล้านบาท แม้ล่าช้า แต่มีความสำคัญมาก เพื่อใช้กระตุ้นเศรษฐกิจปี 67 ให้ฟื้นตัวขึ้น ย้ำไทยต้องเจอหลายปัจจัยกระทบเศรษฐกิจไม่น้อง หากล่าช้าเศรษฐกิจไทยไม่โตแน่ พร้อมนำเสนอ 4 แนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัว


นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกล่าวถึงการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 67 จำนวน 3.48 ล้านล้านบาทของสภาในภาวะแรกนั้น โดยเห็นว่าขั้นตอนการพิจารณาเสร็จและเบิกจ่ายได้จริงอีก 3-4 เดือนข้างหน้าถือมีความสำคัญมาก โดยในปี 67 ต้องเร่งเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจไทย เพราะตอนนี้มีปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกเข้ามามากทำให้มีแนวโน้มชะลอตัว บวกกับประเทศไทยต้องมีมาตรการเสริมในการช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวทัน พร้อมกับเปลี่ยนถ่ายเศรษฐกิจไปสู่ความท้าทายใหม่ๆด้วย 

สำหรับเศรษฐกิจไทยปี 2567 หอการค้าฯประเมินว่าภาพรวมเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวมากขึ้น เบื้องต้นคาดเศรษฐกิจไทยปี 2567 จะขยายตัวได้ 2.8-3.3%  โดยมีปัจจัยบวกมาจากแนวโน้มการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ตลอดจนอีเวนท์โปรโมทเทศกาลสำคัญของประเทศ รวมถึงมาตรการยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวในหลายประเทศที่เป็นเป้าหมายดึงดูดการท่องเที่ยวมากขึ้น ตั้งเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปีจำนวน 33-35 ล้านคน  ภาคการส่งออกน่าจะพลิกกลับมาเป็นบวกได้จากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าและนโยบายการต่างประเทศเชิงรุกของรัฐบาลที่เน้น 10 ประเทศเป้าหมาย จะมีส่วนขยายการส่งออกได้ทั้งปีราว 2.0 ถึง 3.0% และภาพรวมเงินเฟ้อขยับขึ้นในระดับ 1.7 ถึง 2.2% 


อย่างไรก็ตามปัจจัยลบที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือ ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่อาจจะชะลอตัว ปัญหาสงครามรัสเซีย ยูเครน และอิสราเอลกับปาเลสไตน์ที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะจบลงอย่างไร จะยังคงเป็นแรงกดดันเศรษฐกิจของโลก ส่วนปัจจัยความเปราะบางในประเทศ เช่น หนี้ครัวเรือน ความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs ความสามารถในการเข้าถึงสินเชื่อในระบบ การเริ่มใช้มาตรการการปล่อยสินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบของ ธปท. ที่เน้นเรื่องวินัยการไม่สร้างหนี้เกินกำลัง สถานการณ์การก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยของไทย ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งที่อาจเกิดขึ้นเร็วและยาวนาน ซึ่งจะกระทบต่อภาคการเกษตรอย่างรุนแรงและขยายวงกว้างมากขึ้น จึงเป็นสิ่งที่ไทยจำเป็นต้องเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในระยาวเพื่อให้สามารถแข่งขันและเติบโตเต็มศักยภาพได้อย่างเร็วที่สุด

ทั้งนี้ หอหารค้าทยได้มีข้อเสนอแนะ ในแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจไว้ 4 ด้าน คือ 1. ความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ที่วัดกันที่ความสามารถในการแข่งขันของ SMEs ซึ่งเป็นผู้ประกอบการส่วนใหญ่ของประเทศ วันนี้เศรษฐกิจไทยเติบโตช้ากว่าศักยภาพ ปัจจัยสำคัญที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ ความสามารถของ SMEs ไทยที่ยังไม่ฟื้นตัวจากการจับจ่ายที่ชะลอตัวลงในช่วงที่ผ่าน มาดังนั้นจำเป็นที่รัฐบาลต้องอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยให้ธุรกิจ SMEs มีรายได้และกลับมาแข่งขันได้ และสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างเป็นระบบ รวมถึงการดูแลเรื่องดูแลค่าใช้จ่าย ต้นทุนทางธุรกิจให้เหมาะสมแข่งขันได้ ในระยะยาวด้วย

2. ปัญหาหนี้ครัวเรือนของไทยที่เพิ่มขึ้นและหนี้นอกระบบ การแก้หนี้ทำอย่างจริงจังเน้นความต่อเนื่อง แม้ต้องอาศัยหลายหน่วยงานเข้ามามีส่วนร่วมทั้งฝ่ายปกครอง สถาบันการเงิน และผู้นำชุมชนในแต่ละพื้นที่ แต่เป็นสิ่งที่ดีที่รัฐบาลให้ความสำคัญต่อเรื่องการแก้ปัญหาหนี้ทั้งระบบ เพราะท้ายที่สุดจะเป็นตัวฉุดรั้งขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศโดยหอการค้าฯเห็นว่า รัฐบาลจำเป็นต้องมีมาตรการเสริมควบคู่กับการแก้หนี้ให้กับประชาชนเพื่อไม่ให้กลับไปเป็นหนี้เพิ่มเติมอีก 


3. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ พร้อมกับการดึงดูดการลงทุนใหม่ๆในธุรกิจใหม่ๆในประเทศเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก และเห็นว่า รัฐบาลนี้ได้ให้ความสำคัญ แต่สิ่งสำคัญที่ไม่แพ้การวางโครงสร้างพื้นฐานและการให้สิทธิประโยชน์ในการลงทุนคืออำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจ Ease of Doing Business และ Ease of Investment ที่จะต้องทำให้เห็นผล ปลดล็อคประเด็นข้อกังวลที่ทำให้การลงทุนติดขัด ซึ่งส่วนนี้จะช่วยเสริมความน่าสนใจให้กับประเทศไทยในอนาคตได้เป็นอย่างมาก รวมถึงการกระจายการพัฒนายกระดับเมืองต่างๆ ทั่วประเทศไม่ใช่เติบโตเฉพาะเมืองหลักเท่านั้น ต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นอีกด้วย

4. เรื่อง eGovernment สำคัญมาก จะช่วยให้อำนวยคงามสะดวกประชาชนได้จริง และ เสริมให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ อย่างที่หอการค้าฯ หารือกับกระทรวงพาณิชย์ในการ ลดการใช้เอกสารที่ต้องไปขอใหม่ และการเซ็นรับรองสำเนา เป็นการเชื่อมข้อมูลต่างๆ ถ้าภาครัฐเชื่อมข้อมูลกันเองได้ทั่วถึง โดยปรับกระบวนการทำงาน ขั้นตอนเอง ก็สามารถอำนวยความสะดวกให้ ประชาชน และภาคธุรกิจ ให้สะดวก รวดเร็วขึ้นได้.-514-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มพาลูก-เมียกลับจากฉลองวันเกิด รถยางระเบิดเสียหลักชนเสาไฟ ดับ 3 สาหัส 2

พ่อแม่ลูก 5 คน กลับจากฉลองวันเกิด รถกระบะยางระเบิดเสียหลักหมุนชนอัดเสาไฟฟ้า พ่อและแม่พร้อมลูกคนโตเสียชีวิตคาที่ ส่วนลูกคนกลางและคนเล็กอาการสาหัส

สุดโหด! ไล่แทงหนุ่มดับปมขัดแย้งยาเสพติด

วงจรปิดจับภาพชัด คนร้ายวิ่งข้ามถนนไล่แทงหนุ่มเสียชีวิต ชาวบ้านแตกตื่น ขณะที่ตำรวจรวบตัวทันควัน คาดปมขัดแย้งยาเสพติด

กยศ.เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน พ.ค.-มิ.ย.68

กยศ. เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน ช่วยเหลือชั่วคราว พ.ค.-มิ.ย.68 ให้นายจ้างลดยอดการหักเงินเดือน ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อเริ่มผ่อนชำระใหม่เป็นรายเดือนในอัตราลดลง

ข่าวแนะนำ

“อัศนี” ประกาศชัยชนะนายกเล็กเชียงใหม่ หลังนับคะแนนผ่านไป 78%

เชียงใหม่ 11 พ.ค. – “อัศนี บูรณุปกรณ์” ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ จากพรรคเพื่อไทย ประกาศชัยชนะ หลังนับคะแนนผ่านไปกว่า 78% ทิ้งห่างคู่แข่งจากพรรคประชาชน 4,000 คะแนน นายอัศนี บูรณุปกรณ์ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ จากพรรคเพื่อไทย พร้อมผู้สนับสนุน ต่างปรบมือแสดงความดีใจ หลังการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการผ่านไปเกินร้อยละ 78 ได้คะแนนกว่า 17,000 คะแนน ทิ้งห่างนายธีรวุฒิ แก้วฟอง จากพรรคประชาชน กว่า 4,000 คะแนน พร้อมประกาศชัยชนะ โดยขอบคุณทุกคะแนนเสียง รวมทั้งพรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าชัยชนะครั้งนี้มาจากความใกล้ชิดประชาชนในพื้นที่ ยืนยันเก้าอี้นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ไม่ใช่เก้าอี้ที่สืบทอดของบ้านใหญ่บูรณุปกรณ์ แต่มาจากการทำงานใกล้ชิดประชาชนจนมีความเชื่อมั่น ยืนยันพร้อมเดินหน้านโยบายเร่งด่วนใน 100 วันแรก เร่งป้องกันปัญหาน้ำท่วม เพราะเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว เมื่อถามว่า หนักใจกับการถูกร้องเรียนหลังเลือกตั้งหรือไม่ นายอัศนี ยืนยันว่า ทีมงานของตนมั่นใจว่าไม่ได้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และพร้อมจะดูแลพี่น้องประชาชนต่อไป.-713-สำนักข่าวไทย

เฮลั่น “ธัญญก้าวหน้า” ชนะยกทีม เลือกตั้งเทศบาลธัญบุรี

ปทุมธานี 11 พ.ค. – นับคะแนนเสร็จสิ้นแล้วอย่างไม่เป็นทางการ เลือกตั้งเทศบาลธัญบุรี จ.ปทุมธานี “นายกเบี้ยว” ประกาศลั่น “ธัญญก้าวหน้า” คว้าชัยชนะยกทีม “ยุพเยาว์” นั่งนายกเทศมนตรี ส่วน “ลูกพีช” ได้เป็น สท. -สำนักข่าวไทย

กกต.พอใจภาพรวมเลือกตั้งเทศบาลทั่วประเทศ

11 พ.ค. – กกต.พอใจภาพรวมการเลือกตั้งเทศบาลทั่วประเทศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย หวังมีผู้มาใช้สิทธิตามเป้า 70% พร้อมกำชับ จนท.ขานคะแนนให้ชัด และเตรียมแผนเผชิญเหตุกรณีฝนตก-ไฟดับ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงการลงพื้นที่ตรวจดูการใช้สิทธิของประชาชน ในการใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี พื้นที่เพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขณะที่สถานการณ์ทั่วประเทศที่ได้รับรายงานพบบางจังหวัดมีข่าวซื้อเสียงได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ ไม่พบตามที่มีการแจ้ง และไม่น่าจะส่งผลกระทบให้ต้องเลือกตั้งใหม่ ประธาน กกต. เผยในการเลือกตั้งตรวจดูตามหน่วยเลือกตั้ง ได้กำชับกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งเรื่องการนับคะแนน เพื่อหลีกเลี่ยงการร้องเรียนว่าขานคะแนนไม่ชัด หรือไม่ได้ยิน แสงสว่างน้อย จึงขอให้ขานคะแนนช้าๆ ชัดๆ เพื่อไม่ให้ผู้สังเกตการณ์เกิดความสงสัย และหากมีฝนตกก็ต้องมีแผนเผชิญเหตุ โดยเฉพาะหากไฟฟ้าดับ ส่วนผู้ใช้สิทธิจะมากกว่าครั้งที่แล้ว โดยครั้งนี้ตังเป้าไว้ร้อยละ 70 เพราะดูจากการมาใช้สิทธิตลอดทั้งวันเป็นไปด้วยความคึกคัก แต่ในแต่ละจังหวัดจะไม่เท่ากัน ขณะที่การนับคะแนน หลังปิดการลงคะแนนเมื่อเวลา 17.00 น. ที่ผ่านมา กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง โรงเรียนหัวหินวิทยาคม ซึ่งมี 6 หน่วยเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่แจ้งหมดเวลาปิดการลงคะแนน และเริ่มการนับคะแนนทันที โดยเป็นการนับคะแนนนายกเทศมนตรี และมานับคะแนนสมาชิกสภาเทศบาล ท่ามกลางตัวแทนผู้สมัครมาเฝ้าสังเกตการณ์ สำหรับการเลือกตั้งเทศบาลมีจำนวน 2,463 แห่ง และหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด […]

เร่งล่ามือฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์ม

ตรัง 11 พ.ค. – เร่งล่าคนร้ายโหดฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์มใน อ.สิเกา จ.ตรัง ล่าสุดตำรวจรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว วันนี้ (11 พ.ค. 68) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิเกา จ.ตรัง เข้าตรวจสอบภายในสวนปาล์มน้ำมันแห่งหนึ่ง พื้นที่หมู่ 1 หลังได้รับแจ้งมีเหตุฆ่าเผานั่งยาง ที่เกิดเหตุเป็นสวนปาล์มน้ำมัน สภาพรกทึบ ห่างจากถนนสายตรัง-สิเกา ไปตามถนนลูกรังกว่า 5 กม. พบเศษยางรถยนต์นับสิบเส้น และพบชิ้นส่วนคล้ายเศษเนื้อและอวัยวะของมนุษย์ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัย เข้าเก็บชิ้นส่วน พบร่างมนุษย์ในกองเถ้าถ่าน 3 ร่าง จึงส่งชันสูตรหาร่องรอยหลักฐานที่เกี่ยวข้อง หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พร้อมเจ้าหน้าที่กองปราบฯ เจ้าหน้าที่ สภ.สิเกา ฝ่ายสืบสวน และฝ่ายปกครอง ร่วมตรวจพื้นที่คลี่คลายคดีและเก็บพยานหลักฐาน โดยในที่เกิดเหตุเป็นร่องสวนปาล์มติดกับขนำร้างคอนกรีตมุงกระเบื้อง ซึ่งเจ้าของสวนสร้างเอาไว้ให้คนงานหลบแดด แต่ไม่มีผู้พักอาศัย พบร่องรอยกองเลือด ปลอกกระสุน แกลลอนน้ำมัน จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินตรวจสอบบริเวณโดยรอบ […]