นนทบุรี 22 ธ.ค.-อธิบดีกรมการค้าภายใน ตอบชัดเติมน้ำมันไป 5 ลิตร แต่พบขาดไป 50 มิลลิลิตรเป็นไปตามมาตรฐานชั่งตวงวัดโลก ที่ได้กำหนดไว้ไม่เกิน 1% ย้ำมีมาตรการดูแลหากพบแก้ไขหัวจ่ายจะผูกบัตร หรือห้ามใช้หัวจ่ายน้ำมันทันที พร้อมดูแลประชาชนเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ ระบุแผนปี 67 ยังคงติดตาม 18 กลุ่มสินค้าใกล้ชิด
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายในกล่าวถึงประเด็นในโซเชียลที่มีผู้เติมน้ำมัน ในปั๊มแห่งหนึ่งในต่างจังหวัด แล้วมีข้อสงสัยเมื่อเติมน้ำมันไป 5 ลิตร แต่พบขาดไป 50 มิลลิลิตรนั้น โดยในเรื่องนี้ กรมการค้าภายในได้ส่งเจ้าหน้าที่ ตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพบหัวจ่ายน้ำมันเกินกว่าอัตรากำหนด เพียง 11 หัวจ่าย จากที่ตรวจสอบไปแล้วกว่า 180,000 หัวจ่าย ซึ่งประเด็นการเติมน้ำมันเต็มลิตร หรือ ไม่เต็มลิตร จะมีมาตรฐานดูแลและจะมีการกำหนดอัตราเผื่อเหลือ-เผื่อขาด ตามมาตรฐานชั่งตวงวัดโลก ที่ได้กำหนดไว้ไม่เกิน 1%
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ยึดตามหลักการเดียวกันกับทั่วโลก กรณีกระแสในโซเชียล เติมน้ำมัน 5 ลิตร แต่พบว่าขาดไป 50 มิลลิลิตร ถือว่ายังไม่เกินมาตรฐานไม่ผิดตามที่กฎหมายกำหนด แต่การตรวจสอบสถานีบริการน้ำมัน ในช่วงที่ผ่านมา ประมาณ 14,000 แห่ง รวมกว่า 180,000 หัวจ่ายน้ำมัน พบจำนวนที่เกิดค่ามาตรฐาน แบ่งเป็น กรณีเติมได้ปริมาณน้ำมันเกินกว่าจำนวนลิตรที่เติม 29 หัวจ่าย และส่วนที่ได้ปริมาณน้ำมันไม่เต็มลิตร มีเพียง 11 หัวจ่าย ถือเป็นสัดส่วนผู้กระทำผิดที่น้อยมาก โดยทั้ง 2 กรณี จะมีการผูกบัตรหรือการห้ามใช้หัวจ่ายน้ำมันดังกล่าว เพื่อให้ปรับปรุงแก้ไขและต้องตรวจสอบซ้ำ ก่อนจะสามารถกลับมาใช้ใหม่ได้
นอกจากนี้ กรณีที่เติมน้ำมันไม่เต็มลิตร จะมีการดำเนินคดี ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ แต่หากพบว่า มีเจตนาดัดแปลงหัวจ่าย จะมีโทษสูง จำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 280,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ และยังมีบทลงโทษ ผู้ให้บริการด้วย นอกเหนือจากดำเนินคดีแล้ว
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา กรมการค้าภายใน ได้ประสานไปยัง ผู้ประกอบการ ให้แจ้งการตรวจสอบหัวจ่ายน้ำมัน เข้ามาเป็นประจำทุกเดือน และตรวจซ้ำตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นมา ยาวไปจนถึงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งจะมีการปูพรมส่งสายตรวจเฉพาะกิจ ออกตรวจอย่างต่อเนื่องตามเส้นทางขาเข้า และขาออกกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะปั๊ม ที่เป็นจุดพักรถสำคัญ ซึ่งหากประชาชน มีข้อสงสัยว่า เติมน้ำมันได้ไม่เต็มลิตร สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน1569 ได้ทันที
นายวัฒนศักย์กล่าวอีกว่า ในปี 67 นี้แนวทางการดูแล 18 กลุ่มสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพของประชาชนยังคงเข้มข้นและติดตามตรวจสอบอย่างใกล้ชิดจากกรมการค้าภายใน เพื่อให้แต่ละส่วนที่เกี่ยวข้องตัังแต่ผู้ผลิต ผู้จำหน่ายและผู้บริโภคได้รับความเป็นธรรมไม่ให้เกิดการเอารัดเอาเปรียยแต่ละขั้นตอนอย่างแน่นอน เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถอยู่ร่วมกันได้บนความเป็นจริง .-514-สำนักข่าวไทย