ttb analytics คาดปี 67 ไทยเที่ยวไทยจะสร้างเม็ดเงินมากกว่า 1 ล้านล้านบาท

กรุงเทพฯ 21 ธ.ค. – ttb analytics คาดปี 2567 ไทยเที่ยวไทยจะสร้างเม็ดเงินมากกว่า 1 ล้านล้านบาท แนะภาครัฐเร่งพัฒนาต่อยอดแหล่งท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดให้เกิดการท่องเที่ยวซ้ำ ก่อนการเที่ยวไทยจะกลายเป็น “เที่ยวเมืองไทย เคยไปมาแล้ว”


ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics คาดปี 2567 การท่องเที่ยวในประเทศเตรียมสร้างประวัติศาสตร์จำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันสร้างเม็ดเงินกว่า 1 ล้านล้านบาท ภายใต้ความกังวลจากโครงสร้างประชากรที่ลดลงและการดึงดูดให้เกิดการท่องเที่ยวซ้ำ (Revisit Intention) แนะภาครัฐเร่งพัฒนาต่อยอดขับเคลื่อนจุดเด่นเชิงวัฒนธรรม ผนวกกับวัตถุประสงค์พิเศษ ก่อนการเที่ยวไทยจะกลายเป็น “เที่ยวเมืองไทย เคยไปมาแล้ว”

การท่องเที่ยวภายในประเทศเป็นกิจรรมทางเศรษฐกิจสำคัญที่สร้างเม็ดเงินทางเศรษฐกิจ และยังถือเป็นช่องทางสำคัญของการส่งผ่านเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวในพื้นที่หนึ่งให้เกิดการหมุนเวียนในพื้นที่ต่าง ๆ หลายพื้นที่โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลที่ปกติการหมุนเวียนของเม็ดเงินทางเศรษฐกิจค่อนข้างต่ำ เป็นการเปิดโอกาสในการสร้างธุรกิจอันเป็นแหล่งงานตามแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อเป็นรากฐานการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยตามข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชี้ให้เห็นถึงช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 2562 การท่องเที่ยวในประเทศสามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจได้สูงกว่า 1.1 ล้านล้านบาท


อย่างไรก็ตาม จากการพ่นพิษของโควิด-19 ทำให้การท่องเที่ยวในประเทศหยุดชะงักกระทันหันโดยรายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศหดตัวลงเหลือเพียง 0.22 ล้านล้านบาท ในปี 2564 ก่อนที่ในปี 2566 สัญญาณการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวกลับมาชัดเจน ด้านจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศคาดว่าจะขยับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 254.4 ล้านคน-ครั้ง แต่จากภาวะหนี้ครัวเรือนและต้นทุนค่าครองชีพที่อยู่ในระดับสูงของภาคครัวเรือนส่งผลต่อพฤติกรรมการปรับเปลี่ยนการท่องเที่ยวเป็น “เน้นการท่องเที่ยวไปเช้าเย็นกลับในจังหวัดข้างเคียง ลดระยะเวลาพักแรมในจังหวัดห่างไกล หรือเที่ยวต่างภูมิภาคในจังหวัดที่ใกล้เพื่อลดคืนพักแรม” ทำให้รายจ่ายต่อทริปลดลงส่งผลให้รายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศมีการเติบโตไม่สอดคล้องกันราว 0.8 ล้านล้านบาท

สำหรับปี 2567 ttb analytics ประเมินการท่องเที่ยวในประเทศยังสามารถสร้างประวัติศาสตร์เป็นปีที่ 2 ติดต่อกันในมิติด้านจำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดสูงถึง 292.1 ล้านคน-ครั้ง ซึ่งแม้ยังอยู่ภายใต้บริบท “เที่ยวใกล้ ไปกลับ กระชับเส้นทาง” ส่งผลให้รายจ่ายต่อทริปลดลงแต่ด้วยการชดเชยของมิติจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศสามารถสร้างมูลค่าเกินกว่า 1 ล้านล้านบาท ได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาในมิติเชิงลึก พบว่าในปี 2567 นี้ อาจเป็นจุดสูงสุดจากโครงสร้างอายุของประชากรวัยท่องเที่ยว (25 ปี – 65 ปี) เข้าสู่ระยะแรกของการลดลงครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี ที่อาจส่งผลต่อข้อจำกัดเรื่องการเพิ่มขึ้นของจำนวนการท่องเที่ยวระยะถัดไป

ด้วยเหตุนี้ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องวางแผนและพัฒนาการท่องเที่ยวในประเทศเพื่อรับมือ เนื่องจากโปรเจกต์ Unseen Thailand หรือเที่ยวเมืองรองที่ไทยกำลังดำเนินการอย่างเข้มข้นกำลังเผชิญข้อจำกัด เมื่อแหล่งท่องเที่ยวที่ยังไม่เคยเห็น กลายเป็นสิ่งที่เห็นแล้ว จะสามารถต่อยอดเป็นอยากเห็นอีกได้หรือไม่ (Revisit Intention) และในกรณีที่ภาครัฐหรือหน่วยงานในพื้นที่ไม่สามารถชักจูงใจให้นักท่องเที่ยวเกิดการอยากกลับมาเที่ยวอีกครั้งได้ เกรงว่าแคมเปญ “เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้” ที่เคยส่งผ่านการเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวใหม่อาจกลายเป็น “เที่ยวเมืองไทย เคยไปมาแล้ว” ttb analytics จึงเสนอแนะในการพัฒนาการท่องเที่ยวไทยให้สามารถมีการเติบโตที่ยั่งยืนเพื่อต่อยอดให้เกิดความต้องการท่องเที่ยวอีกครั้ง ดังนี้
1) เชื่อมโยงสิ่งดึงดูดการท่องเที่ยวทางธรรมชาติเพื่อต่อยอดและยกระดับสิ่งดึงดูดเดิมที่มีอยู่ เช่น สร้างการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวในพื้นที่ใกล้เคียงโดยอาศัยความเกี่ยวโยงเชิงภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือวัฒนธรรม เพื่อสร้างเรื่องราว (Journey) แห่งการเดินทางเพื่อเสริมความประทับใจ และสามารถบอกเล่าความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวที่ยังไม่ได้มาให้เกิดความสนใจ (Storytelling) โดยพัฒนาต่อยอดเรื่องราวการเดินทางในบริบทถัดไปที่มีความคล้ายกัน หรืออาจเป็นอารมณ์ที่ต่างกันออกไป
2) สร้างสรรค์การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม (Cultural Attraction) เร่งพัฒนาจุดเด่นเชิงวัฒนธรรม (Cultural Attraction) เสริมเรื่องราวความน่าสนใจทั้งในส่วนของงานศิลป์ที่สะท้อนวิถีชีวิตที่มีความต่างกันไปในแต่ละสังคมสะท้อนผ่านวัฒนธรรมทางวัตถุ รวมถึงการขับเคลื่อนผ่านวัฒนธรรมทางจิตใจที่สะท้อนผ่านความเชื่อที่นักท่องเที่ยวสามารถไปสักการะเพื่อความเป็นศิริมงคล เสริมสร้างความมั่นใจ ที่ส่งผลดีต่อการตัดสินใจในการเปลี่ยนแปลงตนเองให้ดีขึ้น บนพื้นฐานที่อธิบายได้ตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ที่ผู้คนส่วนมากมักหลีกหนีความเสี่ยงและไม่ยอมเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ส่งผลต่อการเสียโอกาสดีที่จะเข้ามาในชีวิต แต่เมื่อได้ไปสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐานตามสถานที่ต่าง ๆ ของแต่ละปัจเจก ย่อมส่งผลให้ผู้คนบางส่วนมีความเชื่อมั่นที่จะเลือกทางเลือกที่มีความเสี่ยงมากขึ้นเพื่อหาโอกาสให้ตนเองมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในอนาคต ซึ่งพลังที่ได้รับจากการส่งผ่านวัฒนธรรมด้านจิตใจ และความเชื่อ สามารถส่งผ่านเป็น Soft Power ที่ทรงพลังจากการตอบโจทย์พื้นฐานของมนุษย์ทุกคนที่ต้องการประสบความสำเร็จในสิ่งที่คาดหวัง
3) เชื่อมโยงวัตถุประสงค์อื่นให้ผนวกเข้ากับการท่องเที่ยว เนื่องจากการท่องเที่ยวส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์เพื่อการพักผ่อน ซึ่งอาจเกิดข้อจำกัดในด้านการกลับมาท่องเที่ยวซ้ำ ดังนั้น การผนวกเข้ากับความสนใจพิเศษอื่น (Special Interest Tourism) เช่น ในภาพใหญ่ของประเทศไทยที่ประสบความสำเร็จในเรื่องการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) โดยในภาพย่อยรายพื้นที่ อาจใช้ความสนใจที่หลากหลายและใช้จุดเด่นที่ต่างกันในแต่ละพื้นที่ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬาโดยหลายพื้นที่เริ่มได้รับการยกระดับเป็นงานประจำปี หรือการท่องเที่ยวเชิงผจญภัย หรือแม้แต่ในรูปแบบการท่องเที่ยวที่เป็นการอาศัยพักแรมระยะยาวที่สามารถสร้างรายได้หมุนเวียนให้กับท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี
โดยสรุป สถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศปี 2567 คาดฟื้นตัวสมบูรณ์ทั้งในมิติของจำนวนและรายได้จากการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาการท่องเที่ยวไทยขับเคลื่อนผ่านสิ่งดึงดูดที่มีอยู่เดิมตามธรรมชาติในแต่และพื้นที่ แต่มักไม่ต่อยอดพัฒนาให้มีแรงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวกลับไปท่องเที่ยวซ้ำ ด้วยเหตุนี้ บนมิติของโครงสร้างประชากรนักท่องเที่ยวเริ่มมีจำนวนลดลงนับจากปี 2567 จำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะสร้างตัวเลขสูงสุดได้ 2 ปีต่อเนื่องก็อาจเป็นจุดสูงสุดสุดท้ายและกลายเป็นเพียงหน้าประวัติศาสตร์ เมื่อกระแสการท่องเที่ยวทุกอย่างไม่ได้รับการพัฒนาต่อยอดและความนิยมเริ่มจืดจางไปตามกาลเวลา.- สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ทุ่นระเบิดใหม่ตอกย้ำกัมพูชาละเมิดกติกาสากล

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – วันนี้ รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูตภาคีอนุสัญญาออตตาวา ลงพื้นที่ดูปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด บนภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมเรียกร้องให้ตัดงบช่วยเหลือกัมพูชา หลังใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ผู้บริจาค ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ยืนยันเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่เพิ่งพบช่วงเหตุปะทะล่าสุด.-สำนักข่าวไทย

ผลถก RBC กัมพูชาเมินกู้ทุ่นระเบิด-ปราบสแกมเมอร์

ตราด 16 ส.ค. – กัมพูชายังไม่ให้ความร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิด หลังฝ่ายไทยผลักดันในเวที “RBC ไทย-กัมพูชา” พื้นที่ชายแดนจันทบุรี-ตราด พร้อมการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ แขวนไว้หารือในการประชุมครั้งต่อไป พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า วันนี้ (16 สิงหาคม 2568) พลเรือโท อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด และพลตรี อุย เฮียง ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 3 ของกองทัพบกกัมพูชา ตลอดจนคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคของทั้งสองฝ่าย จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ (Regional Border Committee) หรือ RBC ณ ประเทศไทย ที่บ้านทะเลภูรีสอร์ท อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เพื่อร่วมกันหารือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และการดำเนินชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศด้วยสันติวิธี โดยได้ลงนามใน “บันทึกความตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ราชอาณาจักรไทย กับภูมิภาคที่ 3 […]

วัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะแจงดำเนินคดีอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท

กทม. 16 ส.ค.-ไวยาวัจกรฝ่ายกฎหมายวัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะชี้แจงการดำเนินคดีกับอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท ตรวจสอบประวัติย้อนหลัง 10 ปี พบปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาส 240 ครั้ง ด้านเจ้าอาวาสยอมรับเสียใจ ผิดหวังที่ไว้ใจคนใกล้ตัว ไวยาวัจกรวัดฝ่ายกฎหมาย ตั้งโต๊ะชี้แจง กรณีที่มีบุคคลภายในวัดปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาสวัดเครือวัลย์วรวิหาร ไปถอนเงินออกจากบัญชีวัดกว่า 240 ครั้ง ยักยอกเงินกว่า 56 ล้านบาท ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน ปี 67 ที่ผ่านมา ในส่วนการดำเนินการขณะนี้แบ่งเป็น 3 คดี คดีแรก พบการกระทำความผิดคือเมื่อเดือนเมษายน 2567 ทางวัดได้รับบริจาคจากกองทัพเรือเป็นแคชเชียร์เช็ค 1.5 ล้านบาท ลงวันที่ 10 เมษายน 2567 โดยในแคชเชียร์เช็คระบุว่ามอบให้ทางวัด จึงต้องเอาเข้าบัญชีวัด ทางเจ้าอาวาสจึงมีการมอบให้นายกฤษณ์ ที่เป็นไวยาวัจกรวัดในตอนนั้น เอาแคชเชียร์เช็คดังกล่าวไปขึ้นเงินและเอาเข้ายังบัญชีของวัด ต่อมาทางเจ้าอาวาสได้ทวงถามไปยังนายกฤษณ์ เพราะในขณะนั้นจำเป็นจะต้องบูรณะศาสนสถาน แต่นายกฤษณ์ อ้างว่าไม่ว่าง และได้มอบหมายให้นายชัยณรงค์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยไวยาวัจกรในตอนนั้นนำเงินไปเข้าธนาคาร ทางเจ้าอาวาสเลยมีการติดต่อไปยังนายชัยณรงค์ เพื่อทวงถามเรื่องเงิน แต่ก็บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด […]

“มาริษ” นำคณะทูตดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูต 33 ประเทศ ดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ เตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง ให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ หลังจากฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในภาพรวมที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะทูตประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา และตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ รวม 33 ประเทศ ขึ้นไปสำรวจพื้นที่และดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ ที่อยู่ใกล้แนวปราสาทพระวิหาร เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือสื่อมวลชนที่ขึ้นภูมะเขือ งดถ่ายภาพติดพื้นที่ทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ระหว่างทางขึ้น ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง และเพื่อนบ้านใกล้เคียง ถูกสะเก็ดเสียหายอีก 2 หลัง โดยจุดนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายด้วย เพื่อให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ.-สำนักข่าวไทย