กรุงเทพฯ 11 ธ.ค.-ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เผยภาคเอกชนไทยได้ยกทัพเอกชนไทยไปซาอุฯ ร่วมงาน Thailand Mega Fair 2023 หวังเปิดตลาดการค้าและสานต่อความสัมพันธ์เอกชนทั้ง 2 ฝ่ายให้ดียิ่งขึ้น
นายสนั่น อังอุบลกุล ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยในระหว่างการนำคณะนักธุรกิจไทย กว่า 34 คน จากสาขาธุรกิจที่มีศักยภาพ ได้แก่ วัสดุก่อสร้าง อาหาร อสังหาริมทรัพย์ อัญมณีและเครื่องประดับ พลังงาน การเงิน โรงแรมและบริการ โรงพยาบาลและการบริการด้านสุขภาพ การศึกษา โดยมีบิ๊กคอร์ปธุรกิจไทยเดินทางร่วมงานดังกล่าว เพื่อเดินทางเยือนกรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ระหว่าง 9-13 ธันวาคม 2566 นี้ ถือเป็นภารกิจที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับภาคธุรกิจไทย เพื่อรุดหน้าสร้างโอกาสบุกตลาดศักยภาพสูงอย่างซาอุฯ โดยการนำคณะมาครั้งนี้ถือเป็นการตอกย้ำการสานต่อความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างนักธุรกิจทั้งสองประเทศ
ทัังนี้ ภาคเอกชนสองฝ่ายได้แสดงเจตจำนงมุ่งมั่นที่จะร่วมมือผลักดันการขยายความร่วมมือในการส่งเสริมเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านการค้าและการท่องเที่ยว ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวสูง และภาคเอกชนสองประเทศเห็นพ้องที่จะกำหนดเป้าหมายร่วมกันเพื่อให้สอดคล้องกับ Saudi Vision 2030 และจะมีการติดตามผลความคืบหน้าของแต่ละด้านเป็นรายปี โดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้ คือ
1. ด้านการส่งเสริมการค้า ได้กำหนด 10 สาขาธุรกิจเป้าหมายที่มีศักยภาพร่วมกันเพื่อพุ่งเป้าการขับเคลื่อนให้ชัดเจน ได้แก่ วัสดุก่อสร้างและบริการที่เกี่ยวข้อง อาหารและเครื่องดื่ม ท่องเที่ยวและบริการ พลังงาน เพาะปลูกต้นไม้ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องครัวและอุปกรณ์ ปุ๋ย ชิ้นส่วนยานยนต์ และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ โดยเอกชนสองประเทศตั้งเป้าหมายขยายมูลค่าการค้าจากในปี 2566 ที่คาดว่าจะมีมูลค่าการค้ารวม 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ให้เพิ่มขึ้นไป ถึง 12,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2567 (เติบโตขึ้น 20%)
2. ด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว เอกชนไทยและซาอุฯ ตั้งเป้าหมายในการดึงดูดนักท่องเที่ยวซึ่งกันและกันให้เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบัน สถิตินักท่องเที่ยวซาอุฯ เยือนไทยระหว่าง มกราคม-พฤศจิกายน 2566 อยู่ที่ราว 1.6 แสนคน และคาดไว้ว่าตลอดทั้งปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวซาอุฯ ประมาณ 1.8 แสนคน และตั้งเป้าให้เพิ่มเป็น 4 แสนคน ภายในปี 2567 ทั้งนี้ กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวซาอุฯ ถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง สามารถสร้างรายได้ให้กับไทยจำนวนมาก ดังนั้น ควรส่งเสริมเพิ่มจำนวนเที่ยวบินตรงระหว่างประเทศไทยกับซาอุดีอาระเบีย มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการแพทย์ พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและศาสนาจัดกิจกรรมและส่งเสริมการตลาดในซาอุดีอาระเบียอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ภาคเอกชนซาอุฯ ยังได้ตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวไทยไปเที่ยวซาอุฯ ให้เพิ่มเป็น 1.5 แสนคนภายในปี 2567 โดยเน้นการท่องเที่ยวเชิงศาสนาและการแสวงบุญ ซึ่งจากการที่ทางการซาอุดีอาระเบียได้มีการใช้อีวีซ่ามาอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่เดินทางจากไทยมายังซาอุดีอาระเบีย ทำให้การเดินทางสะดวกและคล่องตัวมากขึ้น
3. เอกชนไทย-ซาอุฯ เห็นชอบให้มีการแลกเปลี่ยนการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมระหว่างกันปีละ 2 ครั้ง เพื่อเป็นกลไกในการร่วมกันติดตามเป้าหมายด้านกาาค้าและการท่องเที่ยว ทั้งนี้ ภาคเอกชนซาอุฯ ตอบรับเข้าร่วมการประชุม ครั้งที่ 2 ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ปี 67 และจะได้เข้าร่วมงาน Thaiflex Anuga Asia 2024 ที่หอการค้าไทยจัดขึ้นต่อเนื่อง และถือเป็นงานแสดงสินค้าด้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
นอกจากนี้ ยังได้เข้าร่วมกิจกรรม Thai Saudi business forum ซึ่งจัดขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านโอกาสการค้าและการลงทุน และกิจกรรมสร้างเครือข่ายธุรกิจกับนักธุรกิจซาอุฯ ถือเป็นการพัฒนาต่อยอดธุรกิจระหว่างกัน โดยมี Dr. Sami Al Abedi, Chairman of Saudi Thai Business Council และนักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบียเข้าร่วมกว่า 40 ราย ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจากกระทรวงการต่างประเทศ และนายดามพ์ บุญธรรม เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงริยาด ซึ่งเป็นผู้แทนหน่วยงานภาครัฐที่สำคัญของไทยในซาอุดีอาระเบีย ทำหน้าที่ประสานงานเชื่อมความสัมพันธ์และความร่วมมือกับซาอุฯ ในด้านต่างๆ
อย่างไรก็ตาม มีไฮไลท์สำคัญ ในวันที่ 13 ธันวาคม 2566 ที่จะนำคณะเข้าร่วมพิธีเปิดงานแสดงสินค้า Thailand Mega Fair 2023 โดยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับ บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) จัดขึ้นระหว่าง วันที่ 13 – 16 ธันวาคม 2566 ณ ดิ อารีน่า ริยาด (The Arena Riyadh) กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งถือเป็นงานแสดงสินค้าและบริการของไทยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในซาอุดีอาระเบีย โดยได้รับเกียรติจาก ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ จะเดินทางมาเข้าร่วมและเป็นประธานฝั่งไทยในการเปิดงานฯ โดยงานดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นงานแสดงสินค้าไทยเท่านั้น แต่จะถือเป็นการรวบรวมนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์และบริการของไทยที่มีคุณภาพระดับพรีเมี่ยม มาจัดแสดงอวดสายตาชาวซาอุฯ ครอบคลุม 9 สาขาธุรกิจที่โดดเด่นของไทย ได้แก่ วัสดุก่อสร้างและเฟอร์นิเจอร์ อาหารและเครื่องดื่ม สุขภาพและการแพทย์ ความงาม ท่องเที่ยว พลังงาน รถยนต์และชิ้นส่วน ต้นไม้และการเกษตร สินค้าไลฟ์สไตล์ เป็นต้น.-514-สำนักข่าวไทย