กรุงเทพฯ 17 ก.ค. – “ทนง พิทยะ” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังชี้หากการเมืองเรียบร้อยจะเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจ ไม่ห่วงบาทแข็ง คาดเป็นปัจจัยระยะสั้น
นายทนง พิทยะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวดีขึ้น มาจากการส่งออกฟื้นตัว แต่ยังไม่มั่นใจว่าจะเข้มแข็งแค่ไหน เนื่องจากการส่งออกที่ขยายตัวส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุตสาหกรรมที่ต่างชาติมาลงทุนในไทยไม่ใช่สินค้าเกษตร ประกอบกับ พื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังมีข้อจำกัด เนื่องจากการพัฒนาทางการเมืองที่ยังไม่เรียบร้อย ทำให้แม้รัฐบาลจะเริ่มการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ ก็ต้องใช้เวลา 3-7 ปี โครงการต่าง ๆ จึงจะเสร็จ ดังนั้น จึงยังไม่มีผลต่อเศรษฐกิจปัจจุบัน
“ปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังสามารถเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมยุคใหม่ได้ เพียงแต่ห่วงการพัฒนาการเมือง ซึ่งยังไม่เรียบร้อย หากการเมืองคืบหน้าตามโรดแมพก็จะเป็นปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจอีกทาง” นายทนง กล่าว
นายทนง กล่าวถึงกรณีเงินบาทปรับตัวแข็งค่าสุดในรอบ 2 ปี ว่า คาดว่าเป็นเพียงระยะสั้น เนื่องจากระยะนี้เงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้ เพื่อพักเงินรอลงทุนตลาดหุ้นไทยและรอรับเงินปันผล ประกอบกับจะได้ส่วนต่างจากอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าขึ้น แต่เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คงจะมีเครื่องมือเพียงพอดูแล เพราะเงินบาทยังแข็งค่าสอดคล้องเงินสกุลภูมิภาค โดยเชื่อว่า ธปท.สามารถดูแลได้ หากจำเป็นก็ยังสามารถลดดอกเบี้ย เพื่อดูแลไม่ให้เงินทุนต่างชาติไหลเข้ามากเกินไป อย่างไรก็ตาม แม้เงินบาทแข็งค่าก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการส่งออก แม้เงินบาทจะอ่อนค่าก็ไม่ช่วยส่งออกดีขึ้น เนื่องจากมีข้อจำกัดตลาดโลกและตลาดอาเซียน ไทยไม่ได้เป็นผู้นำการส่งออกของอาเซียน
ส่วนสถานการณ์เอสเอ็มอีนั้น น่าห่วงเอสเอ็มอีต่างจังหวัด เนื่องจากยอดขายลดลง ขณะที่ต้นทุนการผลิตเท่าเดิม ดังนั้น เอสเอ็มอีต่างจังหวัดต้องปรับตัวแตกต่างจากเอสเอ็มอีในกลุ่มซัพพลายเชนที่ยังคงขยายตัว เนื่องจากมีความต้องการของตลาดโลก ขณะที่การบริโภคก็ยังไม่ฟื้นตัว เพราะเมื่อคนมีรายได้น้อยก็จะบริโภคน้อยลง ดังนั้น ภวะเศรษฐกิจที่เติบโตปัจจุบันมาจากผู้มีฐานะเป็นหลัก.-สำนักข่าวไทย