กรุงเทพฯ 22 พ.ย.-“กรมราง” โชว์รูปแบบ กำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าใหม่ เล็งเสนอเก็บตามพื้นที่ สตาร์ทที่ราคา 20 บาท คาดศึกษาแล้วเสร็จเดือน ก.พ.67 ชี้ผลบวกนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท เพิ่มผู้โดยสารมากกว่าเดิม 25%
นายอธิภู จิตรานุเคราะห์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง เปิดเผยถึงการประชุมสัมมนารับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 2 โครงการศึกษากำหนดอัตราค่าโดยสารขั้นสูง ค่าแรกเข้าและหลักเกณฑ์ขึ้นอัตราค่าโดยสารขนส่งมวลชนระบบรางว่า การสัมมนาครั้งนี้เพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ นำไปสู่การหาข้อสรุปรูปแบบการกำหนดอัตราค่าโดยสารในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมืองภูมิภาค และการเดินทางระหว่างจังหวัด
โดยเบื้องต้นจากการวิเคราะห์การปรับค่าแรกเข้าและอัตราค่าโดยสาร พบว่ารูปแบบที่เหมาะสมในการกำหนดอัตราค่าโดยสารควรให้ภาครัฐลงทุนและให้เอกชนรับจ้างเดินรถ ในลักษณะเดียวกันกับการบริหารรถไฟฟ้าสายสีม่วงเพราะทำให้ภาครัฐสามารถกำหนดค่าโดยสารได้ ซึ่งจะสามารถคุมราคาค่าโดยสารที่เหมาะสม และไม่เป็นภาระต่อค่าครองชีพของประชาชน ขณะที่อัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม สำหรับรถไฟฟ้าในเมือง ผลการศึกษาพบว่าค่าแรกเข้าอยู่ที่ 14 บาทและคิดอัตราค่าโดยสาร 2 บาทต่อกิโลเมตร ส่วนรถไฟความเร็วสูง ค่าแรกเข้าจะอยู่ที่ 95 บาท และอัตราค่าโดยสารอยู่ที่ 1.73 บาทต่อกิโลเมตร
นอกจากนี้การศึกษาแนวทางกำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า ยังมีแนวคิดทำหลักเกณฑ์กำหนดอัตราค่าโดยสารตามพื้นที่ (Zone fare) โดยหากอยู่ในโซนแรกใกล้สถานีต้นทาง จะคิดอัตราค่าโดยสาร 20 บาท ส่วนโซนที่ 2 ซึ่งมีพื้นที่ห่างออกไปจะคิดอัตราค่าโดยสารเพิ่มขึ้นเป็นขั้นบันไดในอัตรา 25 บาท และโซนที่ 3 คิด 30 บาท เป็นต้น
ทั้งนี้ ยอมรับว่าปัจจุบันยังไม่มีพระราชบัญญัติขนส่งทางรางพ.ศ…. เนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) จึงทำให้หลักเกณฑ์กำหนดราคาค่าโดยสารนั้นจะยังไม่สามารถดำเนินการได้ทันที แต่กรมฯ คาดว่าจะสามารถรวบรวมผลการศึกษา และการสอบถามความเห็นของประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดนี้ จัดทำเป็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเสนอรัฐบาลพิจารณาภายในเดือน ก.พ.2567 เพื่อเตรียมความพร้อมหากพระราชบัญญัติขนส่งทางราง พ.ศ…. ประกาศใช้ รวมทั้งจะเป็นข้อมูลเบื้องต้นให้เอกชนผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าได้ศึกษา
รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง ยังกล่าวด้วยว่า นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่ต้องการปรับลดอัตราค่าโดยสารสูงสุดที่ 20 บาทตลอดสายนั้น ปัจจุบันเริ่มดำเนินการส่วนที่รัฐเป็นเจ้าของสัมปทาน 2 โครงการ และพบว่ายอดผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น รถไฟชานเมืองสายสีแดง วันเสาร์-อาทิตย์ ผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 25% หากเป็นวันทำงานเพิ่มขึ้น 15%
ส่วนรถไฟฟ้าสายสีม่วง พบว่า การเดินทางช่วงวัน เสาร์ – อาทิตย์ ผู้โดยสาร เพิ่มขึ้น 5% หากเป็นวันทำงานเพิ่มขึ้น15% แสดงให้เห็นว่านโยบายนี้เป็นประโยชน์เพราะสามารถเพิ่มปริมาณการเดินทางของผู้โดยสารได้ ซึ่งในอนาคตหลังจากนี้กรมการขนส่งทางราง ยังมองว่าเป็นรูปแบบที่เหมาะสม และจะสนับสนุนนโยบายนี้ โดยให้รัฐเป็นเจ้าของสัมปทานและจ้างเอกชนเป็นผู้เดินรถ.-สำนักข่าวไทย