กรุงเทพฯ 18 พ.ย.-“ภูมิธรรม” ย้ำหอการค้าไทยคือหน่วยทะลุทะลวงเรื่องการค้า โดยมีรัฐบาลเป็นผู้สนับสนุน ขณะที่ ก.พาณิชย์ เตรียมเชิญเอกอัครราชทูตไทย ทูตพาณิชย์และตัวแทนบีโอไอของไทยจากทุกประเทศ กลับมาเมืองไทยเพื่อประชุมร่วมกันเป็นทีมไทยแลนด์ ระหว่าง 21-23 พ.ย.นี้
สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จัดงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 41 ในโอกาสครบรอบ 90 ปี หอการค้าไทย โดยนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้กล่าวสุนทรพจน์เปิดการสัมมนา” 90 ปี แห่งความยั่งยืนเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย” ว่า ตั้งเป้าจะเพิ่มสมาชิกหอการค้าแห่งประเทศไทยทั่วประเทศให้ได้ถึง 200,000 คนภายในสิ้นปี 2568 โดยที่ผ่านมาบทบาทของหอการค้าไทยได้อยู่คู่กับเศรษฐกิจไทยมานาน 90 ปีแล้ว บทบาทหน้าที่ไม่ได้มีเพียงสร้างและส่งเสริมผู้ประกอบการเท่านั้นแต่ยังมีส่วนในการสร้างสังคมไทย ลดความเหลื่อมล้ำและยกระดับขีดความสามารถให้เติบโตอย่างยั่งยืนและทั่วถึง ดังนั้นสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยจึงชูแนวทางการทำงานเป็น 3 ด้านคือ Connect Competitive และ Sustainable นอกจากนี้ประเทศไทย จะต้องมีการ Reform หรือ ปฏิรูประยะยาว เช่นด้านการค้า การลงทุน การปรับตัวเข้าสู่สังคมดิจิทัล สนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยไปลงทุนในต่างประเทศ ด้านเกษตรและอาหาร จะเห็นได้ว่าการทำเกษตรแบบเดิมไม่ตอบโจทย์ ต้องนำเทคโนโลยีและดึงคนรุ่นใหม่มาช่วยสร้างนวัตกรรมและผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย ส่งเสริมการปลูกพืชมูลค่าสูง เน้นการตลาดนำการผลิต เช่น ประเทศเนเธอร์แลนด์มีพื้นที่น้อยกว่าประเทศไทย 12 เท่า แต่กลับมีรายได้จากการขายสินค้าเกษตรได้มากกว่าไทย 10 เท่า ในอนาคตทางหอการค้าแห่งประเทศไทย มีโครงการจะช่วยพัฒนาเมืองรอง 10 จังหวัดเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ กระจายความเจริญทางเศรษฐกิจซึ่งเอกชนและประชาชน จะต้องมีส่วนร่วมในการพัฒนาความเจริญของเมืองร่วมกัน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปาฐกถาพิเศษเรื่อง “พาณิชย์ยุคใหม่ การค้าไทยเชื่อมโลก” ว่า หอการค้าไทยคือหน่วยทะลุทะลวงเรื่องการค้าโดยมีรัฐบาลเป็นผู้สนับสนุน วันนี้การค้าโลกเปลี่ยนแปลงไปมาก การค้ายุคใหม่ต้องสร้างความสมดุลย์ให้เกิดขึ้นในโลก การไปสู่โลกยุคใหม่คือการเตรียมตัวให้มีความพร้อมในการแข่งขัน การขับเคลื่อนการค้าเพื่อเชื่อมโลก รัฐบาลจะต้องร่วมมือกับภาคเอกชน เพราะที่ผ่านมาเราอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง ผู้ผลิตต้องการขายของแพง ผู้บริโภคต้องการของถูก และผู้ประกอบการต้องการขายสินค้าเพื่อให้ตนเองอยู่ได้ ดังนั้นเราต้องคิดนอกกรอบเพื่อให้ตนเองอยู่ได้ แต่การคิดนอกกรอบก็ติดขัดในข้อกฎหมาย คำว่าสมดุลย์คือคนตัวใหญ่ต้องช่วยคนตัวเล็ก เพื่อให้สังคมอยู่ได้ การค้ายุคใหม่ต้องรวมตัวกันหาจุดสมดุลย์เพื่อแข่งขันได้และมีพลังในการแข่งขัน
กระทรวงพาณิชย์ยุคใหม่ จะต้องร่วมมือกันโดยในระหว่างวันที่ 21-23 พฤศจิกายนนี้จะเชิญเอกอัครราชทูตไทย ทูตพาณิชย์และตัวแทนบีโอไอของไทยจากทุกประเทศ กลับมาเมืองไทยเพื่อประชุมร่วมกันเป็นทีมไทยแลนด์ในการส่งเสริมการทำงานร่วมกัน เป็นทัพหน้าในการแนะนำและส่งเสริมการส่งออกสินค้าไทยไปยังต่างประเทศและเชื่อมโยงข้อมูลจากทุกกระทรวงร่วมกัน โดยเฉพาะทูตพาณิชย์ในต่างประเทศ จะต้องรู้ว่าประเทศที่ตนเองปฏิบัติงานอยู่ต้องการสินค้าอะไร ขาดแคลนสินค้าอะไร เพื่อที่จะได้นำสินค้าที่เรามีไปขายให้เขา
ที่ผ่านมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีของไทยเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆเพื่อบุกเบิกการค้าและทำหน้าที่เซลล์แมนของประเทศ ซึ่งหลังจากการเดินทางไปของนายกรัฐมนตรีไทย ภาคเอกชนจะต้องสานต่อ ต้องดูว่าจะต่อยอดงานของนายกรัฐมนตรีไทยได้อย่างไรบ้าง ตนเองอยู่กระทรวงพาณิชย์ต้องทำงานร่วมกับทุกกระทรวง โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรามีนายกรัฐมนตรีเป็นทัพหน้า การค้าไทยจะต้องเชื่อมโลก เพราะโลกเปลี่ยนแปลงไปมากเราต้องสร้างคนเพื่อแข่งขันได้ในโอกาสต่อไปในอนาคต
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนทุกช่วงวัยและคนทุกกลุ่มเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน” ว่า ปัจจุบันเรามีผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น โดยในปี 2579 ไทยเราจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด จะมีผู้สูงอายุถึงร้อยละ 30 ของประชากร เราต้องส่งเสริมให้ผู้สูงอายุได้เข้าถึงแหล่งงานและรายได้ ส่งเสริมเครือข่ายจ้างงานผู้สูงอายุ โดยขณะนี้มีผู้สูงอายุที่ยังทำงานอยู่หลังเกษียณ ประมาณ 4.74 ล้านคน ในส่วนของคนวัยทำงานที่มีคู่ชีวิต ปัจจุบันพบว่า ประชากรร้อยละ 40 ของวัยทำงาน ไม่อยากมีลูก ดังนั้นเราต้องส่งเสริมทัศนคติเชิงบวก ความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัวและเสริมทักษะการเลี้ยงบุตรหลานเพื่อส่งเสริมการมีบุตรให้มากกว่าในปัจจุบัน.-สำนักข่าวไทย