กรุงเทพฯ 10 พ.ย. – กกพ.เปิด 3 ตัวเลือกค่าไฟฟ้างวด ม.ค.-เม.ย.ปีหน้า สะท้อนต้นทุน FT และภาระหนี้ กฟผ. 95,777 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ค่าไฟเรียกเก็บเพิ่มขึ้นเป็น 4.68-5.95 บาท/หน่วย จากปัจจุบัน 4.45 บาทต่อหน่วย
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน กฟผ.มีภาระต้นทุนคงค้างเหลือ 95,777 ล้านบาท (ปลายเดือนสิงหาคม) ขณะที่ก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG ในตลาดโลกอยู่ในช่วงขาขึ้นตามความต้องการใช้ LNG ที่เพิ่มมากขึ้นตามสภาพฤดูหนาวในยุโรป และส่งผลให้การประมาณการต้นทุนการผลิตไฟฟ้าในรอบ ม.ค.-เม.ย.67 เพิ่มขึ้นเป็น 64.18 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งเมื่อรวมกับค่าไฟฐาน 3.78 บาทต่อหน่วย จึงทำให้มีแนวทางการจ่ายค่าไฟฟ้า 3 แนวทางดังนี้ กรณีที่ 1 (จ่ายคืนหนี้ทั้งหมดในงวดเดียว) รวมต้องจ่ายค่า FT 216.42 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อรวมกับค่าไฟฐานที่ 3.78 บาทต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟจะถูกปรับขึ้นเป็น 5.95 บาทต่อหน่วย
กรณีที่ 2 (จ่ายคืนหนี้ภายใน 1 ปี) โดยแบ่งทยอยคืนหนี้ กฟผ.เป็น 3 งวด ๆ ละ 31,926 ล้านบาท รวม FT จะเท่ากับ 114.93 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อรวมกับค่าไฟฐาน จะทำให้ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 4.93 บาทต่อหน่วย และกรณีที่ 3 (จ่ายคืนหนี้ภายใน 2 ปี) โดยแบ่งทยอยคืนหนี้เป็น 6 งวด ๆ ละ 15,963 ล้านบาท รวม FT จะเท่ากับ 89.55 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อรวมกับค่าไฟฐาน ทำให้ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 4.68 บาทต่อหน่วย
ปัจจุบันก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ยังอยู่ระหว่างปรับตัวเพิ่มจาก 200-400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันเป็น 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ในเดือนเมษายน 2567 จึงต้องนำเข้า LNG เพื่อชดเชยก๊าซในอ่าวไทย ซึ่งหากมีการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจะทำให้ต้องนำเข้ส LNG เพิ่มมากขึ้นอีก ประกอบกับสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ที่ยังยืดเยื้อประกอบกับสงครามอิสราเอล กลุ่มฮามาส ที่เกิดขึ้นใหม่ ทำให้อัตราแลกเปลี่ยน ราคาน้ำมันดิบดูใบ และราคา LNG มีความผันผวนสูง จึงมีความเสี่ยงที่ต้นทุนค่าไฟฟ้ารอบเดือน ก.ย.-ธ.ค.2566 และ ม.ค.-เม.ย.67 เปลี่ยนแปลงไปจากประมาณการ อย่างไรก็ตาม กกพ.จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการต้นทุนเชื้อเพลิงให้มีประสิทธิภาพในราคาที่เหมาะสมมีความมั่นคงพร้อมรองรับสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงไป และขอให้ประชาชนช่วยกันประหยัดไฟฟ้าเพื่อลดการนำเข้าแอลเอ็นจีและความผันผวนของราคาพลังงาน ทั้งนี้ กกพ. เปิดรับฟังความคิดเห็นผ่านทางเว็บไซต์สำนักงาน กกพ. ตั้งแต่วันนี้-24 พ.ย.66. -สำนักข่าวไทย