กรุงเทพฯ 2 พ.ย. – “ชาติศิริ” ประเมินปี 67 เศรษฐกิจอาเซียนขยายตัว 4.6% พร้อมจัดสัมมนาใหญ่ AEC Business Forum 2023 ดึงซีอีโอระดับโลกร่วมแชร์มุมมอง เจาะลึก “อุตสาหกรรมและประเทศดาวเด่นแห่งอาเซียน” หนุนผู้ประกอบการไทยรุกตลาดภูมิภาค
ธนาคารกรุงเทพ จัดสัมมนาใหญ่ประจำปี AEC Business Forum 2023 ณ บางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 5 และนับเป็นครั้งแรกภายหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยปีนี้จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “ASEAN Rising : Capture New Growth” เพื่อสนับสนุนให้นักธุรกิจไทยโอกาสในภูมิภาค และมองเห็นโอกาสใหม่ ๆ จากธุรกิจอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตได้มากขึ้น โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ตลอดจนนักธุรกิจชั้นนำของภูมิภาคอาเซียนร่วมอภิปรายและแสดงวิสัยทัศน์
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวในการเปิดสัมมนาว่า ธนาคารมีความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของภูมิภาคอาเซียนว่าจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจนก้าวสู่การเป็นเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 4 ของโลกภายในปี 2030 จากข้อมูลของ IMF คาดว่าเศรษฐกิจอาเซียนจะเติบโต 4.2% ในปีนี้และ 4.6% ในปีหน้า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก ทั้งยังมีศักยภาพที่จะเป็นเป้าหมายการลงทุนที่น่าดึงดูดมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลกด้วยความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ จำนวนประชากรกว่า 650 ล้านคน ซึ่งมีสัดส่วนของวัยแรงงานค่อนข้างสูง ทั้งอยู่ในทำเลที่ดีเข้าถึงตลาดใหญ่อย่างจีนและอินเดียได้ง่าย จึงถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ประกอบการไทยที่จะต้องพิจารณาถึงการลงทุนและขยายธุรกิจไปสู่ระดับภูมิภาคมากขึ้นเพื่อตอบรับกับโอกาสทางธุรกิจที่สูงขึ้นเช่นกัน
นอกจากนี้ เศรษฐกิจอาเซียนกำลังขยายตัวตามปัจจัยบวกหลายเรื่อง เช่น ข้อตกลงการค้าเสรีในระดับภูมิภาค โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและการเชื่อมต่อด้านโลจิสติกส์ ตลอดจนการพัฒนานวัตกรรมที่ถือเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญให้กับอาเซียน ขณะเดียวกันผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับปัจจัยความท้าทาย ทั้งสถานการณ์การส่งออกที่ชะลอตัว อัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง ปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ ตลอดจนข้อจำกัดภายในของแต่ละประเทศที่ผู้ประกอบการควรทำความเข้าใจด้วย
ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าศักยภาพของลูกค้าผู้ประกอบการไทย สามารถออกไปแข่งขันหรือขยายตลาดและธุรกิจให้เติบโตยิ่งขึ้นในภูมิภาคอาเซียนนี้ได้เช่นกัน ซึ่งธนาคารกรุงเทพ พร้อมให้การสนับสนุนเต็มที่ทั้งในด้านเครือข่ายสาขาที่ครอบคลุม 9 จาก 10 ประเทศอาเซียน โดยเฉพาะธุรกิจที่แข็งแกร่งใน 2 ประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของภูมิภาค ทั้งอินโดนีเซียที่ดำเนินการผ่านธนาคารเพอร์มาตา (Permata Bank) ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือของธนาคาร และประเทศไทยซึ่งเป็นพื้นที่หลักของธนาคารกรุงเทพที่ดำเนินธุรกิจอย่างแข็งแกร่งมาเกือบ 80 ปี
สำหรับไฮไลท์ของงานสัมมนา นายหลิว เสวียเลี่ยง ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท บีวายดี ออโต้ อินดัสทรี จำกัด ผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจากประเทศจีน ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดในตลาดประเทศไทยและอีกหลายประเทศ จนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของโลก ได้บรรยายพิเศษ ถึงศักยภาพตลาดที่กำลังเติบโตขึ้นของภูมิภาคอาเซียน รวมถึงทิศทางและโอกาสเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในตลาดแห่งนี้ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมเชิงกลยุทธ์ที่เงินลงทุนจากจีนจะขยับขยายมาสู่ภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น ขณะที่ นางเมลิซา รุสลี กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพอร์มาตา บรรยายพิเศษในหัวข้อ ‘Indonesia Rising’
นอกจากนี้ ยังมีการเสวนาเรื่อง “Rising Sectors” โดย นายเดวิด หลี่ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะตัวแทนของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด, ดร.ทรงพล ดีจงกิจ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ตัวแทนจากอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) ซึ่งอาเซียนกำลังจะกลายเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมดังกล่าว และ ดร.โรเบิร์ต แย็ป ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วายซีเอช กรุ๊ป ตัวแทนจากอุตสาหกรรม โลจิสติกส์ หนึ่งอุตสาหกรรมสำคัญที่ดึงดูดเม็ดเงินเข้าสู่เอเชียและภูมิภาคอาเซียนที่อยู่ในจังหวะขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ยังมีการเสวนา ในหัวข้อ “Rising Countries” โดยนายจอห์น เรียดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท PT. Lippo Karawaci Tbk นายโยฮัน นีเวน ประธาน บริษัท Ho Chi Minh City Securities Corporation และ นายก๊วก เมง เวย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท K2 Strategic Pte. Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ก๊วก กรุ๊ป โดยเจาะลึกรายละเอียดแต่ละประเทศอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย ที่เป็นกำลังหลักของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอาเซียน ด้วยมูลค่า GDP กว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ฟื้นตัวหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ได้อย่างรวดเร็วและแข็งแกร่ง เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง 3.7% และ 5.3% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ เวียดนาม เป้าหมายการลงทุนที่สำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการลดความเสี่ยงจากปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ปีที่ผ่านมา เวียดนามมีปริมาณเงินลงทุนโดยตรง (Foreign Direct Investment) สูงสุดในรอบทศวรรษ บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Dell, Google, Microsoft และ Apple ต่างพากันย้ายห่วงโซ่อุปทานบางส่วนมาที่นี่แล้ว และเชื่อว่าจะมีมาเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตด้วยอานิสงส์ของกลยุทธ์ “จีน+1” (China plus one) และเพื่อตอกย้ำโอกาสทางธุรกิจอันมหาศาลในภูมิภาค.-สำนักข่าวไทย