ซีอีโอ ธ.กรุงเทพ ประเมินเศรษฐกิจอาเซียนปี 67 โต 4.6%

กรุงเทพฯ 2 พ.ย. – “ชาติศิริ” ประเมินปี 67 เศรษฐกิจอาเซียนขยายตัว 4.6% พร้อมจัดสัมมนาใหญ่ AEC Business Forum 2023 ดึงซีอีโอระดับโลกร่วมแชร์มุมมอง เจาะลึก “อุตสาหกรรมและประเทศดาวเด่นแห่งอาเซียน” หนุนผู้ประกอบการไทยรุกตลาดภูมิภาค


ธนาคารกรุงเทพ จัดสัมมนาใหญ่ประจำปี AEC Business Forum 2023 ณ บางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 5 และนับเป็นครั้งแรกภายหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยปีนี้จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “ASEAN Rising : Capture New Growth” เพื่อสนับสนุนให้นักธุรกิจไทยโอกาสในภูมิภาค และมองเห็นโอกาสใหม่ ๆ จากธุรกิจอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตได้มากขึ้น โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ตลอดจนนักธุรกิจชั้นนำของภูมิภาคอาเซียนร่วมอภิปรายและแสดงวิสัยทัศน์

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวในการเปิดสัมมนาว่า ธนาคารมีความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของภูมิภาคอาเซียนว่าจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจนก้าวสู่การเป็นเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 4 ของโลกภายในปี 2030 จากข้อมูลของ IMF คาดว่าเศรษฐกิจอาเซียนจะเติบโต 4.2% ในปีนี้และ 4.6% ในปีหน้า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก ทั้งยังมีศักยภาพที่จะเป็นเป้าหมายการลงทุนที่น่าดึงดูดมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลกด้วยความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ จำนวนประชากรกว่า 650 ล้านคน ซึ่งมีสัดส่วนของวัยแรงงานค่อนข้างสูง ทั้งอยู่ในทำเลที่ดีเข้าถึงตลาดใหญ่อย่างจีนและอินเดียได้ง่าย จึงถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ประกอบการไทยที่จะต้องพิจารณาถึงการลงทุนและขยายธุรกิจไปสู่ระดับภูมิภาคมากขึ้นเพื่อตอบรับกับโอกาสทางธุรกิจที่สูงขึ้นเช่นกัน


นอกจากนี้ เศรษฐกิจอาเซียนกำลังขยายตัวตามปัจจัยบวกหลายเรื่อง เช่น ข้อตกลงการค้าเสรีในระดับภูมิภาค โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและการเชื่อมต่อด้านโลจิสติกส์ ตลอดจนการพัฒนานวัตกรรมที่ถือเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญให้กับอาเซียน ขณะเดียวกันผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับปัจจัยความท้าทาย ทั้งสถานการณ์การส่งออกที่ชะลอตัว อัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง ปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ ตลอดจนข้อจำกัดภายในของแต่ละประเทศที่ผู้ประกอบการควรทำความเข้าใจด้วย

ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าศักยภาพของลูกค้าผู้ประกอบการไทย สามารถออกไปแข่งขันหรือขยายตลาดและธุรกิจให้เติบโตยิ่งขึ้นในภูมิภาคอาเซียนนี้ได้เช่นกัน ซึ่งธนาคารกรุงเทพ พร้อมให้การสนับสนุนเต็มที่ทั้งในด้านเครือข่ายสาขาที่ครอบคลุม 9 จาก 10 ประเทศอาเซียน โดยเฉพาะธุรกิจที่แข็งแกร่งใน 2 ประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของภูมิภาค ทั้งอินโดนีเซียที่ดำเนินการผ่านธนาคารเพอร์มาตา (Permata Bank) ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือของธนาคาร และประเทศไทยซึ่งเป็นพื้นที่หลักของธนาคารกรุงเทพที่ดำเนินธุรกิจอย่างแข็งแกร่งมาเกือบ 80 ปี

สำหรับไฮไลท์ของงานสัมมนา นายหลิว เสวียเลี่ยง ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท บีวายดี ออโต้ อินดัสทรี จำกัด ผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจากประเทศจีน ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดในตลาดประเทศไทยและอีกหลายประเทศ จนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของโลก ได้บรรยายพิเศษ ถึงศักยภาพตลาดที่กำลังเติบโตขึ้นของภูมิภาคอาเซียน รวมถึงทิศทางและโอกาสเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในตลาดแห่งนี้ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมเชิงกลยุทธ์ที่เงินลงทุนจากจีนจะขยับขยายมาสู่ภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น ขณะที่ นางเมลิซา รุสลี กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพอร์มาตา บรรยายพิเศษในหัวข้อ ‘Indonesia Rising’


นอกจากนี้ ยังมีการเสวนาเรื่อง “Rising Sectors” โดย นายเดวิด หลี่ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะตัวแทนของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด, ดร.ทรงพล ดีจงกิจ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ตัวแทนจากอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) ซึ่งอาเซียนกำลังจะกลายเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมดังกล่าว และ ดร.โรเบิร์ต แย็ป ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วายซีเอช กรุ๊ป ตัวแทนจากอุตสาหกรรม โลจิสติกส์ หนึ่งอุตสาหกรรมสำคัญที่ดึงดูดเม็ดเงินเข้าสู่เอเชียและภูมิภาคอาเซียนที่อยู่ในจังหวะขยายตัวอย่างรวดเร็ว

ยังมีการเสวนา ในหัวข้อ “Rising Countries” โดยนายจอห์น เรียดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท PT. Lippo Karawaci Tbk นายโยฮัน นีเวน ประธาน บริษัท Ho Chi Minh City Securities Corporation และ นายก๊วก เมง เวย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท K2 Strategic Pte. Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ก๊วก กรุ๊ป โดยเจาะลึกรายละเอียดแต่ละประเทศอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย ที่เป็นกำลังหลักของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอาเซียน ด้วยมูลค่า GDP กว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ฟื้นตัวหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ได้อย่างรวดเร็วและแข็งแกร่ง เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง 3.7% และ 5.3% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ เวียดนาม เป้าหมายการลงทุนที่สำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการลดความเสี่ยงจากปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ปีที่ผ่านมา เวียดนามมีปริมาณเงินลงทุนโดยตรง (Foreign Direct Investment) สูงสุดในรอบทศวรรษ บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Dell, Google, Microsoft และ Apple ต่างพากันย้ายห่วงโซ่อุปทานบางส่วนมาที่นี่แล้ว และเชื่อว่าจะมีมาเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตด้วยอานิสงส์ของกลยุทธ์ “จีน+1” (China plus one) และเพื่อตอกย้ำโอกาสทางธุรกิจอันมหาศาลในภูมิภาค.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน-ตอ.-ใต้ตะวันตก ฝนฟ้าคะนอง

กรุงเทพฯ 14 ส.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณ จ.บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดบึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร […]

EOD ลุยค้นหาจรวด หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง

13 ส.ค. – EOD ลุยค้นหา-เก็บกู้จรวดในพื้นที่บุรีรัมย์-ศรีสะเกษ หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง ขณะที่คณะ ICRC ลงพื้นที่เก็บข้อมูลผลกระทบเหตุปะทะ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด EOD ลงพื้นที่ตรวจสอบไร่ยางพาราของชาวบ้านและอีกหลายจุด ในเขต ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบหลุมต้องสงสัยอยู่ในที่ดินของตัวเอง จากการตรวจสอบพบสะเก็ดระเบิด และอีกหลายจุดพบเป็นหลุมคล้ายหลุมจรวด BM21 ที่ตกลงมา เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และต้องใช้ความระมัดระวัง ขณะที่ชาวบ้านที่เพิ่งเข้ามาอยู่บ้าน ยังไม่มั่นใจกับสถานการณ์ โดยเฉพาะหลังมีทหารเหยียบทุ่นระเบิดเป็นรายที่ 5 EOD เร่งตรวจสอบ–กู้ระเบิดกระสุนปืนใหญ่ชายแดน ส่วนที่ศรีสะเกษเจ้าหน้าที่ EOD สนธิกำลัง ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีพบกระสุนปืนใหญ่ตกในเขต ต.เสาธงชัย และ ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดน เบื้องต้นพบ 7 จุด บริเวณสวนยางพาราและใกล้เขตชุมชน โดยส่วนใหญ่เป็นลูกกระสุนปืนใหญ่ขนาด 100 มิลลิเมตร เจ้าหน้าที่ได้ทำการขุดตรวจพิสูจน์ พบว่าหลายลูกระเบิดไปแล้ว เหลือเพียงเศษซาก และยังพบอีก 1 จุดในพื้น […]

อึ้งพระอยู่กับสีกา เปิดบนรถเจอกองทิชชูใช้แล้ว

สกลนคร 13 ส.ค. – วงการผ้าเหลืองฉาวอีก ตำรวจตรวจรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง พบพระกับสีกาอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 คุยไปคุยมา สุดท้ายไปจบที่ลาสิกขา หลังตำรวจ สภ.ขมิ้น จ.สกลนคร ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน พบรถเก๋งต้องสงสัยสีดำ จอดผิดปกติบริเวณ ริมคลอง บ.พาน ต.ขมิ้น อ.เมือง จ.สกลนคร เมื่อเข้าไปตรวจสอบ ตำรวจต้องอึ้ง เมื่อเจอพระอยู่กับสีกา 2 ต่อ 2 ในรถ ต่อมาทราบว่า คือ พระชัยณรงค์ อายุ 53 ปี สังกัด วัดแห่งหนึ่ง อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ จึงเชิญตัวไปยังวัดใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อทำพิธีลาสิกขา และนำตัวมาตรวจปัสสาวะ ผลไม่พบสารเสพติด แต่รถที่พระเเละสีกาดังกล่าวอยู่ด้วยกัน พบเป็นรถที่ถูกสวมทะเบียน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ คืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง สภ.ขมิ้น พบรถเก๋งคันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณสถานที่เก็บของกลาง กระจกด้านข้างและด้านหลังติดฟิล์มดำสนิท แต่ด้านหน้าฟิล์มใสมองเห็นถึงภายใน ที่เบาะนั่งข้างคนขับ ยังพบกองจีวรของทิดชัยณรงค์ […]

สถานการณ์ชายแดนสุ่มเสี่ยงปะทะรอบ 2

สุรินทร์ 13 ส.ค. – กระแสข่าวจากหลายฝ่ายยืนยันตรงกันว่าระยะ 2 วันนี้ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเพิ่มความตึงเครียด สุ่มเสี่ยงที่จะมีการปะทะรอบ 2 ฝ่ายปกครอง จ.สุรินทร์ จึงแจ้งเตือนไปยังกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ให้ลูกบ้านเตรียมพร้อมรองรับเหตุฉุกเฉิน ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศ ในหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือน พบว่า หลายครอบครัวเพิ่งกลับเข้าพื้นที่ 1-2 วัน หลังอพยพหนีภัยการสู้รบในห้วงวันที่ 24 – 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ได้รับข่าวไม่สู้ดีนัก เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง แจ้งให้เตรียมความพร้อม เก็บสัมภาระไว้เพื่อรองรับสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงการปะทะ รอบ 2 ซึ่งอาจรุนแรงมากกว่ารอบแรก ทำให้ชาวบ้านหลายคนต่างตื่นตระหนก ต้องการอพยพไปอยู่นอกพื้นที่ แต่เมื่อผู้นำหมู่บ้านทำความเข้าใจ ก็คลายความกังวลลงบ้าง โดยสื่อสารข้อความจากนายอำเภอพนมดงรักว่า รอให้มีเสียงปะทะกันเกิดขึ้นก่อน จึงให้อพยพ ซึ่งชาวบ้านก็เชื่อฟัง เพราะส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจะอพยพไปที่ไหน เพราะยังไม่มีการเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะที่หญิงคนหนึ่งติดอยู่ในพื้นที่สู้รบ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือนตลอดห้าวัน เพราะเป็นห่วงวัวที่เลี้ยงไว้ จึงอาศัยอยู่ในกระต๊อบพร้อมญาติรวมสี่คน และประเมินสถานการณ์ว่า น่าจะปลอดภัย เพราะวิถีกระสุนไปตกไกลกว่า จึงได้ยินเสียงปะทะอย่างชัดเจน […]