กรุงเทพฯ 24 ต.ค. – ส.อ.ท. เผยเดือน ก.ย. ผลิตรถยนต์ได้ 164,093 คัน ลดลงร้อยละ 8.45 ยอดขาย 62,086 คัน ลดลงร้อยละ 16.27 ส่งออก 97,476 คัน ลดลงร้อยละ 2.90 ขณะที่ยอดขายรถไฟฟ้า BEV เพิ่มขึ้นร้อยละ 437.16 ล่าสุดปรับเป้าผลิตรถยนต์เหลือ 1.85 ล้านคัน จากเดิม 1.9 ล้านคัน
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า เดือนกันยายน 2566 ผลิตรถยนต์ได้ 164,093 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 8.45 เนื่องจากยอดการผลิตเพื่อขายในประเทศลดลงร้อยละ 17.87 หรือผลิตได้ 59,997 คัน เท่ากับร้อยละ 36.56 ของยอดการผลิตทั้งหมด ส่วนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศเดือนกันยายน มีจำนวนทั้งสิ้น 62,086 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม ร้อยละ 2.56 และลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว ร้อยละ 16.27 จากความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินจากหนี้ครัวเรือนสูง ส่งผลให้จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม-กันยายน 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,385,971 คัน
ส่วนการผลิตเพื่อส่งออกเดือนกันยายน 2566 ผลิตได้ 104,096 คัน หรือร้อยละ 63.44 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 1.97 ส่วนเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 809,964 คัน เท่ากับร้อยละ 58.44 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ระยะเวลาเดียวกัน ร้อยละ 8.52
ส่วนการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป ส่งออกได้ 97,476 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้ว ร้อยละ 11.33 แต่ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 2.90 เพราะฐานสูงในปีที่แล้วที่ได้รับชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์มากขึ้น ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2565 จากการกลับมาทำงานในบริษัทและไม่ต้องเรียนออนไลน์ เพราะสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายลง อย่างไรก็ตาม จากยอดส่งออกที่สูงจึงส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกาเหนือ อเมริกากลาง และอเมริกาใต้ มูลค่าการส่งออก 62,451.33 ล้านบาท ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 7.49
ส่งผลให้เดือนมกราคม-กันยายน 2566 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 821,899 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 16.34 มีมูลค่าการส่งออก 519,435.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-กันยายน 2565 ร้อยละ 19.27
นายสุรพงษ์ ยังกล่าวด้วยว่า ส.อ.ท.ได้ปรับตัวเลขประมาณการการผลิตรถยนต์ของปี 2566 ลง 50,000 คัน จากเดิม 1,900,000 คัน เหลือ 1,850,000 คัน โดยปรับเป้าเฉพาะผลิตขายในประเทศลดลงจาก 850,000 คัน เป็น 800,000 คัน หรือลดลงร้อยละ 5.88 สาเหตุเพราะมีการนำเข้ารถยนต์เพิ่มมากขึ้น การจำหน่ายรถยนต์กระบะลดลงเนื่องจากสินเชื่อไม่ได้รับการอนุมัติค่อนข้างเยอะจากหนี้ครัวเรือน สถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อรถยนต์จากหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น เนื่องจากค่าครองชีพที่สูง จึงส่งผลให้เศรษฐกิจในประเทศยังฟื้นตัวไม่มาก และการส่งออกสินค้าหลายชนิดลดลง ส่งผลให้คนงานมีรายได้ลดลง
ขณะที่ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดง (BEV) เดือนกันยายน จดทะเบียนใหม่ 8,904 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ร้อยละ 302.90 รวมตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน 2566 มียานยนต์ไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสม 67,929 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-กันยายน 2565 ร้อยละ 411.40.-สำนักข่าวไทย