ส่งออกไทยยังเติบโตดีแต่กังวลสงครามอิสราเอลกับฮามาส

นนทบุรี 24 ต.ค.-ปลัดกระทรวงพาณิชย์เผยยอดตัดเลขส่งออกเดือน ก.ย.66 ยังเติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 มีมูลค่า 25,476.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 2.1 คาดที่เหลือหากดันยอดเฉลี่ยต่อเดือนได้ 24,000 ล้านเหรียญสหรัฐโอกาสส่งออกทั้งปีติดลบเพียงร้อยละ 1 แต่ยังกังวลปัญหาสงครามอิสราเอลกับฮามาส หากไม่ขยายวงคงไม่กระทบมากแต่หากขยายวงกระทบส่งออกรอบตะวันออกกลาง แต่เตรียมแผนรองรับไว้แล้ว พร้อมนัดประชุมทูตพาณิชย์ทั่วโลกในวันที่ 3 พ.ย.นี้


นายกีรติ  รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงยอดการค้าระหว่างประเทศของไทย เดือนกันยายน 2566 และ 9 เดือนแรกของปี 2566 โดยยอดส่งออกของไทยในเดือนกันยายน 2566 มีมูลค่า 25,476.3 ล้านเหรียญสหรัฐ(888,666 ล้านบาท) ขยายตัวร้อยละ 2.1 หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวร้อยละ1.0 การส่งออกของไทยขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง โดยได้รับแรงหนุนจากการการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร โดยเฉพาะการส่งออกผลไม้ไปจีน อาทิ ทุเรียน และมังคุด รวมทั้งการส่งออกข้าวที่ขยายตัวได้ดีในตลาดแอฟริกาใต้และอินโดนีเซีย สำหรับสินค้าอุตสาหกรรมดาวรุ่งที่ขยายตัวต่อเนื่องยังคงเป็นสินค้าที่เติบตามเมกะเทรนด์ เช่นโซลาเซลล์ และโทรศัพท์มือถือ อย่างไรก็ตาม ภาคการผลิตโลกเดือนนี้ยังคงอยู่ในภาวะหดตัว การฟื้นตัวของตลาดหลักยังเป็นไปอย่างไม่ทั่วถึง จากปัจจัยเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และการคงอัตราดอกเบี้ยสูงยาวนาน ชะลออุปสงค์ทั่วโลก ทั้งนี้ การส่งออกไทย 9 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 3.8 และเมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย หดตัวร้อยละ 1.2 

ทั้งนี้ การส่งออกในเดือนกันยายน มีมูลค่า 25,476.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 2.1 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 23,383.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวร้อยละ 8.3 ดุลการค้า เกินดุล 2,092.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ภาพรวม 9 เดือนแรกของปี 2566 การส่งออก มีมูลค่า 213,069.4 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวร้อยละ 3.8 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 218,902.1 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวร้อยละ 6.0 ดุลการค้า 9 เดือนแรกของปี 2566 ขาดดุล 5,832.7 ล้านเหรียญสหรัฐ


มูลค่าการค้าในรูปเงินบาท เดือนกันยายน 2566 การส่งออก มีมูลค่า 888,666 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 0.1 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 825,310 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 10.2 ดุลการค้า เกินดุล 63,355 ล้านบาท ภาพรวม 9 เดือนแรกของปี 2566 การส่งออก มีมูลค่า 7,268,400 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 3.4 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 7,558,144 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 5.9 ดุลการค้า 9 เดือนแรกของปี 2566 ขาดดุล 289,744 ล้านบาท

ทั้งนี้ การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรมีการขยายตัวร้อยละ 12.0 พลิกกลับมาขยายตัวในรอบ 5 เดือนโดยสินค้าเกษตร ขยายตัวร้อยละ 17.7 ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 5.4 พลิกกลับมาขยายตัวในรอบ 6 เดือน มีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง ขยายตัวร้อยละ 166.2 ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (ขยายตัวในตลาดจีน มาเลเซีย สหรัฐฯ เวียดนาม และฮ่องกง) ข้าว ขยายตัวร้อยละ 51.4 ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน (ขยายตัวในตลาดแอฟริกาใต้ อินโดนีเซีย สหรัฐฯ มาเลเซีย และเบนิน) ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ขยายตัวร้อยละ 3.7 กลับมาขยายตัวในรอบ 6 เดือน (ขยายตัวในตลาดจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน มาเลเซีย และเกาหลีใต้) น้ำตาลทราย ขยายตัวร้อยละ 16.3 กลับมาขยายตัวในรอบ 3 เดือน (ขยายตัวในตลาดอินโดนีเซียกัมพูชา เวียดนาม ไต้หวัน และสิงคโปร์) ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ ขยายตัวร้อยละ 12.8 กลับมาขยายตัวในรอบ 6 เดือน (ขยายตัวในตลาดอินเดีย เกาหลีใต้ เวียดนาม เนเธอร์แลนด์ และฟิลิปปินส์) สิ่งปรุงรสอาหาร ขยายตัวร้อยละ 27.1 ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร) ผักกระป๋องและผักแปรรูป ขยายตัวร้อยละ 17.3 ขยายตัวต่อเนื่อง 8 เดือน (ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น สหรัฐฯจีน เกาหลี และออสเตรเลีย) นมและผลิตภัณฑ์นม ขยายตัวร้อยละ 3.1 ขยายตัวต่อเนื่อง 6 เดือน (ขยายตัวในตลาดสิงคโปร์ ฮ่องกง เวียดนาม เมียนมา และอียิปต์) ผักสด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง ขยายตัวร้อยละ 7.9 ขยายตัวต่อเนื่อง2 เดือน (ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น ไต้หวัน สหรัฐฯ กัมพูชา และเมียนมา)ไข่ไก่สด ขยายตัวร้อยละ 52.7 ขยายตัวต่อเนื่อง 17 เดือน (ขยายตัวในตลาดสิงคโปร์ ไต้หวัน มัลดีฟส์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์)

ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป หดตัวร้อยละ 12.0 หดตัวต่อเนื่อง 9 เดือน (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย แคนาดา และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่ขยายตัวในตลาดลิเบีย ซาอุดีอาระเบียแอฟริกาใต้ จีน และอาร์เจนตินา) ยางพารา หดตัวร้อยละ 30.3 หดตัวต่อเนื่อง 14 เดือน (หดตัวในตลาดจีน มาเลเซียญี่ปุ่น สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ แต่ขยายตัวในตลาดตุรกี ฝรั่งเศส กัมพูชา โรมาเนีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) ไก่แปรรูป หดตัวร้อยละ 11.2 หดตัวต่อเนื่อง 10 เดือน (หดตัวในตลาดญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ เกาหลีใต้และไอร์แลนด์ แต่ขยายตัวในตลาดสิงคโปร์ แคนาดา ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ และฝรั่งเศส) อาหารสัตว์เลี้ยง หดตัวร้อยละ7.9 หดตัวต่อเนื่อง 11 เดือน (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย และเยอรมนี แต่ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น อิตาลี อินโดนีเซีย ไต้หวัน และสหราชอาณาจักร) ผลไม้กระป๋องและแปรรูป หดตัวร้อยละ 3.9 หดตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ออสเตรเลียแคนาดา และกัมพูชา แต่ขยายตัวในตลาดจีน เนเธอร์แลนด์ลาว สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเมียนมา) ทั้งนี้ 9 เดือนแรกของปี 2566 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร หดตัวร้อยละ 2.0


ขณะที่ การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมมูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม กลับมาหดตัว (หลังจากขยายตัวเดือนก่อนหน้า) ร้อยละ 0.3 (YoY) แต่ยังมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 3.3 ขยายตัวต่อเนื่อง 9 เดือน (ขยายตัวในตลาดออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น มาเลเซียและซาอุดีอาระเบีย) อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) ขยายตัวร้อยละ 27.3 กลับมาขยายตัวในรอบ 3 เดือน (ขยายตัวในตลาดฮ่องกง อิตาลีสหราชอาณาจักร เบลเยี่ยม และญี่ปุ่น) เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 23.9 ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ฮ่องกง ญี่ปุ่น เนเธอแลนด์และเม็กซิโก) หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบขยายตัวร้อยละ 46.4 ขยายตัวต่อเนื่อง 23 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ เนเธอร์แลนด์ ไต้หวัน อิตาลี และญี่ปุ่น) อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด ขยายตัวร้อยละ 28.8 ขยายตัวต่อเนื่อง 15 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน ไต้หวัน เกาหลีใต้ และเม็กซิโก) 

สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ หดตัวร้อยละ 24.3 หดตัวต่อเนื่อง 12 เดือน(หดตัวในตลาดสหรัฐฯ ฮ่องกง สิงคโปร์ เนเธอแลนด์ และญี่ปุ่น แต่ขยายตัวในตลาดจีน ออสเตรเลีย อินเดีย ไต้หวันและเวียดนาม) ผลิตภัณฑ์ยาง หดตัวร้อยละ 5.5 หดตัวต่อเนื่อง10 เดือน (หดตัวในตลาดจีน มาเลเซีย ออสเตรเลียเวียดนาม และเนเธอร์แลนด์ แต่ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย และอินเดีย) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ หดตัวร้อยละ 27.7 หดตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (หดตัวในตลาดออสเตรเลีย สหรัฐฯ เวียดนาม ญี่ปุ่น และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่ขยายตัวในตลาดอินโดนีเซีย ซาอุดีอาระเบีย ตุรกี สหราชอาณาจักร และ เกาหลีใต้) รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ หดตัวร้อยละ 34.6 หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (หดตัวในตลาดจีน สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และเบลเยียม แต่ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น อิตาลี อินโดนีเซีย นิวซีแลนด์ และเยอรมนี) ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม หดตัวร้อยละ 15.8 หดตัวต่อเนื่อง 12 เดือน (หดตัวในตลาดญี่ปุ่น สหรัฐฯ อินเดีย เวียดนาม และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่ขยายตัวในตลาดจีน เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย เมียนมา และไต้หวัน) ทั้งนี้ 9 เดือนแรกของปี 2566 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม หดตัวร้อยละ 3.7

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการส่งออกของไทยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาถือว่ากลบับมาเป็นบวกที่มียอดเฉลี่ยต่อเดือน24,000-25,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และมองว่าในช่วงเวลาที่เหลือปีนี้ หากไทยเร่งผลักดันยอดส่งออกเฉลี่ยต่อเดือนละ 24,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โอกาสทำให้ยอดส่งออกทั้งปีจะติดลบเพียงร้อยละ 1 และจะไม่ติดลบเกินกว่าที่หลายสำนักคาดการณ์เอาไว้ที่อาจติดลบถึงร้อยละ 2 เนื่องจากไทยยังมีคำสั่งซื้อสินค้าในหลายกลุ่มเข้ามาต่อเนื่อง และที่สำคัญในหลายประเทศยกเว้นไทยและเวียดนาม ยอดส่งออกกลับมาเป็นบวกและหลายประเทศติดลบน้อยลง แต่สิ่งที่ยังกังวล คือ สงครามอิสราเอลและฮามาสหากยังอยู่ในวงจำกัดก็ไม่น่าจะกระทบอะไรมาก แต่หากรุนแรงขยายวงจะต้องติดตามดูว่าจะกระทบในด้านการขนส่งสินค้าหรือไม่ โดยเฉพาะขนส่งทางบกและทางทะเลเป็นต้น 

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ประเมินไว้หากจะทำให้ยอดการคส่งออกติดลบปีนี้เพียงร้อยละ 1 เท่ากับจะต้องเร่งผลักดันส่งออกในช่วงเวลาที่เหลือต่อเดือน 23,827 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเป็นบวกร้อยละ 0 ยอดส่งออกอยู่ที่ 24,700 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเป็นบวกร้อยละ 1 ยอิดส่งออกอยู่ที่ 25,743 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ก็คาดว่า ในเวลานี้การส่งออกเฉลี่ยต่อเดือนน่าจะเกินกว่า 23,000-24,000 ล้านเหรียญสหรัฐก็เป็นเรื่องที่พอใจกับความร่วมมือกับภาคเอกชนทุกกลุ่มเพื่อร่วมกันผลักดันการส่งออกอย่างเต็มที แม้บางประเทศโดยเฉพาะในกลุ่มตะวันออกกลางในหลายสินค้าจะติดลบอยู่บ้าง แต่ความต้องการในสินค้าอื่นๆของไทยยังเติบโตได้ดีอย่างมาก และเพื่อในวันที่ 3 พ.ย.นี้นายภูมิธรรมเวชชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จะเป็นประธานประชุมมอบนโนบายกับทูตพาณิชย์ทั่วโลกและประเมินทิศทางภาคการส่งออกในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ พร้อมทั้งเตรียมแผนรองรับหากสถานการณ์สงครามอิสราเอลและกลุ่มฮามาสมีความรุนแรงขยายวงไปจะรับมือภาคการค้ากันอย่างไรได้ต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

เปิดภาพสายลับเขมรปลอมเป็นพระ ร่วมป่วนชายแดนสระแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – เปิดภาพสายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระสงฆ์ ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ร่วมก่อความวุ่นวายชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จนท.ฝ่ายไทยเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยตรวจพบความเคลื่อนไหวสำคัญ โดยมีกลุ่มทหารกัมพูชา พร้อมด้วยกำนันลี บุคคลสำคัญในพื้นที่ฝั่งกัมพูชา ได้เกณฑ์ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านใกล้ชายแดนเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว คาดหมายว่า การรวมกลุ่มครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมเข้ารื้อถอนรั้วลวดหนาม ที่ฝ่ายไทยเพิ่งติดตั้งเสริมความมั่นคงตลอดแนวชายแดน ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคงไทยได้ส่งโดรนบินตรวจการณ์เหนือพื้นที่ พบว่าฝั่งกัมพูชามีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ชาวบ้านเริ่มรวมตัวกันหนาแน่นมากขึ้น และมีสัญญาณว่ามีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ โดยไม่ใช่การรวมตัวตามธรรมชาติของชาวบ้านทั่วไป สายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระ ร่วมชุมนุมที่น่ากังวลไปกว่านั้นเจ้าหน้าที่ไทยสามารถยืนยันได้ว่ามีทหารสายลับของกัมพูชาปลอมตัวเป็นพระสงฆ์ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยใช้ผ้าเหลืองบังหน้าเพื่อไม่ให้ถูกสงสัย ถือเป็นยุทธวิธีในการแทรกซึมและสอดแนมการทำงานของฝ่ายไทย ทั้งยังเสี่ยงต่อการสร้างสถานการณ์ บิดเบือนหากเกิดการเผชิญหน้า ด้านกองกำลังบูรพาและหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และชุดควบคุมฝูงชน ยังคงตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันการรุกล้ำพื้นที่ โดยพฤติกรรมของฝั่งกัมพูชาในระยะนี้สะท้อนให้เห็นถึงการจัดตั้งที่มี “ผู้ชี้นำเบื้องหลัง” คอยปลุกระดมและผลักดันชาวบ้านให้เข้ามาเคลื่อนไหว อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารื้อรั้วลวดหนาม หรือการปะทะกับเจ้าหน้าที่ไทย ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงยืนยันการปฏิบัติในกรอบสากล ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง ยกเว้นในกรณีที่ถูกบุกรุกหรือคุกคามความมั่นคงโดยตรง ด้านเพจ army military force ได้โพสภาพพร้อมข้อความวัยรุ่นเขมรโพสต์รูปพร้อมแคปชั่นท้าทาย “ไม่กลัวแก๊สนํ้าตาของพวกเสียม ถ้าแน่จริงก็ใช้มันเลย วันนี้ผมใส่หน้ากากครอบทั้งหน้า ไม่หวั่นกลัวสิ่งใดๆ ขอเพียงใช้แค่แก๊สนํ้าตาพอ กระสุนยางไม่ต้อง […]

รอง ผบ.ตร. ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที

สระแก้ว 18 ก.ย. – รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว ปรับแผนเตรียมรับมือ ป้องกันเหตุบานปลาย จ่อใช้กฎหมายดำเนินคดี ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที หลังจากเมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ช่วงบ่ายวันนี้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ พร้อมกับติดตามสถานการณ์ร่วมกับนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว และกรมป่าไม้ ณ ที่ว่าการอำเภอโคกสูง เพื่อปรับแผนเตรียมรับมือหากเกิดความไม่สงบขึ้น หลังจากการประชุม เวลา 16.30 น. พล.ต.อ.ไกรบุญ เปิดเผยว่า การเดินทางลงพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อหาวิธีไม่ให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ แนวทางการปฏิบัติคือจะใช้กฎหมายจับกุมดำเนินคดีตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก ขอให้มั่นใจว่าจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยจะใช้พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง เป็นกฎหมายนำในการดำเนินคดี เมื่อมีการรุกล้ำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยจะจับกุมทันที และยังคงเน้นย้ำให้กำลังพลอดทนอดกลั้น รวมถึงอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อระบุตัวตนและดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อความวุ่นวาย ด้านชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ตั้งแต่อยู่ที่นี่มาตลอดชีวิตหนนี้เป็นหนที่ 3 ที่เกิดความวุ่นวายขึ้น ก่อนหน้านี้มีชาวกัมพูชาอพยพมาอาศัยอยู่หมู่บ้านจำนวนมาก […]

เร่งล่าโจรบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน

สระบุรี 18 ก.ย. – ตำรวจเร่งล่าตัวคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน บังคับเจ้าของร้านหยิบทองใส่ถุงผ้า มูลค่ากว่า 2 แสนบาท ก่อนออกจากร้านซิ่งรถจักรยานยนต์หลบหนีไป วงจรปิดร้านทองภายในตลาดใหม่ท่าลาน ริมถนนสายท่าลาน-ห้วยบง ต.บ้านครัว อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี จับภาพคนร้ายเป็นชายสวมหมวกกันน็อกสีแดง สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีครีม กางเกงยีน รองเท้าเตะ ใช้อาวุธมีดปลายแหลมจี้ลูกค้าในร้านเป็นตัวประกัน เพื่อบังคับให้เจ้าของร้านซึ่งเป็นหญิงสูงอายุ ส่งเงินและทองให้ ตอนแรกเจ้าของร้านพยายามเจรจาต่อรอง แต่คนร้ายต้องการเงินและข่มขู่จะฆ่าตัวประกันหากไม่ส่งทองให้ สุดท้ายเจ้าของร้านต้องหยิบทองให้คนร้ายไป เป็นสร้อยข้อมือทองคำเส้นละ 1 สลึง จำนวน 11 เส้น เป็นเงิน 220,000 บาท จากนั้นคนร้ายปล่อยตัวประกัน ก่อนจะออกจากร้านขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นเอ็นแม็กซ์ สีเทาดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลบหนีไป ตำรวจ สภ.บ้านหมอ ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ สืบสวนหาข้อมูลและกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนี เชื่อว่าไม่นานจะจับคนร้ายได้.-สำนักข่าวไทย

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพงเครียด ปฏิเสธโกงเงินวัด ยันไม่มีสัมพันธ์สีกา

กรุงเทพฯ 18 ก.ย. – พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง เปิดใจเป็นครั้งแรก หลังถูกเพจดังกล่าวหาทุจริตเงินวัดและมีสัมพันธ์สีกา 3 คน ความเคลื่อนไหวภายในวัดหัวลำโพง พระอารามหลวง กลางกรุงเทพฯ ยังคงถูกจับตามอง หลังเกิดกระแสข่าวลือในสังคมออนไลน์ กล่าวหาผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดว่าอาจมีส่วนพัวพันทั้งเรื่องการบริหารจัดการเงินวัดไม่โปร่งใส และถูกเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์สีกาถึง 3 ราย จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ล่าสุด พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาคที่หนึ่ง ได้โทรศัพท์สอบถามให้พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับผู้สื่อข่าว ซึ่งสุดท้ายพระครูยอมเปิดใจผ่านโทรศัพท์เป็นครั้งแรก โดยระบุว่า หลังได้เห็นข่าวในโซเชียล ยอมรับว่ารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ในประเด็นแรก เรื่องการทุจริตเงินวัด พระครูฯ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเองมีเพียงรับเงินทำบุญจากญาติโยม จากนั้นก็จะส่งต่อให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนงานฌาปนกิจศพที่ตนดูแล เมื่อได้รับเงินจากเจ้าภาพก็จะทำการหักค่าแรงของคนงานออก ก่อนออกใบเสร็จยืนยัน ทุกขั้นตอนมีหลักฐานตรวจสอบได้ ส่วนข่าวลือเรื่องมีสัมพันธ์ชู้สาวกับสีกา 3 คน พระครูฯ ปฏิเสธหนักแน่นว่าไม่เป็นความจริงทั้งหมด โดย “นางกระแต” ที่ถูกอ้างว่าเป็นภรรยาคนแรกนั้น แท้จริงเป็นเพียงญาติโยมที่รู้จักกันมานานและจะมาทำบุญถวายสังฆทานเป็นครั้งคราวเท่านั้น ขณะที่ “นางแมว” เป็นอดีตคนงานวัด และ “นางดา” […]