กระทรวงคลัง 19 ต.ค.- คลัง สั่ง สศค. เกาะติดเหตุรุนแรงอิสราเอล-ฮามาสใกล้ชิด ชี้ไทยต้องใช้เงินดิจิทัลกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จากเหตุความขัดแย้งในอิสราเอล และกลุ่มฮามาส ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ สศค. ติดตามผลกระทบจากราคาน้ำมันขยับสูงขึ้นต่อเนื่อง เพราะหลายฝ่ายคาดว่าเหตุการณ์อาจยืดเยื้อและลุกลามไปในภูมิภาคใกล้เคียง อาจกระทบต่อราคาพลังงานของไทยในระดับหนึ่ง ยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยยังมีความเปราะบางมากกว่าหลายประเทศ ขณะที่เศรษฐกิจของสหรัฐเติบโตร้อนแรง จนต้องขยับอัตราดอกเบี้ยขึ้นร้อยละ 2 เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
ขณะที่ กนง. ของไทย ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 2.5 แม้เงินเฟ้อต่ำร้อยละ 0.2-0.3 เมื่อเศรษฐกิจไทยยังมีปัญหาชะลอตัว สศค. และหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องจึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากนายกรัฐมนตรี ต้องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงนี้ด้วยการเดินหน้าเจรจาดึงเม็ดเงินการลงทุนจากหลายประเทศทั่วโลก ทั้งสหรัฐ จีน สิงคโปร์ และประเทศเพื่อนบ้าน พบว่า นักลงทุนขนาดใหญ่จากหลายประเทศ ยังสนใจเข้ามาขยายการลงทุนในประเทศไทย เนื่องจากไทยยังมีศักยภาพรองรับการลงทุนจากต่างประเทศ ไทยจึงต้องเดินหน้าสร้างความมั่นใจ เพื่อให้นักลงทุนขยายการลงทุนภายในประเทศ
ส่วนดัชนีตลาดหุ้นไทย ปรับลดลงมาอย่างต่อเนื่อง เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นให้กับการลงทุน แม้รัฐบาลจะไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงตลาดทุน เพราะการลงทุนขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นและการลงทุนโดยเสรี รัฐบาลจึงต้องเดินหน้าหามาตรการต่างๆ เข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการสร้างกำลังซื้อให้กับประชาชน ผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งกำลังศึกษาและผลักดันการใช้เงินดิจิทัลออกสู่ระบบเพื่อให้เกิดการหมุนเวียน.-สำนักข่าวไทย