กรุงเทพฯ 19 ต.ค. – บสย. และ กอช. ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือส่งเสริมการออม SMEs-Start up นักเรียนอาชีวะ มุ่งส่งเสริมให้ความรู้ทางการเงิน และสร้างภูมิคุ้มกันด้านการออม เพิ่มโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในระบบ ก่อนเริ่มต้นธุรกิจ
นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกิจกรรมส่งเสริมการออมกับ นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ในการดำเนินกิจกรรมอย่างเป็นระบบ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs – Start up นักเรียนอาชีวะ
โดย กอช. อบรมให้ความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) ส่งเสริมและสร้างภูมิคุ้มกันบริหารเงินทุนอย่างมีระบบด้วยการออม เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อในระบบ ก่อนเริ่มต้นการทำธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียนอาชีวศึกษาที่กำลังจะจบ ซึ่งถือเป็นเป็นกลไกสำคัญในตลาดแรงงานและขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้กับประเทศ ขณะที่ บสย. โดยผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs (บสย. F.A. Center) จะเป็นที่ปรึกษาด้านการดำเนินธุรกิจ การเข้าถึงแหล่งทุน รวมถึงสนับสนุนการอบรมทักษะความรู้ทางการเงิน 4 หลักสูตร โดย TCG BUSINESS SCHOOL ประกอบด้วย 1.การบริหารบัญชีสำหรับทำงบการเงิน 2.การวางแผนและเขียนแผนธุรกิจ 3.เทคนิคการวางแผนทางการเงินของธุรกิจ และ 4.การเตรียมขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน นอกจากนี้ บสย. ยังมีผลิตภัณฑ์ค้ำประกันรองรับ Start Up ภายใต้โครงการ “บสย. SMEs เข้มแข็ง” เพื่อนักศึกษาจบใหม่และอาชีพอิสระ วงเงินค้ำประกันต่อราย 10,000-100,000 บาท ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 2 ปีแรก และค้ำประกันสูงสุด 10 ปี ช่วยสนับสนุนความมั่นคงทางอาชีพให้นักเรียนอาชีวะ ผู้ประกอบการ SMEs- Start up และสมาชิก กอช.
นายสิทธิกร กล่าวว่า โครงการความร่วมมือครั้งนี้นับเป็นการต่อยอดจากโครงการความร่วมมือระหว่าง บสย. และ กอช. ภายใต้กิจกรรม CSR “บสย. สร้างชีวิตใหม่” ซึ่งที่ผ่านมาได้ส่งเสริมโอกาสทางอาชีพและการออมให้แก่กลุ่มผู้ต้องขังในเรือนจำและผู้พิการ ด้วยหลักสูตรการอบรมการออม การสร้างอาชีพ และความรู้ด้านการเงิน เมื่อผู้ต้องขังได้รับอิสรภาพกลับสู่สังคมจะสามารถไปเป็นผู้ประกอบการ SMEs ที่เข้มแข็งได้อย่างมั่นคงต่อไป ซึ่งโครงการนี้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบันมีผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรดังกล่าว มากกว่า 1,000 คน
นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการ กอช. กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนส่งเสริมความร่วมมือทักษะการวางแผนทางการเงิน จัดสรรเงินออมให้งอกเงยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบอาชีพอิสระที่เป็นผู้ประกอบการ SMEs ได้มีเงินออมยามเกษียณกับ กอช. รวมถึงขับเคลื่อนให้เยาวชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเงินออมเพื่ออนาคต ซึ่งสอดรับกับภารกิจของทั้งสองหน่วยงาน ในการส่งเสริมการออมกับประชาชนคนไทย ที่มีสิทธิสมัครเป็นสมาชิก กอช. เพียงมีอายุ 15-60 ปี โดยไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33, มาตรา 39, มาตรา 40 ทางเลือก 2 และทางเลือก 3, ไม่เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และไม่เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ด้วยการออมเงินกับ กอช. ขั้นต่ำเพียง 50 บาท สูงสุด 30,000 บาท ต่อปี ในเดือนไป รัฐจะสมทบเงินเพิ่มให้ตามช่วงอายุ สูงสุด 100% หรือ ไม่เกิน 1,800 บาท/ปี
-ช่วงอายุ 15 ถึง 30 ปี รัฐสมทบให้ 50% ของเงินออมแต่ละครั้ง โดยรวมกันทั้งปีไม่เกิน 1,800 บาท
-ช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป จนถึง 50 ปี รัฐสมทบให้ 80% ของเงินออมแต่ละครั้ง โดยรวมกันทั้งปีไม่เกิน 1,800 บาท
-ช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป จนถึง 60 ปี รัฐสมทบให้ 100% ของเงินออมแต่ละครั้ง โดยรวมกันทั้งปีไม่เกิน 1,800 บาท
กอช.เป็นกองทุนที่มีอิสระในการออม ที่เปิดโอกาสให้สมาชิกออมเงินสะสมได้ตามกำลังทรัพย์ สิทธิในการเป็นสมาชิกคงเดิม เงินออมที่สมาชิกออมกับ กอช.สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนจริง สูงสุด 30,000 บาท/ปี สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสมัครและส่งเงินออมสะสม ได้ผ่านสมาร์ทโฟนของตนเองในแอปพลิเคชัน “กอช.” และไลน์ กอช. “@nsf.th” ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ กอช. www.nsf.or.th และเฟซบุ๊ก ‘กองทุนการออมแห่งชาติ-กอช.’ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนเงินออม โทร. 02-049-9000. -สำนักข่าวไทย