คลังเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท

กระทรวงการคลัง 9 ต.ค. – คลังเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ย้ำแหล่งเงินใช้งบประมาณเป็นหลัก พร้อมรับฟังทุกความเห็น ปรับเงื่อนไขการใช้เงิน มุ่งสู่รัฐบาลดิจิทัล


นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันเดินหน้าผลักดันโครงการแจกเงินผ่าน Digital Wallet 10,000 บาทต่อราย สำหรับกลุ่มอายุ 16 ปีขึ้นไป กลุ่มเป้าหมาย 56 ล้านคน เป็นเพียงหนึ่งในอีกหลายนโยบาย เดินไปสู่รัฐบาลดิจิทัล ย้ำแหล่งทุน 5.6 แสนล้านบาท ใช้งบประมาณเป็นหลัก พร้อมรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะอดีตผู้ว่าการแบงก์ชาติ เพื่อปรับเงื่อนไขการใช้เงินให้มากที่สุด นับว่าเป็นสิ่งดีที่มีการแสดงความเห็นในวงกว้างต่อการดำเนินการนโยบายดังกล่าว ทั้งนักวิชาการ นักเศรษฐศาสตร์ ภาคเอกชน ประชาชนรายย่อย ย้ำผู้ต้องการรับเงินดิจิทัลต้องลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ใครมีรายได้สูง หรือไม่ต้องการใช้เงินดังกล่าว ไม่ต้องลงทะเบียน ถือเป็นทางเลือกให้กับประชาชน จำเป็นต้องรีสตาร์ทชีวิตของประชาชน สร้างเม็ดเงินใหม่กระจายไปทั่วประเทศ

โครงการดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงิน 10,000 บาท เป็นเงินอ้างอิงจากเงินบาทในปัจจุบัน ไม่ได้สร้างเม็ดเงินขึ้นมาใหม่ จึงต้องการจุดฉนวนขับเคลื่อนเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพื่อให้กระจายไปทุกที่ ยกระดับคุณภาพชีวิต การสร้างโอกาส การลงทุนเกิดขึ้นในชุมชน เกิดการจ้างงาน จากนั้นรัฐบาลจะมีรายได้กลับคืนมาในทางอ้อม รัฐบาลจึงต้องรักษาสัญญาแถลงไว้กับรัฐสภา เดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยว การลดภาระค่าครองชีพผ่านค่าไฟฟ้า น้ำมันดีเซล การดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ เมื่อเศรษฐกิจไทยยังไม่เติบโตอย่างเต็มศักยภาพ ไทยโตช้ากว่าหลายประเทศภูมิภาค ชีวิตประชาชนรายย่อยยังเปราะบาง รัฐบาลจึงต้องผลักดันจีดีพีเติบโตให้ได้ตามเป้าหมาย เศรษฐกิจขยายตัวเฉลี่ยปีร้อยละ 5 ในอีก 3-4 ปีข้างหน้า


นายจุลพันธ์ กล่าวย้ำว่า เงินดิจิทัลไม่ใช่เป็นการเสกเงินขึ้นมาใหม่ ไม่ได้เขียนโปรแกรมสร้างคริปโทฯ ใหม่ขึ้นมา ไม่ได้พิมพ์เงินเพิ่มเติม แหล่งเงินยังเป็นไปตามกรอบกฎหมาย ธปท. ภายใต้การรักษาวินัยการเงิน การคลัง ยืนยันใช้วิธีเกลี่ยงบประมาณโครงการที่ไม่จำเป็น โดยพร้อมปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการใช้เงิน เช่น การกำหนดระยะเวลาใช้เงิน 6 เดือน รัศมีการใช้เงินในพื้นที่ 4 กม. อาจขยายเป็นระดับตำบล ระดับอำดภอ หรือระดับจังหวัด การกำหนดห้าม เช่น ห้ามนำดิจิทัลไปออม เพราะต้องการใช้จ่ายในเวลากำหนด การห้ามนำเงินไปชำระหนี้สิน ซื้อสินค้าอบายมุข เงื่อนไขเหล่านี้คณะอนุกรรมการหลายชุดจะเร่งประชุม เพื่อสรุปทุกด้านภายในสิ้นเดือนตุลาคม เพื่อเสนอบอร์ดดิจิทัล นายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิจารณาในวันอังคารที่ 24 ต.ค. 66

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การบริโภคที่มีการขยายตัวสูงมากในรอบ 20 ปี เป็นการขยายตัวเพียงบางกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มท่องเที่ยว ไม่ได้กระจายไปยังกลุ่มอื่น การส่งออกยังประสบปัญหาจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว การลงทุนภาครัฐ จากงบประมาณปี 67 ต้องใช้เวลาในต้นปีหน้ากว่าออกสู่ระบบได้ เครื่องยนต์ที่สำคัญช่วงนี้คือ กระตุ้นการบริโภคให้กระจายไปทุกส่วน เพราะรายได้ภาคเกษตร 8 เดือนแรกของปี ยังติดลบร้อยละ -2.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะการบริโภคกลุ่มฐานรากยังไม่เติบโต โดยพร้อมประสานนโยบายการคลัง กับนโบบายการเงินของแบงก์ชาติ ให้สอดประสานทำงานร่วมกัน

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การเดินหน้าโครงการแจกเงินผ่าน Digital Wallet 10,000 บาทต่อราย ประกอบด้วยประเด็นแรกคือ การเติมเงินดิจิทัล เป็นการเติมเงินไม่เหมือนครั้งที่ผ่านมา เพราะกำหนดเงื่อนไขการใช้เงิน ส่งผลไปหลายมิติผลกระทบทางเศรษฐกิจของประเทศ เงินดิจิทัลมีความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยสูงกว่า เป็นข้อแตกต่างที่ไม่สวามารถใช้บทวิจัยในอดีตมาคำนวณผลกระทบกับโครงการใหม่ ซึ่งกำลังผลักดันอยู่


ในประเด็นที่ 2 การกระจายเงินดิจิทัล 10,000 บาทต่อราย ไม่ใช่กระตุ้นการบริโภคอย่างเดียว แต่เงินที่มีกำลังทำให้เกิดการการลงทุนขนาดเล็กในชุมชน ทำให้สร้างอาชีพใหม่ สร้างการลงทุนใหม่ ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม จึงเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจ ประเด็นที่ 3 เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ยกระดับไปสู่การเป็นซูเปอร์แอป ก้าวไปสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล รองรับประเทศก้าวเข้าสู่สังคมดิจิทัลอีโคโนมี สร้างมูลค่ามหาศาล

ประเด็นที่ 4 โครงการแจกเงินผ่าน Digital Wallet 10,000 บาทต่อราย เป็นเพียง หนึ่งในอีกหลายมาตรการ รัฐบาลกำลังทยอยนำออกมาพัฒนาเศรษฐกิจ โดยจะเชื่อมโยงกันทั้งระบบ เตรียมก้าวไปสู่สังคมดิจิทัล ทั้งการรองรับนักท่องเที่ยว การลงทุน ภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการสมัยใหม่ เพื่อพัฒนาไปสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ จึงต้องมีระบบบล็อกเชนมารองรับ ประเด็นสุดท้ายคือ ความแตกต่างของเสวถียรภาพและศักยภาพ ที่ผ่านมาไทยเติบโตแบบมีเสถียรภาพ แต่ไทยกลับเติบโตต่ำกว่าศักยภาพที่เป็นอยู่ จึงยังไม่เพียงพอ เมื่อไทยก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ จึงต้องหารายได้ทุกด้านเข้ามารองรับผ่านหลายโครงการ เพื่อผลักดันไปสู่รัฐสวัสดิการฯ

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังพร้อมทำงานประสานนโยบายการคลัง กับนโยบายการเงินของ ธปท. เปรียบเสมือนการขับรถยนต์โดยกระทรวงคลังเป็นผู้เหยียบคันเร่ง นโยบายการเงินทำหน้าที่เบรก จึงต้องขับไปให้มีจังหวะผสมผสานกันด้วยกัน เพื่อให้ขับรถไปได้อย่างนุ่มนวล ปลอดภัย ไม่ใช่คลังขับรถ แต่แบงก์ชาติคอยเหยียเบรกอย่างเดียว รถจะไม่เกินหน้าไปได้ คลัง-แบงก์ชาติ จึงต้องหารือร่วมกันอย่างใกล้ชิด จึงขอให้เชื่อความเป็นมืออาชีพของคลัง ในการรักษาวินัยทางการเงินการคลัง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]

“พิเชษฐ์” ชิงปิดประชุมสภาฯ หลังถกวุ่นเสนอนับองค์ประชุม

รัฐสภา 17 ก.ค.- “พิเชษฐ์” ทำแฮตทริก ชิงปิดประชุมสภาฯ หลัง “สส.ปชน.” เสนอนับองค์ประชุม ขณะที่ สส.เพื่อไทย ขอให้นับแบบขานชื่อ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม ขณะรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 66 และรายงานการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินประจำปีงบประมาณ 2566 ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยมีผู้อภิปรายไปเพียงคนเดียวคือนายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม. พรรคประชาชน ทำให้นายเฉลิมพงศ์ แสงดี สส.ภูเก็ต พรรคประชาชน ลุกขึ้นอภิปรายว่า เห็นสมาชิกในห้องประชุมบางตาอยากจะเช็คความตั้งใจการทำงานของสส.ฝ่ายรัฐบาล จึงขอนับองค์ประชุม และมีผู้รับรองถูกต้องจากนั้นนายพิเชษฐ์ กดออดเรียกสมาชิกพร้อมกล่าวว่า “ไม่อยากอภิปรายแล้วหรือ” พร้อมทั้งขอให้วิปรัฐบาลแจ้งสส.ที่อยู่ในห้องประชุมอื่นเพื่อรีบเข้าห้องประชุมใหญ่ ขณะที่นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การขอนับองค์ประชุมและมีผู้รับรอง ถือเป็นสิ่งสวยงาม แต่หากมีคนเสนอให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ คงใช้เวลาถึงค่ำ ดังนั้น ขอร้องเพื่อนสมาชิก เดือนนี้ขออย่านับองค์ประชุมเลย แล้วไปนับองค์ประชุมเดือนหน้า […]

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]