คลังเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท

กระทรวงการคลัง 9 ต.ค. – คลังเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ย้ำแหล่งเงินใช้งบประมาณเป็นหลัก พร้อมรับฟังทุกความเห็น ปรับเงื่อนไขการใช้เงิน มุ่งสู่รัฐบาลดิจิทัล


นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันเดินหน้าผลักดันโครงการแจกเงินผ่าน Digital Wallet 10,000 บาทต่อราย สำหรับกลุ่มอายุ 16 ปีขึ้นไป กลุ่มเป้าหมาย 56 ล้านคน เป็นเพียงหนึ่งในอีกหลายนโยบาย เดินไปสู่รัฐบาลดิจิทัล ย้ำแหล่งทุน 5.6 แสนล้านบาท ใช้งบประมาณเป็นหลัก พร้อมรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะอดีตผู้ว่าการแบงก์ชาติ เพื่อปรับเงื่อนไขการใช้เงินให้มากที่สุด นับว่าเป็นสิ่งดีที่มีการแสดงความเห็นในวงกว้างต่อการดำเนินการนโยบายดังกล่าว ทั้งนักวิชาการ นักเศรษฐศาสตร์ ภาคเอกชน ประชาชนรายย่อย ย้ำผู้ต้องการรับเงินดิจิทัลต้องลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ใครมีรายได้สูง หรือไม่ต้องการใช้เงินดังกล่าว ไม่ต้องลงทะเบียน ถือเป็นทางเลือกให้กับประชาชน จำเป็นต้องรีสตาร์ทชีวิตของประชาชน สร้างเม็ดเงินใหม่กระจายไปทั่วประเทศ

โครงการดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงิน 10,000 บาท เป็นเงินอ้างอิงจากเงินบาทในปัจจุบัน ไม่ได้สร้างเม็ดเงินขึ้นมาใหม่ จึงต้องการจุดฉนวนขับเคลื่อนเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพื่อให้กระจายไปทุกที่ ยกระดับคุณภาพชีวิต การสร้างโอกาส การลงทุนเกิดขึ้นในชุมชน เกิดการจ้างงาน จากนั้นรัฐบาลจะมีรายได้กลับคืนมาในทางอ้อม รัฐบาลจึงต้องรักษาสัญญาแถลงไว้กับรัฐสภา เดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยว การลดภาระค่าครองชีพผ่านค่าไฟฟ้า น้ำมันดีเซล การดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ เมื่อเศรษฐกิจไทยยังไม่เติบโตอย่างเต็มศักยภาพ ไทยโตช้ากว่าหลายประเทศภูมิภาค ชีวิตประชาชนรายย่อยยังเปราะบาง รัฐบาลจึงต้องผลักดันจีดีพีเติบโตให้ได้ตามเป้าหมาย เศรษฐกิจขยายตัวเฉลี่ยปีร้อยละ 5 ในอีก 3-4 ปีข้างหน้า


นายจุลพันธ์ กล่าวย้ำว่า เงินดิจิทัลไม่ใช่เป็นการเสกเงินขึ้นมาใหม่ ไม่ได้เขียนโปรแกรมสร้างคริปโทฯ ใหม่ขึ้นมา ไม่ได้พิมพ์เงินเพิ่มเติม แหล่งเงินยังเป็นไปตามกรอบกฎหมาย ธปท. ภายใต้การรักษาวินัยการเงิน การคลัง ยืนยันใช้วิธีเกลี่ยงบประมาณโครงการที่ไม่จำเป็น โดยพร้อมปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการใช้เงิน เช่น การกำหนดระยะเวลาใช้เงิน 6 เดือน รัศมีการใช้เงินในพื้นที่ 4 กม. อาจขยายเป็นระดับตำบล ระดับอำดภอ หรือระดับจังหวัด การกำหนดห้าม เช่น ห้ามนำดิจิทัลไปออม เพราะต้องการใช้จ่ายในเวลากำหนด การห้ามนำเงินไปชำระหนี้สิน ซื้อสินค้าอบายมุข เงื่อนไขเหล่านี้คณะอนุกรรมการหลายชุดจะเร่งประชุม เพื่อสรุปทุกด้านภายในสิ้นเดือนตุลาคม เพื่อเสนอบอร์ดดิจิทัล นายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิจารณาในวันอังคารที่ 24 ต.ค. 66

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การบริโภคที่มีการขยายตัวสูงมากในรอบ 20 ปี เป็นการขยายตัวเพียงบางกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มท่องเที่ยว ไม่ได้กระจายไปยังกลุ่มอื่น การส่งออกยังประสบปัญหาจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว การลงทุนภาครัฐ จากงบประมาณปี 67 ต้องใช้เวลาในต้นปีหน้ากว่าออกสู่ระบบได้ เครื่องยนต์ที่สำคัญช่วงนี้คือ กระตุ้นการบริโภคให้กระจายไปทุกส่วน เพราะรายได้ภาคเกษตร 8 เดือนแรกของปี ยังติดลบร้อยละ -2.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะการบริโภคกลุ่มฐานรากยังไม่เติบโต โดยพร้อมประสานนโยบายการคลัง กับนโบบายการเงินของแบงก์ชาติ ให้สอดประสานทำงานร่วมกัน

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การเดินหน้าโครงการแจกเงินผ่าน Digital Wallet 10,000 บาทต่อราย ประกอบด้วยประเด็นแรกคือ การเติมเงินดิจิทัล เป็นการเติมเงินไม่เหมือนครั้งที่ผ่านมา เพราะกำหนดเงื่อนไขการใช้เงิน ส่งผลไปหลายมิติผลกระทบทางเศรษฐกิจของประเทศ เงินดิจิทัลมีความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยสูงกว่า เป็นข้อแตกต่างที่ไม่สวามารถใช้บทวิจัยในอดีตมาคำนวณผลกระทบกับโครงการใหม่ ซึ่งกำลังผลักดันอยู่


ในประเด็นที่ 2 การกระจายเงินดิจิทัล 10,000 บาทต่อราย ไม่ใช่กระตุ้นการบริโภคอย่างเดียว แต่เงินที่มีกำลังทำให้เกิดการการลงทุนขนาดเล็กในชุมชน ทำให้สร้างอาชีพใหม่ สร้างการลงทุนใหม่ ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม จึงเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจ ประเด็นที่ 3 เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ยกระดับไปสู่การเป็นซูเปอร์แอป ก้าวไปสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล รองรับประเทศก้าวเข้าสู่สังคมดิจิทัลอีโคโนมี สร้างมูลค่ามหาศาล

ประเด็นที่ 4 โครงการแจกเงินผ่าน Digital Wallet 10,000 บาทต่อราย เป็นเพียง หนึ่งในอีกหลายมาตรการ รัฐบาลกำลังทยอยนำออกมาพัฒนาเศรษฐกิจ โดยจะเชื่อมโยงกันทั้งระบบ เตรียมก้าวไปสู่สังคมดิจิทัล ทั้งการรองรับนักท่องเที่ยว การลงทุน ภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการสมัยใหม่ เพื่อพัฒนาไปสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ จึงต้องมีระบบบล็อกเชนมารองรับ ประเด็นสุดท้ายคือ ความแตกต่างของเสวถียรภาพและศักยภาพ ที่ผ่านมาไทยเติบโตแบบมีเสถียรภาพ แต่ไทยกลับเติบโตต่ำกว่าศักยภาพที่เป็นอยู่ จึงยังไม่เพียงพอ เมื่อไทยก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ จึงต้องหารายได้ทุกด้านเข้ามารองรับผ่านหลายโครงการ เพื่อผลักดันไปสู่รัฐสวัสดิการฯ

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังพร้อมทำงานประสานนโยบายการคลัง กับนโยบายการเงินของ ธปท. เปรียบเสมือนการขับรถยนต์โดยกระทรวงคลังเป็นผู้เหยียบคันเร่ง นโยบายการเงินทำหน้าที่เบรก จึงต้องขับไปให้มีจังหวะผสมผสานกันด้วยกัน เพื่อให้ขับรถไปได้อย่างนุ่มนวล ปลอดภัย ไม่ใช่คลังขับรถ แต่แบงก์ชาติคอยเหยียเบรกอย่างเดียว รถจะไม่เกินหน้าไปได้ คลัง-แบงก์ชาติ จึงต้องหารือร่วมกันอย่างใกล้ชิด จึงขอให้เชื่อความเป็นมืออาชีพของคลัง ในการรักษาวินัยทางการเงินการคลัง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภราดร” ประกาศลาออก “รองปธ.สภาฯ”

รัฐสภา 19 มิ.ย.- “ภราดร” ประกาศลาออกจาก “รองประธานสภาฯ” รักษาหลักการเสียงข้างมาก คืนอำนาจให้สภาฯ เลือกใหม่ นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง และ สส.จังหวัดอ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ประกาศยื่นหนังสือขอลาออกจากตำแหน่งรองประธานฯ โดยมีผลทันทีในวันนี้ หลังจากพรรคภูมิใจไทยออกแถลงการณ์เมื่อค่ำวานนี้ว่ากรรมการบริหารพรรคมีมติให้พรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล และรัฐมนตรีของพรรคทุกคนได้ส่งใบลาออกต่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีผลวันที่ 19 มิถุนายนนี้เช่นกัน นายภราดรให้เหตุผลว่า ตนได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนี้ด้วยเสียงส่วนใหญ่ของสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้น ในวันนี้เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและพรรคภูมิใจไทยไม่ได้ร่วมอยู่ในรัฐบาลแล้ว จึงเห็นว่าควรคืนอำนาจให้สภาผู้แทนราษฎรได้มีโอกาสตัดสินใจเลือกรองประธานฯคนใหม่ด้วยมติเสียงข้างมาก ตามธรรมเนียมที่เคยถือปฏิบัติมา “ผมขอขอบคุณเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้ให้เกียรติเลือกผมมาปฏิบัติหน้าที่ แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็เป็นประสบการณ์ในการทำงานที่มีคุณค่า และขอถือโอกาสนี้ขอบคุณทีมงานของรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สองทุกคนที่ได้ทุ่มเททำงานจนบรรลุภารกิจไปหลายประการ ซึ่งล้วนสร้างความก้าวหน้าให้กับสภาของประชาชน กราบขอบพระคุณท่านประธานและรองประธานสภาฯคนที่หนึ่ง ที่ได้ให้ความเมตตาผมอย่างยิ่งในการทำงาน” นายภราดรกล่าว พร้อมย้ำว่าจะฝากงานหลายอย่างที่ได้ดำเนินการไว้ โดยเฉพาะโครงการเปิดพื้นที่รัฐสภาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ เป็นพื้นที่ของประชาชนอย่างแท้จริง โครงการวันรัฐธรรมนูญ กิจกรรมสภาวาที การพัฒนาสถานีวิทยุโทรทัศน์รัฐสภาให้เป็นสถานีของประชาชน โดยเปิดโอกาสให้สถานศึกษาเข้ามามีส่วนร่วม และการต่อยอดโครงการยุวชนประชาธิปไตยที่สร้างเสริมศักยภาพเยาวชน ให้ผู้รับตำแหน่งคนต่อไปได้มาสานต่อ นอกจากนี้ นายภราดรยังยืนยันจะทำหน้าที่เป็นผู้แทนราษฎรฝ่ายค้านอย่างเข้มแข็ง เคียงบ่าเคียงไหล่กับ ส.ส. ของพรรคภูมิใจไทยต่อไป.312 -สำนักข่าวไทย

นายกฯ โพสต์สำนวนก่อนลบทิ้ง เตรียมเข้าทำเนียบฯ

ทำเนียบ 19 มิ.ย.- นายกฯ โพสต์สำนวน “ผู้คน ไม่ได้แกล้งเศร้า แต่แกล้งโอเค” ก่อนลบทิ้ง ยกเลิกประชุมทีมคณะที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก เข้าทำเนียบ เมื่อเวลา 08.15 น. ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ช่วงเช้าวันนี้ (19 มิ.ย.) พบว่า มีการแชร์สตอรี่อินสตาแกรม เป็นสำนวนภาษาอังกฤษ ระบุว่า “People don’t fake depression.They fake being okay. Remember that. Be kind.” ซึ่งมีความหมายว่า “คนเราไม่ได้แกล้งเศร้า แต่แกล้งว่าตัวเองโอเคต่างหาก, จำไว้นะ จงมีเมตตา” พร้อมซาวด์ดนตรี Another love อย่างไรก็ตามในเวลา 08.54 น. นายกรัฐมนตรี ได้ลบโพสต์ดังกล่าว ออกจากสตอรี่อินสตราแกรม ทำให้ไม่มีข้อความปรากฏแล้ว ขณะเดียวกัน ยังรายงานอีกว่า วันนี้ นายกรัฐมนตรีได้ยกเลิกภารกิจ […]

“กัญจนา” เชื่อ “วราวุธ’” ไม่หนุนการกระทำที่ไม่ดีต่อบ้านเมือง

กรุงเทพฯ 19 มิ.ย.- “หนูนา กัญจนา” ชี้พรรคชาติไทยพัฒนาแม้เป็นพรรคเล็ก แต่ศักดิ์ศรีรักบ้านเกิดเมืองนอนยิ่งใหญ่เสมอ เชื่อ “วราวุธ” ไม่หนุนการกระทำที่ไม่ดีต่อบ้านเมือง น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กกรณีคลิปเสียงสนทนาสองผู้นำไทย-กัมพูชา ว่า “ณ วันนี้ ดิฉันไม่ได้นิยามตัวเองเป็นนักการเมืองแล้ว ถอยออกมามานานแล้ว แต่ที่ดิฉันเป็นเสมอคือ เป็นคนไทยที่รักแผ่นดินเกิด “จุดยืนของดิฉันมั่นคงมาตลอดเหมือนพ่อ คือยึดมั่นต่อ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และเชื่อว่าน้องชายดิฉัน (นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) ก็เช่นกัน” น.ส.กัญจนา ยังระบุอีกว่า “แม้ที่ผ่านมา เขาอาจจะพูดอะไรพลาดบ้าง นั่นก็เป็นบทเรียนในชีวิตให้เขาต้องจดจำ วันนี้ดิฉันแม้ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาแล้ว แต่ดิฉันยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ แม้พรรคชาติไทยพัฒนาในวันนี้ จะเป็นพรรคขนาดเล็ก แต่ศักดิ์ศรี และความรักบ้านเกิดเมืองนอนต้องยิ่งใหญ่เสมอ” “ดิฉันเชื่อว่า พรรค และหัวหน้าพรรคจะมีการตัดสินใจที่ชัดเจนในการไม่สนับสนุนการกระทำใดที่ไม่ดีต่อชาติบ้านเมือง ทำในสิ่งที่ควรทำ” -สำนักข่าวไทย

นายกฯ รีโพสต์สตอรี่ไอจี หลัง “ภูมิใจไทย” ถอนตัว

19 มิ.ย.- นายกฯ รีโพสต์สตอรี่ไอจี กลางดึก หลัง “ภูมิใจไทย” ประกาศถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาล ความเคลื่อนไหวช่วงกลางดึกในเวลา 21.08 น. ของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ภายหลังพรรคภูมิใจไทยออกแถลงการณ์ถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล โดยจะยื่นใบลาออกมีผลวันนี้ (19 มิ.ย.) พร้อมเรียกร้องให้นายกฯ รับผิดชอบทำประเทศเสียเกียรติภูมิ นั้น พบว่าสตอรี่อินสตราแกรมของ นายกรัฐมนตรี ยังคงมีการเคลื่อนไหวผ่านการรีโพสต์สตอรี่ ที่มีคนโพสต์และแท็ก โดยเป็นภาพระหว่างสื่อมวลชนตามสัมภาษณ์นายกรัฐมนตรี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และเป็นโพสต์รูปภาพของนายกรัฐมนตรี พร้อมใส่เพลง “ทำด้วยหัวใจ” โดยไม่มีการใส่แคปชั่น หรือระบุข้อความใดใดในภาพ รวมถึงคลิปที่นายกรัฐมนตรีได้มีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงเสียงสนทนากับสมเด็จฮุนเซน ด้วย -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

รัฐบาลออกแถลงการณ์โต้คลิปเสียง “ฮุนเซน“ ยันมีเจตนาบริสุทธิ์ จริงใจ

ทำเนียบ 19 มิ.ย.-รัฐบาลออกแถลงการณ์กรณีสถานการณ์ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา โต้คลิปเสียง “ฮุนเซน” ยันมีเจตนาบริสุทธิ์ จริงใจ แต่ได้รับผลตรงข้าม ชี้ 26 ปี JBC ไร้ผล เป็นเหตุตัดสินใจใช้การทูตโทรหาผู้นำกัมพูชา ย้ำแก้ปัญหายึดสันติวิธี รักษาอธิปไตยไทย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (19 มิ.ย.) “กรณีสถานการณ์ความสัมพันธ์ ไทย-กัมพูชา” โดยมีเนื้อหาว่า “พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขออภัยต่อพี่น้องประชาชนด้วยความจริงใจ จากกรณีคลิปเสียงสนทนาทางโทรศัพท์กับผู้นำกัมพูชาที่เกิดขึ้น ทุกการดำเนินการเป็นไปภายใต้เจตจำนงที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติ รักษาผลประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนไทย ทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและพักอาศัยอยู่ในกัมพูชา ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ดังกล่าว ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ น่าเสียใจอย่างยิ่งที่ความจริงใจของเรา กลับมีผลตอบรับตรงกันข้าม รัฐบาลไทยยึดหลักสันติวิธี ใช้กลไกทวิภาคีเรื่องเขตแดนที่มีอยู่ โดยเฉพาะการทำงานของ JBC ที่รัฐบาลไทยและกัมพูชาร่วมมือกันมาตลอด 26 ปี เพื่อคลี่คลายปัญหา แต่ในระหว่างนั้นได้ปรากฏเหตุการณ์สื่อสารโต้ตอบที่ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งขึ้น หากรัฐบาลนิ่งเฉย และไม่แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ย่อมเกิดความเสี่ยงที่จะบานปลายไปสู่ความรุนแรงและความสูญเสียต่อชีวิตและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนชาวไทยได้ นายกรัฐมนตรีจึงตัดสินใจใช้วิธีทางการทูต ผ่านการโทรศัพท์พูดคุยโดยตรงกับผู้นำกัมพูชา […]

กต. ทำหนังสือประท้วงกัมพูชากรณีปล่อยคลิปเสียงหลุด

กรุงเทพฯ 19 มิ.ย. – กระทรวงการต่างประเทศ ส่งหนังสือประท้วงกรณีคลิปเสียงบทสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีไทย-ฮุน เซน ย้ำผิดมารยาทและผิดหลักปฏิบัติสากล และทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงพัฒนาการความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา หลังจากที่ได้มีการเปิดเผยบทสนทนาส่วนตัวระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฯ ฮุนเซน ประธานวุฒิสภา ของกัมพูชา ต่อสาธารณชนวานนี้ (18 มิ.ย.68) ว่า การกระทำดังกล่าวขัดต่อจรรยาบรรณ และมารยาทพื้นฐานของการปฏิสัมพันธ์ระหว่างรัฐที่ไม่อาจยอมรับได้ ถือเป็นการทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ซึ่งส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และความพยายามที่จะใช้กลไกทวิภาคีในการแก้ไขปัญหาของทั้งสองฝ่ายตามแนวปฏิบัติสากล และการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี พร้อมเน้นย้ำว่า ไม่ว่าผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะเป็นใคร ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคือหัวหน้ารัฐบาลของประเทศ ที่ควรได้รับการเคารพ และให้เกียรติ ตามแนวปฏิบัติสากลในการเจริญสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศจึงได้ออกหนังสือประท้วงกรณีดังกล่าว ผ่านช่องทางทางการทูต โดยได้เชิญให้เอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย มารับหนังสือดังกล่าว เพื่อแจ้งว่าการกระทำข้างต้นของทางกัมพูชาเป็นการกระทำที่ไม่สามารถยอมรับได้ ถือว่าผิดมารยาทพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ เป็นการทำลายความไว้ใจระหว่างประเทศเพื่อนบ้านอย่างร้ายแรง ซึ่งการออกหนังสือดังกล่าวเป็นไปตามแนวปฏิบัติทางการทูต มีความรอบคอบ โปร่งใส มีวุฒิภาวะ ใช้สันติวิธี และดำเนินการอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและการดูแลคนไทยที่อยู่ในกัมพูชาแล้ว พร้อมยืนยันว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการดำเนินการทางการทูต […]

นายกฯ แถลงขออภัยคนไทยปมคลิปเสียงหลุดคุย “ฮุน เซน”

กรุงเทพฯ 19 มิ.ย. – นายกฯ แถลงขออภัยคนไทยทุกคน กรณีคลิปเสียงหลุดคุย “ฮุน เซน” เป็นเรื่องไม่น่าเกิดขึ้น ได้คุย มทภ.2 และทำความเข้าใจกับกองทัพ โดยได้อธิบายถึงเจตนาที่แท้จริง ยอมรับไม่ทราบจริงๆ ว่ามีการอัดคลิปเผยแพร่ ย้ำวันนี้ไทยต้องร่วมมือผนึกกำลัง ปกป้องอธิปไตย ทุกภาคส่วนสรุปว่า “เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าพบ เพื่อรายงานผลการประชุมของศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) รวมถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ภายหลังเกิดกรณีคลิปเสียงการโทรศัพท์เจรจาระหว่าง น.ส.แพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ว่าได้เชิญหน่วยงานด้านความมั่นคงมาพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ก่อนอื่นต้องขออภัยพี่น้องประชาชนและคนไทยทุกคนในเรื่องกรณีที่มีคลิปเสียงหลุดออกมาระหว่างที่ตนคุยกับผู้นำกัมพูชา ความจริงเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ต้องขออภัยพี่น้องประชาชนที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ ได้มีโอกาสคุยกับเจ้าหน้าที่และกองทัพ อธิบายถึงเหตุผลว่าเป็นเพียงแท็กติกของการสื่อสารที่จะเจรจาต่อไปว่าเราจะต้องแสดงความเข้าใจก่อน เพื่อจะคุยถึงต่อไป เป็นการต่อรองเพื่อให้การปะทะนั้นหยุดลง ด้วยความตั้งใจที่แท้จริงว่าต้องการจะให้สถานการณ์สงบสุขเท่านั้นเอง และไม่ทราบจริงๆ ว่าจะมีการอัดคลิปและเผยแพร่เช่นนี้ ก็ได้ทำความเข้าใจกับทางกองทัพเรียบร้อยแล้ว และรับฟังว่าวันนี้เราต้องร่วมมือกันผนึกกำลังเอาไว้ คนไทยทุกคนต้องผนึกกำลังเอาไว้ วันนี้ทุกภาคส่วนได้สรุปว่ากรณีดังกล่าวเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ ไม่ใช่ภัยคุกคามเล็กๆ ของประชาชนหรือของอะไร ที่จะพูดถึงว่ารัฐบาลหรือกองทัพต้องมาสู้กัน วันนี้เราไม่มีเวลาที่จะมาทะเลาะกันเองแบบนี้ เราต้องปกปกอธิปไตย ยินดีสนับสนุนกองทัพทุกรูปแบบ และวันนี้การที่เราจะทำอะไรหรือตัดสินใจในเรื่องต่างๆ เราต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยที่อยู่ในกัมพูชาด้วย รวมทั้งประชาชนตรงชายแดน […]

ผบ.ทบ. แสดงจุดยืนยึดมั่น ปชต. ย้ำเวลานี้ “คนไทยต้องสามัคคี”

กองทัพบก 19 มิ.ย. – ผบ.ทบ. แสดงจุดยืนยึดมั่นระบอบประชาธิปไตย พร้อมทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ ย้ำสถานการณ์บ้านเมืองในเวลานี้ “คนไทยต้องสามัคคี” พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันที่ปรากฏข้อมูลหรือการแสดงความคิดเห็นต่างๆ ที่หลากหลายและส่งผลกระทบต่อสังคมเป็นบริเวณกว้าง พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ในประเทศที่เกิดขึ้นโดยขอให้คนไทยได้เชื่อมั่นในกองทัพบก ที่มีจุดยืนในการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และพร้อมทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างสุดความสามารถ ภายใต้กลไกที่มีอยู่ ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบกได้เน้นย้ำว่า หากพิจารณาอย่างรอบด้านแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในห้วงเวลานี้คือ “คนไทยต้องสามัคคี” ร่วมกันปกป้องอธิปไตยจากผู้ไม่หวังดี โดยยึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ-313 .-สำนักข่าวไทย