กรุงเทพฯ 9 ต.ค. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เชื่อความขัดแย้งสงครามอิสราเอลและกลุ่มฮามาส จะไม่ยาวนานเหมือนกับรัสเซียและยูเครน หากไม่มีประเทศกลุ่มที่ 3 เข้ามาแทรกแซง ระบุการค้าไทยและอิสราเอลไม่มากนัก แต่ระยะสั้นกระทบราคาน้ำมันตลาดโลกขยับขึ้นไปเล็กน้อย
รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวถึงความขัดแย้งระหว่างกลุ่มฮามาสและอิสราเอล ที่มีมายาวนาน แต่ไม่เคยมีกองกำลังที่ 3 เข้ามาแทรกแซงในปฏิบัติการ จะเห็นว่าเป็นความขัดแย้งของ 2 กลุ่มเท่านั้น จึงไม่เห็นท่าทีบานปลาย
ส่วนผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมีทั้งทางตรงและทางอ้อม อันดันแรกคือความเดือดของแรงงานไทย ทั้งที่เสียชีวิตและความปลอดภัย และประเด็นทางการค้า การส่งออก แม้จะมีสัดส่วนการค้าระหว่างกันเพียง 0.2% ของการส่งออกทั้งหมด แต่เป็นคู่ค้ากันมายาวนาน ซึ่งการประเมินสถานการณ์จนถึงขณะนี้ เส้นทางการขนส่งยังไม่ได้รับผลกระทบ และอาจจะมีความต้องสินค้าบางอย่างมากขึ้นในช่วงที่เกิดสถานการณ์ ดังนั้น การส่งออกหรือนำเข้าไม่ควรจะได้รับผลกระทบมากนัก เพราะยังไม่มีสัญญาณการปิดประเทศ หรือเส้นทางขนส่งถูกตัดขาด ขณะที่นักท่องเที่ยวอิสราเอลมาไทยประมาณ 2 แสนคนต่อปี เฉลี่ยเดือนละ 1-2 หมื่น ถือว่าไม่กระทบมากนัก
ส่วนผลกระทบทางอ้อมนั้นมาจากผลกระทบต่อราคาน้ำมัน เพราะหลังจากเกิดสถานการณ์ราคาน้ำมันขยับขึ้นไปแล้ว 4% และอาจจะมีผลกระทบต่อราคาน้ำมันในประเทศบ้าง แต่ก็ไม่ควรขยับขึ้นเกิน 1-2 บาทต่อลิตร และต้องติดตามว่าจะมีความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะจะมีกองกำลังที่ 3 เข้ามาร่วมด้วยหรือไม่ แต่ยังประเมินว่าสถานการณ์จะเกิดเพียงระยะสั้น หรือหากเกิดประมาณ 1 เดือนแล้วสถานการณ์ค่อยๆ สงบ เชื่อว่าคำสั่งซื้อสินค้าจากอิสราเอลจะกลับมาปกติ.-สำนักข่าวไทย