99 นักวิชาการ นักเศรษฐศาสตร์ คัดค้านเงินดิจิทัลวอลเล็ต

กรุงเทพฯ 6 ต.ค. – 99 นักวิชาการ นักเศรษฐศาสตร์ ออกแถลงการณ์คัดค้านเงินดิจิทัลวอลเล็ต มองเป็นนโยบาย “ได้ไม่คุ้มเสีย” ยก 8 เหตุผลหลัก เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 99 นักวิชาการ นักเศรษฐศาสตร์ ในระดับแนวหน้าของไทย ได้ร่วมลงชื่อออกแถลงการณ์ร่วม เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก “นโยบายแจกเงิน digital 10,000 บาท” เพราะเป็นนโยบาย “ได้ไม่คุ้มเสีย” ผู้ร่วมลงชื่อ อาทิเช่น ดร.วิรไท สันติประภพ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย, ดร.ธาริษา วัฒนเกส อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย, รศ.ดร.อัจนา ไวความดี อดีตรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย, รศ.ดร.สิริลักษณา คอมันตร์ อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์, ดร.บัณฑิต นิจถาวร อดีตรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย, รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์, ศ.ดร.พรายพล คุ้มทรัพย์ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์, ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร ทีดีอาร์ไอ

โดยแจ้งเหตุผลดังต่อไปนี้ 1) เศรษฐกิจกำลังอยู่ในภาวะฟื้นตัว โดยสำนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวประมาณร้อยละ 2.8 ในปี 66 และขยายตัวร้อยละ 3.5 ในปี 67 จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ผ่านมา มีการบริโภคส่วนบุคคลเป็นตัวจักรสำคัญ ในไตรมาส 2 ของปีนี้ การบริโภคขยายตัวถึงร้อยละ 7.3 นับว่าสูงสุดในรอบ 20 ปี สูงกว่า 2 เท่าของค่าเฉลี่ย 10 ปี คาดว่าปีนี้ทั้งปีจะขยายตัวร้อยละ 6.1 และ 4.6 ในปีหน้า จึงไม่มีความจำเป็นต้องกระตุ้นการบริโภคส่วนบุคคล แต่ควรเน้นการใช้จ่ายของภาครัฐ เพื่อสร้างศักยภาพในการลงทุนและการส่งออก นอกจากนี้ การกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ อาจทำให้เกิดเงินเฟ้อสูงขึ้นมาอีก หลังจากเงินเฟ้อได้ลดลงจากร้อยละ 6.1 มาอยู่ที่ร้อยละ 2.9 ในปีนี้ ท่ามกลางราคาพลังงานมีแนวโน้มสูงขึ้นในระยะหลัง การกระตุ้นการบริโภคช่วงนี้ อาจทำให้เงินเฟ้อคาดการณ์ (inflationexpectation) สูงขึ้น นำไปสู่สภาวะขึ้นดอกเบี้ยในที่สุด


2) เงินงบประมาณของรัฐมีจำกัด ย่อมมีค่าเสียโอกาส การใช้เงินจำนวนมากถึง 560,000 ล้านบาท อาจทำให้รัฐเสียโอกาสการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ในการสร้าง digital infrastructure หรือการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ล้วนสร้างศักยภาพในการเจริญเดิบโตในระยะยาว แทนการใช้เงินเพื่อการกระตุ้นการบริโภคระยะสั้นๆ ซึ่งไม่สมเหตุสมผลต่อการสร้างภาระหนี้สาธารณะให้เป็นภาระแก่คนรุ่นต่อไป ค่าเสียโอกาสสำคัญคือการใช้เงินสร้างงานเพื่อสร้างรายได้ให้ประชาชน

3) การกระตุ้นเศรษฐกิจให้รายได้ประชาชาติ (GDP) ขยายตัว โดยรัฐแจกเงิน 560,000 ล้านบาท เข้าไปในระบบ เป็นการคาดหวังเกินจริง เพราะปัจจุบันข้อมูลเชิงประจักษ์จากงานวิจัยทำให้นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่า ตัวทวีคูณทางการคลัง (fiscal multiplier) ที่เกิดจากการใช้จ่ายของรัฐในลักษณะเงินโอนหรือการแจกเงิน มีค่าต่ำกว่า 1 และต่ำกว่าตัวทวีคูณทางการคลัง สำหรับการใช้จ่ายโดยตรงและการลงทุนของภาครัฐ

ผู้กำหนดนโยบายหวังว่านโยบายนี้จะกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงเป็นสิ่งเลื่อนลอย ไม่มีใครเสกเงินได้ ไม่มีเงินงอกจากต้นไม้ ไม่มีเงินที่ลอยมาจากฟ้า ไม่ว่าจะแอบซ่อนมาในรูปใดก็ตาม สุดท้ายประชาชนจะต้องจ่ายคืนเสมอ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะจ่ายภาษีเพิ่มขึ้น หรือราคาสินค้าแพงขึ้นเพราะเงินเฟ้อ อันเนื่องจากการเพิ่มปริมาณเงิน


4) ในวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น เริ่มตั้งแต่ปี 2565 เพราะเงินเฟ้อสูงขึ้นมาก การก่อหนี้จำนวนมาก ไม่ว่ารัฐบาลจะออกพันธบัตร หรือกู้เงินจากรัฐวิสาหกิจ หรือกู้สถาบันการเงินของภาครัฐ ล้วนแต่จะทำให้รัฐบาลและคนทั้งประเทศต้องเผชิญกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น หนี้สาธารณะของรัฐ ปัจจุบัน 10.1 ล้านล้านบาท หรือร้อยละ 61.6 ของ GDP ต้องมีภาระจ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้นในยามที่ต้องชำระคืนหรือกู้ใหม่ จึงมีผลต่อภาระเงินงบประมาณของรัฐในแต่ละปี โดยยังไม่นับเงินค่าดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจากการแจกเงินดิจิทัล คนละ 10,000 บาทนี้ด้วย

5) ในช่วงที่โลกเผชิญกับวิกฤติโรคระบาดและภาวะเศรษฐกิจถดถอย รัฐบาลแทบทุกประเทศต่างจำเป็นต้องการขาดดุลการคลังและสร้างหนี้จำนวนมาก เพื่อใช้จ่ายทางด้านสาธารณสุข กระตุ้นเศรษฐกิจ และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลายประเทศได้แสดงเจตนารมณ์ที่ฉลาดรอบคอบ โดยลดการขาดดุลภาครัฐและหนี้สาธารณะลง (fiscal consolidation) เพื่อสร้าง ‘พื้นที่ว่างทางการคลัง’ (fiscal space) เอาไว้รองรับวิกฤติเศรษฐกิจในอนาคต

นโยบายแจกเงิน digital 10,000 บาท ดูจะสวนทางกับสิ่งที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศไทยมีอัตราส่วนรายรับจากภาษี เพียงร้อยละ 13.7 ของรายได้ประชาชาติ (GDP) ถือว่าต่ำกว่าประเทศอื่นๆ มาก การทำนโยบายการคลังโดยไม่รอบคอบระมัดระวัง และไม่คำนึงถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ยังจะส่งผลต่ออันดับความน่าเชื่อถือ (creditrating) ของประเทศ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการกู้เงินของทั้งภาครัฐบาลและภาคเอกชนไทยสูงขึ้นกว่าที่ควรจะเป็นด้วย

6) การแจกเงินคนละ 10,000 บาท ให้ทุกคนที่อายุเกิน 16 ปี เป็นนโยบายที่สร้างความไม่เป็นธรรมในสังคมอย่างยิ่ง เศรษฐีและมหาเศรษฐี ที่อายุเกิน 16 ปี ล้วนได้รับเงินช่วยเหลือ ทั้งๆ ที่ไม่มีความจำเป็น

7) เมื่อประเทศเข้าสู่สังคมสูงวัยเช่นประเทศไทย การเตรียมตัวทางด้านการคลังเป็นสิ่งจำเป็น ขณะที่จำนวนคนในวัยทำงานลดลง แต่สัดส่วนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ภาระการใช้จ่ายทางด้านสวัสดิการและสาธารณสุขจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ผู้บริหารประเทศที่มองการณ์ไกลจึงควรใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า และรักษาวินัยและเสถียรภาพทางด้านการคลังอย่างเคร่งครัด ด้วยเหตุผลต่างๆ ข้างต้น

8) ระบบ blockchain ปกติ ต้องทำการตรวจสอบความถูกต้องของทุกธุรกรรม โดยผู้ใช้ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ข้อดีคือทำให้ไม่สามารถฉ้อฉลข้อมูลได้ ขณะเดียวกัน เป็นจุดตายของระบบด้วย เพราะแต่ละธุรกรรมจะต้องใช้เวลาเฉลี่ยในการตรวจสอบ 1-1.5 ชั่วโมงต่อธุรกรรม ยิ่งใช้เวลามากขึ้นเมื่อจำนวนธุรกรรมและผู้ใช้เพิ่มขึ้น เวลาที่ใช้ก็จะยิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณ จึงแทบจะเป็นไปไม่ได้ในการเอามาใช้กับระบบซื้อขายตามปกติ

ด้วยเหตุผลต่างๆ ข้างต้น บรรดานักวิชาการและคณาจารย์เศรษฐศาสตร์ จึงขอให้รัฐบาลยกเลิก “นโยบายแจกเงิน digital 10,000 บาท” แก่ผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไป เพราะประโยชน์ที่ประเทศจะได้น้อยกว่าต้นทุนที่เสียไปอย่างมาก. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ครม.แบ่งงาน​ 6 รองนายกฯ​ “บวรศักดิ์​” คุม​ยุติธรรม​-​คดีพิเศษ-​พศ.

ทำเนียบฯ 24 ก.ย. – ครม. แบ่งงาน​ 6 รองนายกฯ​ มอบ​ “บวรศักดิ์​” คุม​ยุติธรรม​ -​ คดีพิเศษ -​ สำนักพุทธฯ​ ขณะที่ “เอกนิติ​” คุมพาณิชย์​ -​ สำนักงบฯ ด้าน “ธรรมนัส​” คุมท่องเที่ยว​ -​ เกษตร​ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี​นัดพิเศษ นายอนุทิน​ ชาญ​วี​รกูล​ นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย​ มีมติแบ่งงานรองนายกรัฐมนตรี​ 6 คน​ ประกอบด้วย นายพิพัฒน์​ รัชกิจประการ​ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ดูแลกระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพลังงาน​ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์​แห่งชาติ​ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒฒาพิเศษ​ภาคตะวันออก​ (อีอีซี) นายโสภณ​ ซารัมย์​ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลด้านสังคม​ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ​ (ส​ทนช.) […]

ถนนทรุดตัวเป็นหลุมกว้างหน้าวชิรพยาบาล แนะเลี่ยงเส้นทาง

24 ก.ย.- ถนนทรุดตัวเป็นหลุมกว้างบริเวณหน้าวชิรพยาบาล จนท.เร่งเคลื่อนย้ายผู้ป่วย-ประชาชนใกล้เคียง ออกนอกพื้นที่เสี่ยง แจ้งเตือนหลีกเลี่ยงเส้นทางอาจเป็นอันตรายต่อผู้สัญจร ช่วงประมาณ 07.13 น. ศูนย์วิทยุพระราม199 รางานเหตุถนนทรุดตัวเป็นบริเวณกว้างใกล้เคียงอาคารของโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยสามเสน ถึงที่เกิดเหตุ ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นถนนทรุดตัวขนาดใหญ่ เป็นหลุมกว้าง 30 x 30 เมตร ลึก 50 เมตร ทรุดตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งบริเวณหน้าโรงพยาบาลและหน้าสถานีตำรวจสามเสน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและประชาชนใกล้เคียง ออกจากจุดที่เกิดเหตุ ล่าสุดสำนักงานเขตดุสิต แจ้งปิดการจราจรแยกวชิรพยาบาล – แยกซังฮี้ และบริเวณใกล้เคียงโดยรอบ เนื่องจากเหตุผิวจราจรทรุดตัวส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณูปโภคโดยรอบ และอาจเป็นอันตรายต่อผู้สัญจรใกล้เคียงได้ -สำนักข่าวไทย

ครม. ตั้ง “ไตรศุลี” นั่งเลขาธิการนายกฯ อายุน้อยที่สุด

ทำเนียบ24 ก.ย. – ครม.นัดพิเศษ ตั้ง “ไตรศุลี ไตรสรณกุล” เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่อายุน้อยที่สุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ วันนี้ (24 ก.ย.) มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม ครม. มีมติแต่งตั้งให้นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หรือเรียกกันว่า “นายกฯ น้อย” ถือเป็นตำแหน่งสำคัญ ต้องคอยสนับสนุนการทำงานของนายกรัฐมนตรี รวมถึงการบริหารจัดการงานทั่วไป และประสานงานให้กับนายกรัฐมนตรีโดยตรง นอกจากนี้ ยังเป็นตำแหน่งที่จะต้องรวบรวมวิเคราะห์ และกลั่นกรองข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำเสนอความเห็นประกอบการพิจารณา และการสั่งการของนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม นางสาวไตรศุลี ถือเป็นผู้ที่รับตำแหน่ง เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่อายุน้อยที่สุด ปัจจุบันนางสาวไตรศุลี อายุ 35 ปี และเป็นลูกสาวของ นายวิชิต ไตรสรณกุล นายก อบจ.ศรีสะเกษ จบการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเริ่มต้นการทำงานทางการเมืองด้วยการดำรงตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี […]

เจ้าของห้องคอนโด ยืนยันดำเนินคดีถึงที่สุด

23 ก.ย. – เจ้าของห้องคอนโด ย่านพระราม 9 ที่ถูกคู่กรณี ก่อความวุ่นวายทำลายทรัพย์สิน ยืนยันดำเนินคดีถึงที่สุด ตอนนี้ไม่ต้องการคำขอโทษ หนุ่มเจ้าของห้องคอนโด ย่านพระราม 9 ที่ถูกคู่กรณี ก่อความวุ่นวาย ทำลายทรัพย์สิน รวมถึงใช้อาวุธมีดมาเคาะประตูเชิงข่มขู่กลางดึก เปิดใจว่าขณะเกิดเหตุตกใจกลัวมาก หากประตูพังอาจเกิดเหตุไม่คาดคิด ต้องวิ่งไปหลบในห้องนอนและเอาของมาวางกั้นไว้ แต่ก็ยังโทรฯ หาตำรวจและแจ้งนิติบุคคลคอนโด แต่ก็ไม่มีใครขึ้นมา ตอนนี้ต้องย้ายที่อยู่ชั่วคราวและลางาน เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย โดยมีหลายคนที่เจอเหตุการณ์เหมือนกับตนเอง ส่วนทางคู่กรณี ตนอยากจะบอกว่า ถ้าหากมีอาการจิตเวชจริงก็ขอให้เข้ารับการรักษา ตอนนี้ไม่ต้องการคำขอโทษเพราะเกินเวลานั้นมานานแล้ว ยืนยันจะดำเนินการตามกฎหมาย เพราะสุดท้ายแล้วเชื่อว่ากฎหมายจะให้ความเป็นธรรมกับตนได้.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ผู้ว่าฯ กทม. เผยเร่งเทปูน 500 ลบ.ม. อุดอุโมงค์ หวังฝนไม่ซ้ำเติม

กทม. 25 ก.ย.-ผู้ว่าฯ กทม. ชี้ “เขตภัยพิบัติ” เป็นประกาศตามเหตุการณ์ ไม่ได้ระบุระยะทาง เร่งเทปูน 500 ลูกบาศก์เมตร อุดอุโมงค์ หวังฝนไม่ซ้ำเติมจุดทรุด เตรียมกระสอบทราย-เครื่องสูบน้ำรับมือทันที นายชัชชาติ สิทธพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงการลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าเหตุถนนสามเสนทรุดตัวของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่ผ่านมาว่า นายกฯ ได้ติดตามสั่งการทุกหน่วยงานมาโดยตลอด ทำให้ทุกคนรู้หน้าที่ตัวเอง และได้รับความร่วมมือร่วมใจที่ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การประปานครหลวง และการไฟฟ้านครหลวง รวมถึงภาคส่วนเอกชนต่างๆ อีกด้วย ทำให้เหตุการณ์รอบนอกเข้าสู่ภาวะปกติได้เร็ว เหลือเพียงข้างในที่เป็นเรื่องเชิงเทคนิค นายชัชชาติ ยังบอกอีกว่า การลงพื้นที่ของนายกฯ หลังเกิดเหตุ 2 ครั้งที่ผ่านมาไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้ามาก่อน และไม่ได้สั่งให้เตรียมการต้อนรับแต่อย่างใด ท่านมาแบบตามสบาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากที่ท่านนายกฯ ได้แวะมาเยี่ยมเยียนพูดคุยให้กำลังใจกัน มีปัญหาอะไรก็คุยกัน นายชัชชาติ เปิดเผยอีกว่า วันนี้จะมีการเทปูนลง 500 ลูกบาศก์เมตรไปในถนนทรุด แต่สิ่งที่ต้องมีการประเมินต่อคือ ปูนไหลลงไปในอุโมงค์เท่าไร เนื่องจากยังอุดกระสอบทรายได้ไม่เต็มที่ จึงมีปูนบางส่วนที่ไหลไปในอุโมงค์หรือสถานี อุปสรรคคือการเทปูนไปแล้วไม่ลงตรงจุด เนื่องจากปูนจะไหลไปในจุดที่ต่ำสุดเช่นเดียวกับการไหลของดิน […]

รฟม.-ผู้รับจ้าง เร่งแก้ไขถนนทรุด ยันเยียวยา ปชช.เต็มที่

กรุงเทพ 25 ก.ย. -รฟม.-ผู้รับจ้าง เร่งแก้ไขถนนทรุด หน้า รพ.วชิรพยาบาล คืนสภาพการจราจรภายใน 2 สัปดาห์ พร้อมดูแลเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ นายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) พร้อมด้วย กิจการร่วมค้า ซีเคเอสที – พีแอล และกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาควบคุมงาน PMCSC 1 โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ร่วมแสดงเจตจำนงขออภัยประชาชนทุกท่านที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ถนนสามเสนทรุดตัว บริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ที่เกิดเหตุตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 24 กันยายน 2568 เป็นต้นมา โดย รฟม. และผู้รับจ้างก่อสร้างงานโยธา ยืนยันพร้อมรับผิดชอบ ดูแลแก้ไขปัญหาให้กลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว และจะเยียวยาประชาชน ตลอดจนทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อย่างดีที่สุด โดย รฟม.ได้ตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ โดยจะเร่งประชาสัมพันธ์ และลงพื้นที่ดูแลทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบทันที นอกจากนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้กำชับให้ รฟม. ตรวจสอบพื้นที่ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าของ รฟม. เพื่อยืนยันความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้าง […]

สภาฯ เคาะวันแถลงนโยบายรัฐบาล 29-30 ก.ย.นี้

รัฐสภา 25 ก.ย.-สภาฯ เคาะวันแถลงนโยบายรัฐบาล 29-30 ก.ย.นี้ ฝ่ายค้านได้เวลา 15 ชั่วโมง “ปกรณ์วุฒิ” ลั่นแบ่งพอๆ กัน ปชน. 9 ชั่วโมง เพื่อไทย 6 ชั่วโมง นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุมร่วมวิป 3 ฝ่าย ประกอบด้วย คณะรัฐมนตรี สส. และ สว. พิจารณาแนวทางดำเนินการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ในการแถลงนโยบายรัฐบาล ตามที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือด่วนส่งถึงประธานรัฐสภา ว่า มีความพร้อมแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน 2568 เป็นต้นไป ภายหลังประชุม ประธานรัฐสภา เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบกำหนดวันแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา ในวันที่ 29-30 กันยายนนี้ โดยจะเริ่มอภิปรายในเวลา 09.00 น. ทั้งสองวัน แต่วันที่สองจะให้จบการอภิปรายในเวลา 18.00 […]

ผบ.ตร.รอคณะกรรมการฯ พิจารณาเคาะ “ทุบหรือซ่อม” สน.สามเสน แห่งใหม่

25 ก.ย. – ผบ.ตร. รอคณะกรรมการฯ เคาะ ทุบหรือซ่อม สน.สามเสน แห่งใหม่ มูลค่า 40 ล้านบาท พบชาวบ้านแจ้งความแล้ว 11 คน จัดหาที่พักให้ข้าราชการตำรวจ 3 แห่ง เตรียมสร้างขวัญกำลังใจให้ผู้ใต้บังคับบัญชา หากต้องกลับไปอยู่ที่เดิม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 และ พ.ต.อ.ชายวุธ ชายโอฬาร ผกก.สน.สามเสน เข้าร่วมประชุมที่ สน.สามเสน ชั่วคราว พร้อมทั้งไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจข้าราชการตำรวจ สน.สามเสน ที่เข้ามาพักอาศัยในสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ก่อนจะออกมาเปิดเผยว่า วันนี้ในที่ประชุมมีวาระการประชุมทั้งหมด 3 เรื่อง คือ การดูแลเรื่องการจราจร การดูแลที่พักอาศัยของข้าราชการตำรวจ สน.สามเสน ที่ได้รับผลกระทบ และเรื่องการสอบสวน ซึ่งจะร่วมกับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เรื่องแรกเรื่องการดูแลสภาพจราจร ถือว่าผ่านไปได้ด้วยดี ส่วนเรื่องจัดหาที่พักให้กับข้าราชการตำรวจที่ได้รับผลกระทบ […]