ตลาดหุ้นไทยส.ค.66 มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามตลาดรวมกว่า 19.26 ล้านล้านบาท

กรุงเทพฯ 6 ต.ค.-ตลท.เผยถึงในตลาดหุ้นไทย ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2566 ของบริษัทจดทะเบียนจำนวน 795 บริษัทมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมกว่า 19.26 ล้านล้านบาท


ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเผยการศึกษาข้อมูลการถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทย ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2566 ของบริษัทจดทะเบียนจำนวน 795 บริษัท มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมกว่า 19.26 ล้านล้านบาท หรือ99.4% ของมูลค่าหลักทรัพย์รวมทั้งตลาด พบว่า ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2566 นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทย สูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วยมูลค่ารวมกว่า 5.87 ล้านล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 14.95% จากสิ้นเดือนกรกฎาคม 2565 โดยมูลค่าการถือครองหุ้นคิดเป็น 30.50% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ที่สำคัญจาก 1) การปรับเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในบางหมวดธุรกิจ และ 2)การถือครองหุ้นของบริษัทที่เข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ (new listing companies)

อุตสาหกรรมที่นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มบริการและกลุ่มธุรกิจการเงิน มีมูลค่าถือครองหุ้นรวม 4.08 ล้านล้านบาท คิดเป็น 69.4% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ


• หมวดธุรกิจที่นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์(ETRON) 1,384,202 ล้านบาท รองลงมา คือ หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค (ENERG) 861,642 ล้านบาท และหมวดธนาคาร (BANK) 828,880 ล้านบาท โดย 3 หมวดธุรกิจนี้มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 3.07 ล้านล้านบาท หรือ52.34% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ

• 75.2% ของมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศเป็นการถือครองหุ้นที่อยู่ในองค์ประกอบของ MSCI Thailand Index เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 72.3%

 นักลงทุนต่างประเทศที่มีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด 10 สัญชาติแรก พบว่า 9 ใน 10 สัญชาติ เป็นสัญชาติเดียวกันกับปีก่อน แต่มีสลับอันดับ โดย นักลงทุนจากสหราชอาณาจักรมีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด ตามมาด้วยนักลงทุนจากสิงคโปร์ ฮ่องกง สวิสเซอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ มอริเชียสไต้หวัน และฝรั่งเศส ตามอันดับ ขณะที่บริติช เวอร์จิน ไอส์แลนด์ อันดับลดลงไปอยู่ที่อันดับที่ 11 จากอันดับ 10 ในปีผ่านมา


ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2566 นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทย สูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วยมูลค่ารวมกว่า 5.87 ล้านล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 14.95% จากสิ้นเดือนกรกฎาคม 2565 โดยมูลค่าการถือครองหุ้นคิดเป็น30.50% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด

จากการศึกษาข้อมูลการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ ในตลาดหุ้นไทยจาก 1) ข้อมูลการปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้น 2) ข้อมูล Corporate Actions 3) ข้อมูลการระดมทุนผ่านตลาดรองของบริษัทจดทะเบียน795 บริษัท โดยใช้ข้อมูลล่าสุดถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2566 ซึ่งมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมกว่า 19.26 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 99.40% ของมูลค่าหลักทรัพย์รวมทั้งตลาด

ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2566 นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทยรวมกว่า 5.87 ล้านล้านบาททำสถิติใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ (ภาพที่ 1) โดยมูลค่าถือครองหุ้นฯ เพิ่มขึ้นกว่า 760,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น14.95% จากสิ้นเดือนกรกฎาคม 2565

จากการศึกษาข้อมูลการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ ในตลาดหุ้นไทยจาก 1) ข้อมูลการปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้น 2) ข้อมูล Corporate Actions 3) ข้อมูลการระดมทุนผ่านตลาดรองของบริษัทจดทะเบียน795 บริษัท โดยใช้ข้อมูลล่าสุดถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2566 ซึ่งมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมกว่า 19.26 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 99.40% ของมูลค่าหลักทรัพย์รวมทั้งตลาด

ทั้งนี้ ปัจจัยที่มีผลให้มูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศปรับเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาจาก

1) การปรับเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในบางหมวดธุรกิจ สังเกตได้จากดัชนีราคารายหมวดธุรกิจ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น (ตารางที่ 1)

2) การถือครองหุ้นของบริษัทที่เข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ (new listing companies) ซึ่งเมื่อพิจารณาเปรียบเทียบมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศที่เปิดเผยในปีผ่านมา กับมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2566 พบว่า นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นเพิ่มเติมในกลุ่มบริษัทที่เข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ จำนวน 45 บริษัท ซึ่งมีมูลค่าถือครองหุ้นรวม 69,528 ล้านบาท

เมื่อพิจารณามูลค่าถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศจำแนกตามกลุ่มอุตสาหกรรมในตลาดหุ้นไทย 9 อุตสาหกรรม (นับตลาดเอ็ม เอ ไอ เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรม) พบว่า มูลค่าถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2566 เพิ่มขึ้นในกลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มบริการ กลุ่มธุรกิจการเงิน กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และสิ่งก่อสร้างและบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ มีมูลค่าการถือครองหุ้นลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการถือครองหุ้นฯ สูงสุด 3 อันดับแรก มีการเปลี่ยนแปลงจากปีที่ผ่านมา (ตารางที่ 3) โดยอุตสาหกรรมที่มีการถือครองสูงสุดยังคงเป็นกลุ่มเทคโนโลยีเหมือนปีที่ผ่านมา อันดับที่ 2 คือ กลุ่มบริการ ที่ขยับมาจากอันดับ 4 โดยมีมูลค่าการถือครองหุ้น ขณะที่อันดับ 3 คือ กลุ่มธุรกิจการเงิน โดย 3 อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าถือครองหุ้นสูงสุดในปีนี้ มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 4.08 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 69.4% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ

กลุ่มเทคโนโลยี ยังคงเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นด้วยมูลค่าสูงสุดที่ระดับ 1,930,760 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 775,102 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 67.07% จากปีก่อน โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้มูลค่าการซื้อครองหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ปรับตัวสูงขึ้นเป็นผลจาก 1) ราคาหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนในหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และ 2) การถือครองหุ้นเพิ่มขึ้นในบริษัทจดทะเบียนในหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ในหมวดเทคโนโลยีและการสื่อสารที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้

อันดับที่ 2 คือ กลุ่มบริการ ปรับขึ้นมาจากอันดับ 4 ในปีก่อน โดยมีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 1,086,482 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 194,638 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 21.82% จากปีก่อน 

โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้มูลค่าการซื้อครองหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ปรับตัวสูงขึ้นเป็นผลจาก 1) การได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นของนักลงทุนต่างประเทศและถือครองหุ้นเพิ่มขึ้นในบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ในหมวดการแพทย์ และ2) การปรับย้ายหมวดธุรกิจของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม ภายใต้กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ย้ายมาอยู่ในหมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ ภายใต้กลุ่มบริการ

อันดับ 3 คือ กลุ่มธุรกิจการเงิน ที่ลดลงจากอันดับ 2 ในปีก่อน โดยมีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 1,057,987 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 51,237 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5.09% จากปีก่อน สวนทางกับการเปลี่ยนแปลงดัชนีกลุ่มอุตสาหกรรมที่ลดลง0.97% จากปีก่อน ทั้งนี้เนื่องจาก 1) การเข้าจดทะเบียนของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ในหมวดประกันภัยและประกันชีวิต และ 2) การถือครองหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในหมวดธนาคารบางแห่งที่เพิ่มขึ้น โดยบางธนาคารเป็นผลจากราคาที่ปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่บางธนาคารมีการถือครองด้วยจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้น ขณะที่อันดับ 4 คือ กลุ่มทรัพยากร ที่ลดลงจากอันดับ 3 ในปีก่อน โดยมีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 861,642 ล้านบาท ลดลง 91,779 ล้านบาท หรือลดลง9.63% จากปีก่อน ใกล้เคียงดัชนีของกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลดลง 8.94% จากปีก่อน

นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุดในหมวดหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รองลงมา คือ พลังงานและสาธารณูปโภค และธนาคาร หมวดธุรกิจที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นสูงสุด 3 อันดับแรก (ตารางที่ 4) คือหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค และหมวดธนาคาร ซึ่งยังคงเป็นหมวดเดียวกันกับปีที่ผ่านมา แต่สลับอันดับ โดยหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ขยับขึ้นไปอยู่ในอันดับ 1 จากอันดับที่ 3 ในปีก่อน ขณะที่หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค และหมวดธนาคาร ปรับลดลงมาอยู่ที่อันดับที่ 2 และ 3 จากอันดับที่ 1 และ 2 ในปีก่อนโดยในปีนี้ทั้ง 3 หมวดธุรกิจ มีมูลค่าถือครองหุ้นรวม 3.07 ล้านล้านบาท คิดเป็น 52.34% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ

หมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (ETRON) มีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด 1,384,202 ล้านบาท คิดเป็น 23.56% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ

รองลงมา คือ หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค (ENERG) มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 861,642 ล้านบาท คิดเป็น14.67% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ และหมวดธนาคาร (BANK) มูลค่าการถือครองหุ้นรวม 828,880 ล้านบาท คิดเป็น 14.11% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ  

จากรายชื่อหลักทรัพย์ที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้น ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2566 เปรียบเทียบกับรายชื่อองค์ประกอบของ MSCI Thailand Index จำนวน 41 บริษัท พบว่า นักลงทุนต่างประเทศถือครองทุกหลักทรัพย์ที่เป็นองค์ประกอบดัชนีดังกล่าว โดยมีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 4.42 ล้านล้านบาท คิดเป็น 75.2% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ (ภาพที่ 3) ซึ่งมีมูลค่าการถือครองหุ้นเพิ่มขึ้น 19.7% จากสิ้นเดือนกรกฎาคม 2565 ที่มีมูลค่าการถือครองหุ้นที่เป็นองค์ประกอบดัชนีรวม 3.69 ล้านล้านบาท

 จากข้อมูลการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2566 พบว่า มีนักลงทุนต่างประเทศจำนวน122 สัญชาติถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทย ลดลงสุทธิ 1 สัญชาติ จากปีก่อน โดยนักลงทุนต่างประเทศที่มีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด 10 สัญชาติแรก มีมูลค่าถือครองหุ้นรวม 5.64 ล้านล้านบาท คิดเป็น 96.0% ของมูลค่าการถือครองหุ้นทั้งหมดของบ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

จับชายมุดท่อระบายน้ำ ลอบข้ามแดนกลับไทย

สระแก้ว 10 ก.ค.- ทหารคุมเข้มแนวชายแดนอรัญประเทศ ล่าสุดจับชายมุดท่อระบายน้ำ ลอบข้ามแดนกลับไทย อ้างป่วยโรคปอด แม่ชวนไปเป็นบัญชีม้าฝั่งปอยเปต ด้าน 15 แรงงานกัมพูชา อดอยาก ยอมเสี่ยงเดินเท้าเข้าสระแก้ว ชุดเฉพาะกิจอรัญประเทศ ทหารพราน ร่วมกันลาดตระเวนพื้นที่ล่อแหลมชายแดนสกัดกั้นการลักลอบเข้า-ออกโดยผิดกฎหมาย และการขนสิ่งผิดกฎหมาย ต่อมาจับกุมตัวนายอภิรักษ์ อายุ 40 ปี ขณะกำลังมุดท่อระบายน้ำข้างทางรถไฟ ห่างจากด่านพรมแดนบ้านคลองลึกประมาณ 200 เมตร เพื่อลักลอบข้ามพรมแดนกลับเข้าประเทศไทย โดยพบข้อมูลเบื้องหลังการจับกุม เผยเรื่องราวสุดสะเทือนใจ เมื่อผู้ต้องหาอ้างว่าคนที่ชักชวนให้เขามาทำงานผิดกฎหมายนี้ คือ “แม่ของเขาเอง” นายอภิรักษ์ ให้การว่า ตนป่วยเป็นโรคปอด สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง ต่อมาแม่ของตนซึ่งเคยทำงานลักษณะนี้มาก่อน ชักชวนให้ไป “รับจ้างเปิดบัญชีและสแกนใบหน้า” ที่ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ถูกนำตัวข้ามแดนไปพักในห้องสังกะสี และสั่งให้ไปเปิดบัญชีธนาคาร 1 บัญชี พร้อมคอยสแกนใบหน้าเป็นเวลา 4-5 วัน เมื่องานเสร็จ นายจ้างชาวไทยให้คนนำทางพามาส่งทิ้งไว้ที่แนวชายแดนและชี้ทางให้มุดท่อระบายน้ำกลับมาไทย จนถูกจับ เจ้าหน้าที่นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองลึก เพื่อดำเนินคดีในข้อหาลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย และจะมีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการในข้อหาอื่น ๆ […]

ยิงดับ 2 ศพ คาวัดดังย่านเพชรเกษม

10 ก.ค.- ลูกเจ้าของโรงเรียนคลั่งยา ชักปืนยิงดับ 2 ศพ คาวัดดังย่านเพชรเกษม ตำรวจควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว เกิดเหตุยิงกันเสียชีวิต 2 คน โดยบริเวณข้างโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซ.เพชรเกษม 20 พบ 1 ศพ เป็นหญิง และบริเวณข้างวัดแห่งหนึ่ง แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ พบอีก 1 ศพเป็นผู้ชาย เบื้องต้นจากการสอบถามเพื่อนบ้าน คาดผู้ก่อเหตุมีอาการคลั่งยา หลอนฝันว่าผู้ตายรายแรกที่เป็นหญิงทำคุณไสยใส่ จึงเดินไปใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่กกหู ขณะที่กำลังซักผ้าเสียชีวิตทันที หลังจากนั้นเดินออกมาหน้าวัด พบนายติ่ง จึงใช้ปืนกระบอกเดียวกัน ยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิตคาที่เป็นศพที่ 2 ขณะนี้ตำรวจควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว เป็นลูกเจ้าของโรงเรียนใกล้เคียงกับวัดดังกล่าว ถูกนำตัวไปสอบสวนที่ สน.ภาษีเจริญ – สำนักข่าวไทย

หนึ่งเดียวในโลก! ทำบุญตักบาตรบนหลังช้างสุรินทร์

สุรินทร์ 10 ก.ค.- สุรินทร์จัดยิ่งใหญ่! ทำบุญตักบาตรบนหลังช้าง เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในวันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา ประจำปี 2568 ยิ่งใหญ่หนึ่งเดียวในโลก ประชาชนและนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศ หลั่งไหลร่วมทำบุญตักบาตรบนหลังช้างสุรินทร์ เนื่องในวันอาสาฬหบูชา และเข้าพรรษา ประจำปี 2568 บริเวณลานหน้าอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง อ.เมือง จ.สุรินทร์ มีพระสงฆ์ สามเณร 64 รูป นั่งรับบิณฑบาตบนหลังช้างแสนรู้ และช้างงายาว 64 เชือก โดยนำอัฒจันทร์เหล็กมาตั้งรอบอนุสาวรีย์ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนมายืนใส่บาตรข้าวสารอาหารแห้ง เพื่อความเป็นสิริมงคล ช้างที่มีพระสงฆ์นั่งบนหลังจะเดินเข้าไปรับบาตร. – สำนักข่าวไทย

บุกจับแอดมินแอปฯ ดัง นำเด็กไลฟ์แสวงหาประโยชน์

ร้อยเอ็ด 10 ก.ค.- มท.1 ลุยต่อ สั่งการชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นำหมายศาลบุกจับแอดมินกลุ่มแอปฯ ดัง นำเด็กมาเปลือยไลฟ์ออนไลน์แสวงหาประโยชน์ พร้อมช่วย 2 เด็กสาวเหยื่อค้ามนุษย์ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งการให้ กรมการปกครอง เปิดปฏิบัติการ “Discord disconnected” จับกุมหนุ่มนำเด็กสาวมาเปลือยไลฟ์สดออนไลน์หารายได้ โดยนายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดีกรมการปกครอง ร่วมกับนายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด พล.ต.ต.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด นายพุทธภูมิ นาชัยเริ่ม นายอำเภอธวัชบุรี สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดร้อยเอ็ด นายเรืองลักษณ์ เรืองยังมี ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ และนายศักดิ์ชัย โรจนรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง พ.ต.อ. ภาสกร หินเธาว์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรธวัชบุรี นำทีมชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองร่วมเข้าแสดงหมายค้นหมายจับของศาลจังหวัดร้อยเอ็ด จับกุมหนุ่ม นำเด็กมาเปลือยไลฟ์สดออนไลน์หารายได้ พร้อมตรวจค้นบ้านเพื่อหาพยานหลักฐานในพื้นที่อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด สืบเนื่องจากกรมการปกครอง […]