หุ้นไทยมีสภาพคล่องสูงสุดในอาเซียนนับตั้งแต่ปี 2555 

กรุงเทพฯ 5 ต.ค.-บทความ “ตลาดหลักทรัพย์ไทยกับบทบาทในเวทีโลก” โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตลาดทุนไทยมีความโดดเด่นหลายมิติ ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพเมื่อเทียบเคียงตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาค โดยมีสภาพคล่องสูงสุดในอาเซียนนับตั้งแต่ปี 2555 อีกทั้งมีมูลค่าเสนอขายหุ้น IPO สะสม 5 ปีย้อนหลังสูงที่สุดในอาเซียนและมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยในตลาดอนุพันธ์เป็นอันดับที่ 2 ในอาเซียน


ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงในภูมิภาค อาทิ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้ามตลาด (cross-border products) การขับเคลื่อนความยั่งยืน รวมทั้งการส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศและเศรษฐกิจไทยสู่สายตานานาชาติอย่างต่อเนื่อง ผ่านหลากหลายบทบาทสำคัญในเวทีโลก เพื่อเพิ่มโอกาสการลงทุนสู่ตลาดทุนไทย อันจะเอื้อประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศต่อไป

นอกเหนือจากบทบาทหลักในการเป็นหนึ่งในเสาหลักเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านการทำหน้าที่เป็นแหล่งระดมทุนให้กับภาคธุรกิจทุกขนาดทั้งภาครัฐและเอกชนที่ขยายไปสู่อุตสาหกรรมใหม่และระบบนิเวศดิจิทัล การส่งเสริมพัฒนาการด้านคุณภาพของบริษัทจดทะเบียน และการเป็นแหล่งการลงทุนและการออมให้กับผู้ลงทุนทุกประเภทเพื่อส่งเสริมตลาดทุนไทยให้เติบโตทั้งเชิงธุรกิจ อุตสาหกรรมตลาดทุน สังคม และประเทศอย่างยั่งยืนนั้นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยังให้ความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงในภูมิภาค การส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศและเศรษฐกิจไทยสู่สายตาของนานาชาติมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านหลากหลายบทบาทสำคัญในเวทีโลก


ตลาดทุนไทยโดดเด่นเมื่อเทียบเคียงตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาค

ตลาดทุนไทยเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงที่สุดเป็นอันดับที่ 24 ของโลกในปัจจุบันและได้รับการจัดอันดับอยู่ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ชั้นนำของโลก (advanced emerging market) โดย FTSE Russell

ตลาดทุนไทยมีความโดดเด่นหลายมิติ ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพเมื่อเทียบเคียงกับตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาคโดยเป็นตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดในอาเซียนนับตั้งแต่ปี 2555 อีกทั้งมีมูลค่าเสนอขายหุ้น IPO สะสม5 ปีย้อนหลังสูงที่สุดในอาเซียน และมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยในตลาดอนุพันธ์เป็นอันดับที่ 2 ในอาเซียน


ในเชิงคุณภาพ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นประเทศแรกในอาเซียน ที่เข้าเป็นสมาชิก United Nations Sustainable Stock Exchanges (SSE) โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนางานด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนที่เป็นตัวอย่างให้แก่ประเทศอื่นได้เรียนรู้ จะเห็นได้ว่า ประเทศไทยมีบริษัทจดทะเบียนที่ได้รับคัดเลือกเข้าสู่ดัชนีความยั่งยืนในระดับสากลสูงที่สุดในภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นดัชนี Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) โดย S&P Global ที่มีบริษัทจดทะเบียนไทยที่ได้รับคัดเลือกเข้าสู่ดัชนีถึง 26 บริษัท สูงที่สุดในอาเซียนต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 ในขณะที่ดัชนีFTSE4Good Index และ MSCI ESG Universal Index มีบริษัทจดทะเบียนไทยอยู่ 42 และ 41 บริษัท ซึ่งสูงที่สุดในอาเซียนเช่นเดียวกัน 

นอกจากนี้ จากการประกาศล่าสุดของ The Sustainability Yearbook 2023 โดย S&P Global บริษัทไทยได้รับการจัดอันดับในระดับ Gold Class 12 บริษัท มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก สะท้อนถึงความโดดเด่นของธุรกิจไทยเมื่อเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันจากทั่วโลก และสะท้อนถึงการให้ความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจอย่างสมดุลทั้งธุรกิจและสังคม ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เตรียมความพร้อมบริษัทมาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บริษัทก้าวสู่ดัชนีสากลเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในสายตาผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ อันนำไปสู่ความน่าสนใจในการลงทุนสู่ประเทศไทย

บทบาทตลาดหลักทรัพย์ฯ ในระดับนานาชาติ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เชื่อมโยงการลงทุนสู่ประเทศในกลุ่ม CLMVตลาดทุนไทยมีบทบาทในการเชื่อมโยงการลงทุนสู่ประเทศในกลุ่ม CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม โดยสนับสนุนการพัฒนาตลาดทุน CLMV ที่เป็นกลุ่ม frontier market ในด้านการพัฒนาความรู้ทางการเงินและการปรับเกณฑ์เพื่อส่งเสริมให้บริษัทในกลุ่มประเทศ CLMV มาระดมทุนผ่านตลาดทุนไทย ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เชื่อมโยงตลาดทุนไทยสู่กลุ่มประเทศ CLMV ผ่านการออกดัชนี SET CLMV Exposure ตั้งแต่ปี 2561 เพื่อสะท้อนความเคลื่อนไหวของหุ้นไทยที่ได้รับประโยชน์จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่ม CLMV โดยพิจารณาจากรายได้ของบริษัทจดทะเบียนจากกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง 

นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เปิดซื้อขาย Depositary Receipt (DR) ตัวแรกเมื่อปี 2561 อ้างอิงกองทุนExchange Traded Fund (ETF) ที่ลงทุนในดัชนี VN30 ที่เป็นดัชนีหุ้นชั้นนำ 30 ตัว ของตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนไทยกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศได้สะดวก ผ่านการซื้อขาย DR ในรูปสกุลเงินบาทซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยปัจจุบันได้ขยายไปยังสินทรัพย์อ้างอิงของประเทศอื่นๆ อีกมากมาย รวมมี DR อ้างอิงหุ้นต่างประเทศถึง 19 รายการด้วยกัน

ตลาดหลักทรัพย์ฯ กับบทบาทผู้นำการสร้างมาตรฐานและความร่วมมือในภูมิภาคอาเซียนตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ความสำคัญต่อการเชื่อมโยงกับตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาคอาเซียน โดยเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศผู้นำในอาเซียนที่ผลักดันนโยบายความร่วมมือ เพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับตลาดหลักทรัพย์อาเซียน อาทิ การขับเคลื่อนความยั่งยืน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้ามตลาด (cross-border products) เพื่อขยายโอกาสการลงทุน การยกระดับตลาดหลักทรัพย์อาเซียนและการลงทุนที่ยั่งยืน การขยายการรับรู้ถึงศักยภาพของตลาดหลักทรัพย์อาเซียนแก่ผู้ลงทุนนานาชาติผ่านการพัฒนาเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์อาเซียนและการจัดโรดโชว์ เป็นต้น

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ผลักดันให้จัดตั้งคณะทำงานด้านความยั่งยืน (ESG Working Group) ขึ้น เพื่อให้เกิดความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมในอาเซียน ที่สนับสนุนให้การเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG ของบริษัทจดทะเบียนอาเซียนมีความสอดคล้องกัน เพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้ลงทุนทั่วโลกสามารถนำไปใช้ในการเปรียบเทียบและตัดสินใจลงทุน ซึ่งทำให้เกิดการขยายผล และนำไปสู่การจัดทำ ASEAN Exchanges Common ESG Metrics ที่เป็นมาตรฐานขึ้น และได้เผยแพร่เมื่อการประชุม ASEAN Exchanges CEOs ครั้งที่ 36 ในเดือนกันยายน 2566

(Link: https://www.aseanexchanges.org/content/common-esg-metrics/)

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่งเสริมผู้ลงทุนต่างประเทศให้เข้าถึงบริษัทจดทะเบียนไทยโดยผ่าน DR ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ผลักดันการสร้างความร่วมมือด้านผลิตภัณฑ์ข้ามตลาดอาเซียน ด้วย DR ซึ่งนอกเหนือจากการพัฒนา DR เพื่อให้ผู้ลงทุนไทยกระจายการลงทุนไปยังหลักทรัพย์หรือกองทุนต่างประเทศแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนต่างประเทศได้เข้าถึงบริษัทจดทะเบียนไทยด้วยเช่นกัน เริ่มต้นด้วยความร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (Singapore Exchange: SGX) ซึ่งปัจจุบัน มี 3 หลักทรัพย์ไทยที่เข้าจดทะเบียนในรูปแบบ DR ใน SGX เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2566 ทำให้ผู้ลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสิงคโปร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาค ได้รู้จักหลักทรัพย์ไทยผ่านการประชาสัมพันธ์ การให้ความรู้ และบทวิเคราะห์ และสามารถเข้าถึงหุ้นไทยได้สะดวกมากขึ้น ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะขยายความร่วมมือด้าน DR นี้ กับตลาดหลักทรัพย์อื่นในอาเซียนต่อไป

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เน้นสื่อสารข้อมูลตลาดทุนไทยไปยังผู้ลงทุนและองค์กรที่เกี่ยวข้องทั่วโลก ตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นพันธมิตรกับองค์กรในระดับนานาชาติและริเริ่มกิจกรรมเชิงรุกที่หลากหลาย เพื่อสื่อสารข้อมูลภาพรวมของประเทศไทย เศรษฐกิจและตลาดทุนไทย รวมถึงบริษัทจดทะเบียนไทยที่มีผลประกอบการที่โดดเด่นสู่สายตานานาชาติไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ลงทุนโดยตรง สื่อต่างประเทศ หรือองค์กรต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงสถานเอกอัครราชทูตต่างประเทศในประเทศไทย หรือสถานเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนจากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมมือกับพันธมิตรในตลาดทุน จัดงานโรดโชว์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการจัดงาน Thailand Focus เป็นประจำทุกปี เพื่อชูศักยภาพเศรษฐกิจและตลาดทุนไทยแก่ผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลก และสร้างโอกาสใหม่เพื่อเชื่อมโยงการลงทุน รวมถึงการจัดโรดโชว์ไปยังกลุ่มประเทศต่างๆ ทั้งที่เป็นการจัดโดยตลาดหลักทรัพย์ฯ เอง และการร่วมจัดกับตลาดหลักทรัพย์พันธมิตร อาทิ การร่วมมือกับกลุ่มตลาดหลักทรัพย์อาเซียน และFTSE Russell ส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มหลักทรัพย์อาเซียน ในงาน ASEAN & FTSE Roadshow 2022 ให้แก่ผู้ลงทุนในกรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา หรือการร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น (Shenzhen Stock Exchange: SZSE) จัดโรดโชว์ผ่านแพลตฟอร์ม V-Next ของ SZSE เพื่อแสดงศักยภาพของบริษัทจดทะเบียนและสถาบันตัวกลางของทั้งสองประเทศให้แก่ผู้ลงทุนจีนและต่างชาติ มุ่งเน้นที่อุตสาหกรรมภาคการผลิต ยานพาหนะไฟฟ้า และพลังงานสะอาด

ไม่เพียงแต่การสื่อสารไปยังผู้ลงทุน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ความสำคัญต่อการสื่อสารไปยังองค์กรในระดับนานาชาติด้วย โดยได้ริเริ่มจัดงาน “Embassies @ SET” ตั้งแต่ปี 2562 เพื่อเชิญชวนเอกอัครราชทูต ทูตพาณิชย์ ทูตการค้าและเจ้าหน้าที่การทูต จากสถานเอกอัครราชทูตในประเทศไทย ซึ่งเป็นแกนสำคัญในการเชื่อมโยงและให้ข้อมูลด้านการค้าการลงทุนของแต่ละประเทศ  ให้ร่วมรับฟังข้อมูลศักยภาพตลาดทุนไทยและเศรษฐกิจของประเทศไทย ความโดดเด่นด้านการพัฒนาความยั่งยืนและความแข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนไทย เพื่อเปิดมุมมองให้เห็นถึงโอกาสการลงทุนในประเทศไทย นับเป็นการขยายการรับรู้ พร้อมสร้างโอกาสและการเชื่อมโยงในการทำธุรกิจกับต่างประเทศมากขึ้น โดยได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากคณะทูตประเทศต่างๆ มากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ซึ่งนับเป็นโอกาสที่ดีในการแลกเปลี่ยนมุมมองกับผู้แทนจากประเทศต่างๆ เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของตลาดทุนไทย ให้ตอบโจทย์ผู้ระดมทุนและผู้ลงทุนต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังได้ต่อยอดพัฒนาความร่วมมือทั้งกับสถานเอกอัครราชทูตและตลาดหลักทรัพย์ของประเทศนั้นๆ จากการจัดงานนี้ในหลายโครงการด้วยกัน

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นสมาชิกที่มีบทบาทขององค์กรตลาดทุนนานาชาติตลาดหลักทรัพย์ฯ ตอกย้ำบทบาทในเวทีโลกผ่านการเข้าร่วมเป็นสมาชิกและมีบทบาทในองค์กรระดับสากลที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน อาทิ  สมาพันธ์ตลาดหลักทรัพย์โลก (World Federation of Exchanges: WFE) สหพันธ์ตลาดหลักทรัพย์ภาคพื้นเอเชียและโอเซียเนีย (Asian and Oceanian Stock Exchanges Federation: AOSEF) รวมถึง Association of National Numbering Agencies (ANNA), Association of Futures Market (AFM), Global Association of Central Counterparties (CCP12) เป็นต้น ผ่านการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปี การเข้าร่วมเป็นวิทยากรคณะกรรมการและคณะทำงาน ตลอดจนการนำเสนอข้อมูล โครงการ และพัฒนาการสำคัญของตลาดทุนไทยผ่านสื่อและช่องทางต่างๆ ขององค์กรนานาชาติเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้เกิดความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมและเอื้อต่อพัฒนาการของตลาดทุนไทยและภูมิภาค โดยล่าสุด ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เข้าร่วมเป็นวิทยากรในสัมมนาออนไลน์ในหัวข้อ “SGX-SET Depositary Receipt (DR) Linkage” เพื่อแชร์ประสบการณ์พัฒนาผลิตภัณฑ์ข้ามตลาดให้แก่สมาชิก AOSEF ได้รับทราบข้อมูลและเพิ่มโอกาสความสนใจในการสร้างความร่วมมือระหว่างกันต่อไป

ตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งมั่นเป็นตัวแทนที่ดีของภาคเศรษฐกิจและตลาดทุนไทยด้วยผลงานที่แข่งขันได้ในเวทีโลก โดยเป็นผู้นำของตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาคทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพในหลายมิติ ที่ดำเนินการเชิงรุกเพื่อนำเสนอข้อมูลที่โดดเด่น ความน่าสนใจ และภาพลักษณ์ที่ดีของตลาดทุนไทย สู่นานาชาติอย่างสม่ำเสมอ พร้อมให้ความสำคัญต่อการเชื่อมโยงเศรษฐกิจในภูมิภาค เพื่อเพิ่มโอกาสการลงทุนสู่ตลาดทุนไทย อันจะเอื้อประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภราดร” ประกาศลาออก “รองปธ.สภาฯ”

รัฐสภา 19 มิ.ย.- “ภราดร” ประกาศลาออกจาก “รองประธานสภาฯ” รักษาหลักการเสียงข้างมาก คืนอำนาจให้สภาฯ เลือกใหม่ นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง และ สส.จังหวัดอ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ประกาศยื่นหนังสือขอลาออกจากตำแหน่งรองประธานฯ โดยมีผลทันทีในวันนี้ หลังจากพรรคภูมิใจไทยออกแถลงการณ์เมื่อค่ำวานนี้ว่ากรรมการบริหารพรรคมีมติให้พรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล และรัฐมนตรีของพรรคทุกคนได้ส่งใบลาออกต่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีผลวันที่ 19 มิถุนายนนี้เช่นกัน นายภราดรให้เหตุผลว่า ตนได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนี้ด้วยเสียงส่วนใหญ่ของสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้น ในวันนี้เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและพรรคภูมิใจไทยไม่ได้ร่วมอยู่ในรัฐบาลแล้ว จึงเห็นว่าควรคืนอำนาจให้สภาผู้แทนราษฎรได้มีโอกาสตัดสินใจเลือกรองประธานฯคนใหม่ด้วยมติเสียงข้างมาก ตามธรรมเนียมที่เคยถือปฏิบัติมา “ผมขอขอบคุณเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้ให้เกียรติเลือกผมมาปฏิบัติหน้าที่ แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็เป็นประสบการณ์ในการทำงานที่มีคุณค่า และขอถือโอกาสนี้ขอบคุณทีมงานของรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สองทุกคนที่ได้ทุ่มเททำงานจนบรรลุภารกิจไปหลายประการ ซึ่งล้วนสร้างความก้าวหน้าให้กับสภาของประชาชน กราบขอบพระคุณท่านประธานและรองประธานสภาฯคนที่หนึ่ง ที่ได้ให้ความเมตตาผมอย่างยิ่งในการทำงาน” นายภราดรกล่าว พร้อมย้ำว่าจะฝากงานหลายอย่างที่ได้ดำเนินการไว้ โดยเฉพาะโครงการเปิดพื้นที่รัฐสภาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ เป็นพื้นที่ของประชาชนอย่างแท้จริง โครงการวันรัฐธรรมนูญ กิจกรรมสภาวาที การพัฒนาสถานีวิทยุโทรทัศน์รัฐสภาให้เป็นสถานีของประชาชน โดยเปิดโอกาสให้สถานศึกษาเข้ามามีส่วนร่วม และการต่อยอดโครงการยุวชนประชาธิปไตยที่สร้างเสริมศักยภาพเยาวชน ให้ผู้รับตำแหน่งคนต่อไปได้มาสานต่อ นอกจากนี้ นายภราดรยังยืนยันจะทำหน้าที่เป็นผู้แทนราษฎรฝ่ายค้านอย่างเข้มแข็ง เคียงบ่าเคียงไหล่กับ ส.ส. ของพรรคภูมิใจไทยต่อไป.312 -สำนักข่าวไทย

นายกฯ โพสต์สำนวนก่อนลบทิ้ง เตรียมเข้าทำเนียบฯ

ทำเนียบ 19 มิ.ย.- นายกฯ โพสต์สำนวน “ผู้คน ไม่ได้แกล้งเศร้า แต่แกล้งโอเค” ก่อนลบทิ้ง ยกเลิกประชุมทีมคณะที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก เข้าทำเนียบ เมื่อเวลา 08.15 น. ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ช่วงเช้าวันนี้ (19 มิ.ย.) พบว่า มีการแชร์สตอรี่อินสตาแกรม เป็นสำนวนภาษาอังกฤษ ระบุว่า “People don’t fake depression.They fake being okay. Remember that. Be kind.” ซึ่งมีความหมายว่า “คนเราไม่ได้แกล้งเศร้า แต่แกล้งว่าตัวเองโอเคต่างหาก, จำไว้นะ จงมีเมตตา” พร้อมซาวด์ดนตรี Another love อย่างไรก็ตามในเวลา 08.54 น. นายกรัฐมนตรี ได้ลบโพสต์ดังกล่าว ออกจากสตอรี่อินสตราแกรม ทำให้ไม่มีข้อความปรากฏแล้ว ขณะเดียวกัน ยังรายงานอีกว่า วันนี้ นายกรัฐมนตรีได้ยกเลิกภารกิจ […]

“กัญจนา” เชื่อ “วราวุธ’” ไม่หนุนการกระทำที่ไม่ดีต่อบ้านเมือง

กรุงเทพฯ 19 มิ.ย.- “หนูนา กัญจนา” ชี้พรรคชาติไทยพัฒนาแม้เป็นพรรคเล็ก แต่ศักดิ์ศรีรักบ้านเกิดเมืองนอนยิ่งใหญ่เสมอ เชื่อ “วราวุธ” ไม่หนุนการกระทำที่ไม่ดีต่อบ้านเมือง น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กกรณีคลิปเสียงสนทนาสองผู้นำไทย-กัมพูชา ว่า “ณ วันนี้ ดิฉันไม่ได้นิยามตัวเองเป็นนักการเมืองแล้ว ถอยออกมามานานแล้ว แต่ที่ดิฉันเป็นเสมอคือ เป็นคนไทยที่รักแผ่นดินเกิด “จุดยืนของดิฉันมั่นคงมาตลอดเหมือนพ่อ คือยึดมั่นต่อ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และเชื่อว่าน้องชายดิฉัน (นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) ก็เช่นกัน” น.ส.กัญจนา ยังระบุอีกว่า “แม้ที่ผ่านมา เขาอาจจะพูดอะไรพลาดบ้าง นั่นก็เป็นบทเรียนในชีวิตให้เขาต้องจดจำ วันนี้ดิฉันแม้ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาแล้ว แต่ดิฉันยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ แม้พรรคชาติไทยพัฒนาในวันนี้ จะเป็นพรรคขนาดเล็ก แต่ศักดิ์ศรี และความรักบ้านเกิดเมืองนอนต้องยิ่งใหญ่เสมอ” “ดิฉันเชื่อว่า พรรค และหัวหน้าพรรคจะมีการตัดสินใจที่ชัดเจนในการไม่สนับสนุนการกระทำใดที่ไม่ดีต่อชาติบ้านเมือง ทำในสิ่งที่ควรทำ” -สำนักข่าวไทย

นายกฯ รีโพสต์สตอรี่ไอจี หลัง “ภูมิใจไทย” ถอนตัว

19 มิ.ย.- นายกฯ รีโพสต์สตอรี่ไอจี กลางดึก หลัง “ภูมิใจไทย” ประกาศถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาล ความเคลื่อนไหวช่วงกลางดึกในเวลา 21.08 น. ของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ภายหลังพรรคภูมิใจไทยออกแถลงการณ์ถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล โดยจะยื่นใบลาออกมีผลวันนี้ (19 มิ.ย.) พร้อมเรียกร้องให้นายกฯ รับผิดชอบทำประเทศเสียเกียรติภูมิ นั้น พบว่าสตอรี่อินสตราแกรมของ นายกรัฐมนตรี ยังคงมีการเคลื่อนไหวผ่านการรีโพสต์สตอรี่ ที่มีคนโพสต์และแท็ก โดยเป็นภาพระหว่างสื่อมวลชนตามสัมภาษณ์นายกรัฐมนตรี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และเป็นโพสต์รูปภาพของนายกรัฐมนตรี พร้อมใส่เพลง “ทำด้วยหัวใจ” โดยไม่มีการใส่แคปชั่น หรือระบุข้อความใดใดในภาพ รวมถึงคลิปที่นายกรัฐมนตรีได้มีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงเสียงสนทนากับสมเด็จฮุนเซน ด้วย -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

รัฐบาลออกแถลงการณ์โต้คลิปเสียง “ฮุนเซน“ ยันมีเจตนาบริสุทธิ์ จริงใจ

ทำเนียบ 19 มิ.ย.-รัฐบาลออกแถลงการณ์กรณีสถานการณ์ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา โต้คลิปเสียง “ฮุนเซน” ยันมีเจตนาบริสุทธิ์ จริงใจ แต่ได้รับผลตรงข้าม ชี้ 26 ปี JBC ไร้ผล เป็นเหตุตัดสินใจใช้การทูตโทรหาผู้นำกัมพูชา ย้ำแก้ปัญหายึดสันติวิธี รักษาอธิปไตยไทย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (19 มิ.ย.) “กรณีสถานการณ์ความสัมพันธ์ ไทย-กัมพูชา” โดยมีเนื้อหาว่า “พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขออภัยต่อพี่น้องประชาชนด้วยความจริงใจ จากกรณีคลิปเสียงสนทนาทางโทรศัพท์กับผู้นำกัมพูชาที่เกิดขึ้น ทุกการดำเนินการเป็นไปภายใต้เจตจำนงที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติ รักษาผลประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนไทย ทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและพักอาศัยอยู่ในกัมพูชา ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ดังกล่าว ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ น่าเสียใจอย่างยิ่งที่ความจริงใจของเรา กลับมีผลตอบรับตรงกันข้าม รัฐบาลไทยยึดหลักสันติวิธี ใช้กลไกทวิภาคีเรื่องเขตแดนที่มีอยู่ โดยเฉพาะการทำงานของ JBC ที่รัฐบาลไทยและกัมพูชาร่วมมือกันมาตลอด 26 ปี เพื่อคลี่คลายปัญหา แต่ในระหว่างนั้นได้ปรากฏเหตุการณ์สื่อสารโต้ตอบที่ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งขึ้น หากรัฐบาลนิ่งเฉย และไม่แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ย่อมเกิดความเสี่ยงที่จะบานปลายไปสู่ความรุนแรงและความสูญเสียต่อชีวิตและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนชาวไทยได้ นายกรัฐมนตรีจึงตัดสินใจใช้วิธีทางการทูต ผ่านการโทรศัพท์พูดคุยโดยตรงกับผู้นำกัมพูชา […]

กต. ทำหนังสือประท้วงกัมพูชากรณีปล่อยคลิปเสียงหลุด

กรุงเทพฯ 19 มิ.ย. – กระทรวงการต่างประเทศ ส่งหนังสือประท้วงกรณีคลิปเสียงบทสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีไทย-ฮุน เซน ย้ำผิดมารยาทและผิดหลักปฏิบัติสากล และทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงพัฒนาการความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา หลังจากที่ได้มีการเปิดเผยบทสนทนาส่วนตัวระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฯ ฮุนเซน ประธานวุฒิสภา ของกัมพูชา ต่อสาธารณชนวานนี้ (18 มิ.ย.68) ว่า การกระทำดังกล่าวขัดต่อจรรยาบรรณ และมารยาทพื้นฐานของการปฏิสัมพันธ์ระหว่างรัฐที่ไม่อาจยอมรับได้ ถือเป็นการทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ซึ่งส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และความพยายามที่จะใช้กลไกทวิภาคีในการแก้ไขปัญหาของทั้งสองฝ่ายตามแนวปฏิบัติสากล และการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี พร้อมเน้นย้ำว่า ไม่ว่าผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะเป็นใคร ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคือหัวหน้ารัฐบาลของประเทศ ที่ควรได้รับการเคารพ และให้เกียรติ ตามแนวปฏิบัติสากลในการเจริญสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศจึงได้ออกหนังสือประท้วงกรณีดังกล่าว ผ่านช่องทางทางการทูต โดยได้เชิญให้เอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย มารับหนังสือดังกล่าว เพื่อแจ้งว่าการกระทำข้างต้นของทางกัมพูชาเป็นการกระทำที่ไม่สามารถยอมรับได้ ถือว่าผิดมารยาทพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ เป็นการทำลายความไว้ใจระหว่างประเทศเพื่อนบ้านอย่างร้ายแรง ซึ่งการออกหนังสือดังกล่าวเป็นไปตามแนวปฏิบัติทางการทูต มีความรอบคอบ โปร่งใส มีวุฒิภาวะ ใช้สันติวิธี และดำเนินการอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและการดูแลคนไทยที่อยู่ในกัมพูชาแล้ว พร้อมยืนยันว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการดำเนินการทางการทูต […]

นายกฯ แถลงขออภัยคนไทยปมคลิปเสียงหลุดคุย “ฮุน เซน”

กรุงเทพฯ 19 มิ.ย. – นายกฯ แถลงขออภัยคนไทยทุกคน กรณีคลิปเสียงหลุดคุย “ฮุน เซน” เป็นเรื่องไม่น่าเกิดขึ้น ได้คุย มทภ.2 และทำความเข้าใจกับกองทัพ โดยได้อธิบายถึงเจตนาที่แท้จริง ยอมรับไม่ทราบจริงๆ ว่ามีการอัดคลิปเผยแพร่ ย้ำวันนี้ไทยต้องร่วมมือผนึกกำลัง ปกป้องอธิปไตย ทุกภาคส่วนสรุปว่า “เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าพบ เพื่อรายงานผลการประชุมของศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) รวมถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ภายหลังเกิดกรณีคลิปเสียงการโทรศัพท์เจรจาระหว่าง น.ส.แพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ว่าได้เชิญหน่วยงานด้านความมั่นคงมาพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ก่อนอื่นต้องขออภัยพี่น้องประชาชนและคนไทยทุกคนในเรื่องกรณีที่มีคลิปเสียงหลุดออกมาระหว่างที่ตนคุยกับผู้นำกัมพูชา ความจริงเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ต้องขออภัยพี่น้องประชาชนที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ ได้มีโอกาสคุยกับเจ้าหน้าที่และกองทัพ อธิบายถึงเหตุผลว่าเป็นเพียงแท็กติกของการสื่อสารที่จะเจรจาต่อไปว่าเราจะต้องแสดงความเข้าใจก่อน เพื่อจะคุยถึงต่อไป เป็นการต่อรองเพื่อให้การปะทะนั้นหยุดลง ด้วยความตั้งใจที่แท้จริงว่าต้องการจะให้สถานการณ์สงบสุขเท่านั้นเอง และไม่ทราบจริงๆ ว่าจะมีการอัดคลิปและเผยแพร่เช่นนี้ ก็ได้ทำความเข้าใจกับทางกองทัพเรียบร้อยแล้ว และรับฟังว่าวันนี้เราต้องร่วมมือกันผนึกกำลังเอาไว้ คนไทยทุกคนต้องผนึกกำลังเอาไว้ วันนี้ทุกภาคส่วนได้สรุปว่ากรณีดังกล่าวเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ ไม่ใช่ภัยคุกคามเล็กๆ ของประชาชนหรือของอะไร ที่จะพูดถึงว่ารัฐบาลหรือกองทัพต้องมาสู้กัน วันนี้เราไม่มีเวลาที่จะมาทะเลาะกันเองแบบนี้ เราต้องปกปกอธิปไตย ยินดีสนับสนุนกองทัพทุกรูปแบบ และวันนี้การที่เราจะทำอะไรหรือตัดสินใจในเรื่องต่างๆ เราต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยที่อยู่ในกัมพูชาด้วย รวมทั้งประชาชนตรงชายแดน […]

ผบ.ทบ. แสดงจุดยืนยึดมั่น ปชต. ย้ำเวลานี้ “คนไทยต้องสามัคคี”

กองทัพบก 19 มิ.ย. – ผบ.ทบ. แสดงจุดยืนยึดมั่นระบอบประชาธิปไตย พร้อมทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ ย้ำสถานการณ์บ้านเมืองในเวลานี้ “คนไทยต้องสามัคคี” พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันที่ปรากฏข้อมูลหรือการแสดงความคิดเห็นต่างๆ ที่หลากหลายและส่งผลกระทบต่อสังคมเป็นบริเวณกว้าง พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ในประเทศที่เกิดขึ้นโดยขอให้คนไทยได้เชื่อมั่นในกองทัพบก ที่มีจุดยืนในการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และพร้อมทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างสุดความสามารถ ภายใต้กลไกที่มีอยู่ ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบกได้เน้นย้ำว่า หากพิจารณาอย่างรอบด้านแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในห้วงเวลานี้คือ “คนไทยต้องสามัคคี” ร่วมกันปกป้องอธิปไตยจากผู้ไม่หวังดี โดยยึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ-313 .-สำนักข่าวไทย