กรุงเทพฯ 3 ต.ค.-EA เตรียมร้องนายกฯทบทวน ปรับการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทน (RE ) ให้เหมาะสม ชี้ควรใช้ระบบประมูลเพื่อต้นทุนค่าไฟฟ้าต่ำสุด “อ้อน” ควรทบทวน มติ กพช.9 มี.ค.66 ที่ห้ามให้ผู้ฟ้องร้องเรื่อง RE เข้าประมูลโครงการรอบใหม่ไหม่ได้ หลัง ศาลปกครองเพชรบุรี มีคำสั่งทุเลาโครงการ“เทพสถิต วินด์ฟาร์ม” บริษัทย่อย EA
นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่าเมื่อวันที่29 กันยายน พ.ศ.2566 ที่ผ่านมา ศาลปกครองเพชรบุรีได้มีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดีคือ บริษัท เทพสถิต วินด์ฟาร์ม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย EA ต่อคณะกรรมการกิจการพลังงาน (กกพ.) ในคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลปกครองเพชรบุรีได้มีคำสั่งทุเลาการบังคับประกาศสำนักงาน กกพ. เรื่อง รายชื่อผู้ผ่านการพิจารณาอุทธรณ์ความพร้อมทางด้านเทคนิคขั้นต่ำ ตามเกณฑ์ผ่านหรือไม่ผ่าน (Pass/Fail Basis) โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี พ.ศ.2565-2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง ลงวันที่ 10 มีนาคม 2566 ที่ออกตามมติของ กกพ.ในการประชุมครั้งที่ 13/2566 (ครั้งที่ 841) เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2566 และไม่มีรายชื่อของบริษัทเทพสถิต วินด์ฟาร์ม จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผ่านการพิจารณาและได้อุทธรณ์ไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
สาเหตุที่ศาลมีคำสั่งให้ทุเลา เนื่องจากการดำเนินการตามประกาศ ของ กกพ. เรื่องประกาศเชิญชวนการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed–in Tariff (FiT) ปี พ.ศ. 2565-2573 สำหรับพลังงานลม พ.ศ.2565 (“ประกาศเชิญชวน”) ในเบื้องต้นน่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้ง การคัดเลือกผู้เข้าทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าได้ดำเนินการตามประกาศดังกล่าว ซึ่งน่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมาย จึงเป็นผลให้ผู้ฟ้องคดีตกเป็นผู้ไม่ผ่านการพิจารณาอุทธรณ์ความพร้อมทางด้านเทคนิคขั้นต่ำตามเกณฑ์ผ่านหรือไม่ผ่าน (Pass/Fail Basis) ตามประกาศ กกพ.
นอกจากนี้ การคัดเลือกดังกล่าวไม่ได้มีการประกาศเกณฑ์การให้คะแนน และเกณฑ์ให้คะแนนเทคนิคขั้นต่ำผ่านหรือไม่ผ่าน (Pass/Fail Basis) หรือเกณฑ์คะแนนคุณภาพ การให้น้ำหนักคะแนนมาก-น้อย ที่ใช้ในการคัดเลือก จึงอาจทำให้กระบวนการคัดเลือกผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าไม่มีความโปร่งใส และยุติธรรม จะเป็นเหตุให้ประเทศชาติเสียประโยชน์จากการรับซื้อไฟฟ้าดังกล่าวได้ และจะผูกพันไปตลอดอายุสัญญาขายไฟฟ้า โดยไม่อาจจะแก้ไขอย่างใดได้อีกตลอดระยะเวลา 25 ปี อันเป็นความเสียหายที่มิอาจเยียวยาแก้ไขได้ในภายหลัง
“จากคำสั่งศาลปกครองในครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า กกพ. ควรกลับมาทบทวนหลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้เสนอขายไฟฟ้า ที่มีวิธีการ และเงื่อนไขการให้คะแนนที่ชัดเจน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นผู้ที่จะเข้ามาร่วมพัฒนาโครงการลักษณะดังกล่าวในอนาคต โดยปริมาณรับซื้อรอบนี้มี 5,203 เมกะวัตต์ ทาง EA เสนอ 20 โครงการ รวม 2,000 เมกะวัตต์ และได้รับการคัดเลือก เพียง 1 โครงการ ”นายสมโภชน์กล่าว
นอกจากนี้ การลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม พ.ศ.2566 ยังไม่จำเป็นต้องเร่งดำเนินการเนื่องจากโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนมีวัตถุประสงค์ เพื่อเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด เพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เท่านั้น อีกทั้งปริมาณพลังงานไฟฟ้าสำรองของประเทศในปัจจุบันมีมากกว่าร้อยละ 30 จึงไม่เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงอันเกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้าสำรอง โดยเมื่อศาลปกครองมีคำสั่งทุเลาโครงการดังกล่าว หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.), กกพ.และ 3การไฟฟ้า และเจ้าหน้าที่ของรัฐ จะดำเนินการต่ออย่างไร เนื่องจากเกิดความไม่ชัดเจนทางกฎหมายในส่วนของวิธีปฎิบัติ และหากปฏิบัติตามประกาศเชิญชวน ต่อไปแล้วอาจจะมีปัญหาทางด้านความถูกต้องทางกฎหมาย
นายสมโภชน์ กล่าวด้วยว่า จะทำหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและ นายกรัฐมตรี ในฐานะประธานบอร์ดกพช.พิจารณาทบทวนการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม ในรูปแบบ FiT สำหรับปี 2565–2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง “รอบขยาย การรับซื้อส่วนที่ 1” ปริมาณรับซื้อเพิ่มเติมรวม 3,668.5 เมกะวัตต์ ที่ยังใช้กฎเกณฑ์เดิมในการคัดเลือก ที่น่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมาย และมติ กพช. วันที่ 9 มี.ค.66 ยังกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติม โดยมีเงื่อนไขว่า “ผู้ยื่นข้อเสนอในการรับซื้อไฟฟ้าเพิ่มเติมต้องไม่เป็นผู้ร้องเรียน ผู้อุทธรณ์ ผู้ฟ้องร้องให้หน่วยงานภาครัฐ คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ คณะทำงาน หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ตามระเบียบ กกพ. และประกาศเชิญชวนรวมถึง กพช. กกพ. และกระทรวงพลังงาน ต้องรับผิดในทางวินัย ทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางปกครอง จากการที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว” ซึ่งมติดังกล่าว ถือเป็นการจำกัดสิทธิของบริษัทเอกชนที่ใช้สิทธิโดยชอบด้วยกฎหมาย
“การคัดเลือกรอบใหม่ ควรใช้วิธีการประมูล เช่นเดียวกับ จีน และอินเย เพื่อให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าเมื่อมาถึงประชาชนถูกที่สุด ต่ำกว่าการกำหนดค่าไฟFIT ยกตัวอย่างการเกณฑ์การรับซื้อปัจจุบันหากแพงกว่าประมูล10 บาท/เดือน ครัวเรือนไทยมี 22 ล้านครัวเรือนก็ต้องจ่ายแพงถึงกว่า 6 พันล้านบาท/ปี และยังกระทบไปยังต้นทุนเอกชนอื่นๆกระทบขีดความสามารถการแข่งขัน ก็ขอ”อ้อน”รัฐบาลให้ทบทวน มติ กพช.9 มี.ค.66 เพราะหากยึดเรื่องดังกล่าว EA ก็คงจะไม่ได้รับการพิจารณา” นายสมโภชน์กล่าว
ด้านแหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน ระบุว่า ได้ติดตามสถานการณ์ในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผลกระทบต่อนโยบายด้านพลังงานในการขับเคลื่อนแผนพลังงานแห่งชาติ จากข้อมูลที่ได้รับจาก กกพ. นั้นยืนยันว่าจะดำเนินการตามขั้นตอนในการคัดเลือกตามระเบียบ กกพ.อย่างโปร่งใส เป็นธรรม เท่าเทียม ซึ่งมีผู้ผ่านการพิจารณาคัดเลือกจำนวน 175 ราย ปริมาณเสนอขาย 4,852.26 เมกะวัตต์ ซึ่งประเด็นหลักที่ เทพสถิต วินด์ฟาร์ม ของ EA ไม่ผ่านการพิจารณาคือไม่มีทีดินเป็นกรรมสิทธิ์เพราะเป็นที่ดิน การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) จึงตกการพิจารณา ซึ่งกรณีที่ดินถือว่าสำคัญเพราะที่ผ่านมาจะมีปัญหาให้หลายโครงการต้องล่าช้าตามมาด้วย อย่างไรก็ตาม บอร์ด กกพ. วันที่ 4 ต.ค. 2566 จะหารือเรื่องดังกล่าว เพราะขั้นตอนถือว่าอยู่ในชั้นศาลฯ จึงต้องให้ผู้ถูกฟ้องพิจารณาตามขั้นตอน.–สำนักข่าวไทย