สมุทรปราการ 29 ก.ย.-นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดให้บริการแบบ Soft Opening อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1:SAT-1) เพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจาก 45 ล้านคนต่อปีเป็น 60 ล้านคนต่อปี โดยนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า จะต้องสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่ก้าวแรกที่สัมผัสผืนแผ่นดินไทยและก้าวสุดท้ายที่เดินทางออกไป
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ AOT จัดพิธีเปิดให้บริการแบบ แบบ Soft Opening อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1:SAT-1) โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีเปิดพร้อมด้วยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
นายกรัฐมนตรี กล่าวในพิธีเปิดว่า นอกจากการเปิดอาคาร SAT-1 ในวันนี้แล้ว ทางสนามบินสุวรรณภูมิจะมีการเปิดรันเวย์ที่ 3 ในกลางปีหน้าอีกด้วยเพื่อให้ไทยเป็นฮับของการเดินทางและรองรับการลงทุนในระยาว ทั้งนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำในวันนี้จะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบินในระยะเวลาอันใกล้ และจะเป็นประตูรวมทั้งจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งเราจะต้องทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติประทับใจตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบผืนแผ่นดินไทยและก้าวสุดท้ายที่จะออกจากประเทศไทยเพื่อที่เขาจะได้กลับมาใหม่ โดยรัฐบาลจะไม่หยุดยั้งการพัฒนาเพื่อสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับประเทศ
สำหรับอาคาร SAT-1 มีพื้นที่ใช้สอยภายในอาคาร 251,400 ตารางเมตร และพื้นที่ลานจอดอากาศยานรวมกว่า 260,000 ตารางเมตร เป็นอาคารสูง 4 ชั้น และมีชั้นใต้ดิน 2 ชั้นเชื่อมต่อกับ Main Terminal ด้วยอุโมงค์ใต้ดินระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร สำหรับพื้นที่ลานจอดอากาศยานของอาคาร SAT-1 ประกอบด้วย หลุมจอดประชิดอาคารทั้งหมด 28 หลุมจอดซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจาก 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี
ทั้งนี้ สายการบินที่ได้เข้าทำการบินที่อาคาร SAT-1 เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา มีจำนวน 2 สายการบิน ได้แก่ สายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ และสายการบินไทยเวียตเจ็ต โดยเที่ยวบินแรกที่ได้บินเข้ามาที่อาคาร SAT-1 เมื่อวานนี้เป็นเที่ยวบินของสายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ เที่ยวบินที่ XJ 0761 เดินทางมาจากนครเซี่ยงไฮ้ของจีน โดยเดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 10.15 น.
ในสัปดาห์แรกที่เปิดให้บริการสายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ จะให้บริการวันละประมาณ 14 เที่ยวบิน และสายการบินไทยเวียตเจ็ต จะให้บริการวันละประมาณ 4 เที่ยวบิน และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะพิจารณาจัดสายการบินอื่นเข้าให้บริการที่อาคาร SAT-1 เพิ่มเติมในระยะต่อไป
สำหรับในช่วง Soft Opening การให้บริการเคาน์เตอร์ส่งมอบสินค้าปลอดอากร ร้านค้า Duty free ร้านอาหาร และห้องรับรองพิเศษผู้โดยสาร พร้อมเปิดให้บริการแล้วบางส่วน โดยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมให้บริการอาคาร SAT-1 ควบคู่ไปกับอาคารผู้โดยสารหลัก (Main Terminal Building) โดยให้ความสำคัญในเรื่องระดับการให้บริการ (Level of Service) เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบาย ปลอดภัย ประทับใจเมื่อใช้บริการ โดยเมื่ออาคาร SAT-1 เปิดให้บริการเต็มรูปแบบ จะเกิดประโยชน์แก่ทุกภาคส่วน ทั้งผู้ใช้บริการ ภาคประชาชน และภาคอุตสาหกรรมการบิน ตลอดจนภาคการท่องเที่ยวที่จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เป็นการกระตุ้นระบบเศรษฐกิจของไทยแล้วยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อมุ่งสู่การเป็นสนามบินชั้นนำระดับโลกอย่างยั่งยืน.-สำนักข่าวไทย