เอกชนขอให้รัฐเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจหวังส่งออกพลิกเป็นบวก

นนทบุรี 27 ก.ย. – ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ขอให้กระทรวงพาณิชย์เร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังทุกด้านอย่างเต็มที่ หวังตัวเลขส่งออกปีนี้พลิกเป็นบวก เชื่อเศรษฐกิจปีหน้ามีโอกาสโตได้ จากหลายมาตรการที่จะออกมา
 
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากความชัดเจนของมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะมาตรการลดค่าครองชีพและต้นทุนให้กับประชาชนและผู้ประกอบการ ผ่านการลดค่าไฟฟ้าเหลือ 3.99 บาท และลดค่าน้ำมันดีเซลให้ต่ำกว่า 30 บาท ตลอดจนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นควบคู่ไปด้วย เสริมกับนโยบาย Free Visa แก่นักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถานที่น่าจะช่วยกระตุ้นให้จำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปีนี้ขยับขึ้นไปแตะที่ 28-30 ล้านคน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ที่น่าจะถึง 5 ล้านคนได้ ผ่านสัญญาณการจองเที่ยวบินและห้องพักที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว


ส่วนในระยะยาว รัฐบาลควรเน้นการสร้างความมั่นใจเรื่องความปลอดภัย การส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง เพื่อให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายและอยู่ในประเทศไทยนานขึ้น ด้านประเด็นการส่งออกที่ชะลอตัวหลายเดือนและมีสัญญาณพลิกกลับมาเป็นบวกในเดือนสิงหาคม ถือเป็นสัญญาณที่ดีโดยหอการค้าฯ มองว่าหลังจากนี้ในไตรมาส 4 สถานการณ์น่าจะกลับมาเป็นบวกได้ และทำให้ภาพส่งออกปีนี้อาจไม่ติดลบหรือติดลบน้อยที่สุด

ส่วนการที่วันนี้ กนง. มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 2.50% หอการค้าฯ ยังไม่มีความกังวลในประเด็นดังกล่าว เพราะไทยถือว่ามีอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ำหากเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน และมองว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยในครั้งนี้เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยของไทยกับต่างประเทศไม่ห่างกันมากนัก และเป็นการรักษาเสถียรภาพทางการเงินของไทยซึ่งช่วงที่ผ่านมาเงินบาทมีการอ่อนค่ามากขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ            


ทั้งนี้ จากนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา หอการค้าฯ เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มจีดีพี 0.6 – 0.8% และทำให้ภาพรวมจีดีพีทั้งปีโตได้ถึง 3% ตามที่ตั้งไว้

สำหรับการเยือนสหรัฐอเมริกาของท่านนายกรัฐมนตรีในการประชุม UNGA และการพบปะหารือกับภาคธุรกิจยักษ์ใหญ่ของโลกทั้งบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และสถาบันการเงินและกองทุนระดับโลก เอกชนมองว่าถือเป็นความสำเร็จและน่าชื่นชมรัฐบาลที่ได้ให้ความสำคัญกับการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติซึ่งจะเห็นได้ว่ารัฐบาลชุดนี้ ให้ความสำคัญกับการต่างประเทศ โดยเฉพาะการเจรจาการค้าเป็นอย่างมาก ซึ่งส่วนนี้จะช่วยสนับสนุนให้ภาคการส่งออกของไทยขยายตัวได้เนื่อง

อย่าวไรก็ตาม เอกชนเชื่อว่ารัฐบาลจะเดินหน้าสานต่อข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศที่ไทยได้เริ่มดำเนินการกับหลายประเทศ เพื่อเร่งขยายตลาดใหม่ ๆ โดยเฉพาะ FTA ไทย – EU และอีกหลายฉบับ ไปพร้อมกับการจัด Road Show ขยายตลาดใหม่ ไปยังประเทศกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพ เช่น จีน ซาอุดิอาระเบียและตะวันออกกลาง อินเดีย และประเทศแถบแอฟริกา เพื่อดึงดูดการลงทุนใน EEC ในสาขาที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนทั้งกลุ่ม EV พลังงานสะอาด AI เกษตรสมัยใหม่ สุขภาพ และ FinTech ให้มากที่สุด เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันของไทยในเวทีโลกมากขึ้น โดยเอกชนหวังว่าโอเมนตั้มดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดการลงทุนจริงในระยะต่อไป
 
นอกจากนี้ หอการค้าไทยมองจีดีพี ในปีหน้า ปี 67 ใกล้เคียงกับรัฐบาลที่ตั้งเป้าไว้ 5% แม้จะเป็นเรื่องท้ายทาย แต่หากได้รับการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นนโยบายแจกเงินดิจิทัล ที่หากสามารถดำเนินการได้สำเร็จน่าจะช่วยเพิ่มจีดีพี 2-3% ภายใต้การส่งออกที่เติบโตที่มากกว่าปีนี้ ซึ่งหากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกไม่มีปัจจัยแทรกซ้อน โดยเฉพาะปัญหาความขัดแย้งด้าน Geopolitics ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นตัวเลข 5% ในรอบหลายปี ซึ่งทุกฝ่ายคงต้องช่วยกันให้บรรลุเป้าหมาย


ในวันนี้ หอการค้าไทย โดยนายสนั่น อังอุบลกุล และดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ พร้อมคณะฯ ได้มีการเข้าพบและประชุมร่วมกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในประเด็นการค้า การลงทุน และการส่งออก

ทั้งนี้ เพื่อเน้นย้ำว่าหอการค้าไทยและภาคธุรกิจพร้อมร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานทุกภาคส่วนอย่างใกล้ชิดในการขับเคลื่อนภาคการค้าให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยหอการค้าฯ ได้มีการหยิบยกและนำเสนอประเด็นที่เกี่ยวข้องกับรองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ใน 5 ประเด็น สำคัญ ได้แก่ 1) กฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งเน้นเรื่อง เร่งรัด FTA ที่กำลังเจรจาอยู่ให้แล้วเสร็จ รวมถึงเปิดการเจรจาเพิ่มในตลาดที่สำคัญเพื่อเป็นการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย เป็นต้น 2) การอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจแก่ภาคเอกชน ให้สอดคล้องกับ e-Government  3) การนำเข้า-ส่งออก ซึ่งควรเน้นสินค้าและตลาดที่สำคัญ 4) การค้าปลีก และ 5) การยกระดับตัวเลขการค้าชายแดน ซึ่งส่วนใหญ่ข้อเสนอของภาคเอกชนนั้นสอดคล้องกับ 7 แนวนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ที่รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบเป็นนโยบายหลัก ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะรับข้อเสนอของภาคเอกชนที่เสนอในวันนี้ และมอบให้กรมที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการต่อ ซึ่งหากเรื่องใดแก้ไขได้ทันที ก็จะเร่งดำเนินการ แต่หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานอื่นหรือแก้ทันทีไม่ได้ ก็จะมีการตั้งกลุ่มย่อย เชิญภาคเอกชนมาให้ข้อมูลและดูในรายละเอียดของแต่ละประเด็นก่อนที่จะมีมาตรการออกมา โดยกระทรวงพาณิชย์จะมุ่งเน้นเรื่องการดูแลค่าครองชีพให้กับประชาชนเป็นเรื่องเร่งด่วน เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา ปราบสแกมเมอร์

สระแก้ว 16 ก.ย.-วันนี้ที่จังหวัดสระแก้ว มีการประชุมสำคัญระหว่างไทยและกัมพูชา เพื่อหวังแนวทางร่วมมือในการปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสแกมเมอร์.-สำนักข่าวไทย

ผู้ค้าทองคำเสนอตั้งเคลียริ่งเฮาส์ ค้านเก็บภาษีเทรดทอง

กรุงเทพฯ 16 ก.ย. – ราคาทองคำนิวไฮตามตลาดโลก การค้าทองคึกคัก ผู้ค้าทองคำค้านแนวคิดภาครัฐเก็บภาษีเทรดทองคำออนไลน์ เพื่อป้องกันบาทแข็งค่า ระบุถอยหลังเข้าคลอง ทำลายการค้า เสนอ ธปท. “ตั้งเคลียริ่งเฮาส์-ปรับสูตรดูแลค่าเงิน” นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด (MTS Gold) กล่าวว่า ในการประชุมระหว่างผู้ค้าทองคำและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วานนี้ ทาง ธปท.มีการสอบถามความเห็นเรื่อง การที่กระทรวงการคลังอาจออกมาตรการเก็บภาษีในการซื้อ-ขายทองคำ โดยเฉพาะธุรกรรมออนไลน์และมีการชำระเป็นเงินบาท เพื่อลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อเงินบาท ซึ่งทางผู้ค้าทองคำ คัดค้านเพราะจะกระทบต่อการค้าทองคำในองค์รวมของทั้งในและต่างประเทศ ทำลายระบบเศรษฐกิจ โดยในขณะนี้การค้าทองคำทั้งในและต่างประเทศแต่ละปีมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท/ปี และความนิยมเทรดระบบออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจดิจิทัล ตอบสนองนพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ ที่นิยมเทรดออนไลน์ทั้งผ่านแอปฯ ต่างๆ และเทรดผ่าน Gold Futures ตลาด TFEX ซึ่งเป็นการเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำภายในประเทศ โดยยอดเทรดเติบโตอย่างมากราว 9-20 ตัน/วัน หรือ 20,000-35,000 สัญญาต่อวัน […]

รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้

พรรคภูมิใจไทย 16 ก.ย.-รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้ หลังนายกฯ ลั่นเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าการนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีอนุทิน 1 คาดว่าจะมีความชัดเจนเร็วสุดในเย็นวันนี้ (16 ก.ย.) หรืออย่างช้าวันพรุ่งนี้ (17 ก.ย.) ซึ่งต้องรอความชัดเจนจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ขณะที่บรรยากาศพรรคภูมิใจไทยในช่วงเช้าวันนี้ยังคงเงียบเหงา มีแกนนำพรรคเดินทางเข้าที่ทำการพรรค อาทิ นายทรงศักดิ์ ทองศรี ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เบื้องต้นยังไม่มีกำหนดการเดินทางเข้าพรรคในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นายอนุทิน ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ไว้ว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งจะสามารถทูลเกล้าฯ ถลายได้ภายในสัปดาห์นี้.-สำนักข่าวไทย

เตือนภาวะน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.

กรุงเทพฯ 16 ก.ย.-สทนช. ออกประกาศเตือน เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.นี้ คาดระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงจะสูงกว่าจุดวิกฤติ 0.20 เมตร เสี่ยงน้ำเอ่อล้นริมเจ้าพระยา-ท่าจีน-แม่กลอง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกประกาศเตือน เรื่อง “เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง” เตือนประชาชนและหน่วยงานในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง ให้เฝ้าระวังระดับน้ำเอ่อล้นตลิ่ง ระหว่างวันที่ 17–22 กันยายน 2568 ในช่วงเวลา 16.00–19.00 น. ของแต่ละวัน โดยเฉพาะพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราว ซึ่งยังไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร หรือที่เรียกว่า “แนวฟันหลอ” นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสทนช. กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ร่วมกับกรมอุทกศาสตร์ คาดว่าช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงที่ระดับน้ำทะเลหนุนสูง โดยระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงอาจสูงถึง 1.70–1.90 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำวิกฤติประมาณ 0.20 เมตร ปัจจัยที่ส่งผลต่อการหนุนสูงของน้ำทะเลในช่วงนี้ได้แก่ ร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศไทย ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังปานกลาง ซึ่งยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยและบริเวณอ่าวไทย ส่งผลให้บางพื้นที่ยังคงมีฝนตก และเมื่อรวมกับปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุน จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้น เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำ พื้นที่เสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ […]