เวที Money Forum เสนอรัฐบาลหาทางออกใช้เงิน 10,000 บาทดิจิทัลวอลเล็ต

กรุงเทพฯ 25 ก.ย.-Spacebar ร่วมกับสภาธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม จัดวงเสวนา Spacebar Money Forum “เงินดิจิทัล  10,000 บาทกับ 5 คำถามที่ต้องเคลียร์”  ระดมความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องหลายภาคส่วน  เพื่อสะท้อนมุมมอง  และแนวคิด  โดยแนวคิดอัดฉีดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต้องให้ยั่งยืนในระยะยาว และให้ดูการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีที่มาอย่างรวดเร็วด้วย ส่วนพรรคก้าวไกลประเมินว่าแก้ไขผิดจุด ควรใช้เงินกระตุ้นด้านอื่นมากกว่า


นายสุปรีย์ ทองเพชร ประธานสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย หรือ สภาเอสเอ็มอี กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการ 9 แสนกว่าราย มีคนในระบบ 14 ล้านคน เพราะฉะนั้นการสร้างเงินดิจิทัลให้สำเร็จได้ จะต้องมีคนใช้เยอะมาก ทั้งในการเป็นทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย 

“เงินดิจิทัล ถ้าถูกใช้ในกลุ่มนี้ แล้วสร้างเป็นระบบปิด เพื่อให้คนเกิดการใช้จ่ายในระบบปิดนี้ จะทำให้เงินดิจิทัลไม่หลุดออกไปข้างนอก ไม่ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาท เพราะสิ่งที่เสถียรภาพทางการเงินกลัวมาก คือ เงินดิจิทัล กลายเป็นเงินบาท จะทำให้แวลูของเงินดิจิทัลลดลง เช่น ซื้อก๋วยเตี๋ยวชามละ 100 บาท พอใช้เงินดิจิทัล ต้องใช้ถึง 120 บาท เมื่อไม่ต้องการให้เกิดสิ่งนี้ เลยพยายามให้ผู้ประกอบการทั้งประเทศ มีโอกาสที่จะเกิดระบบปิด (close ecosystem) ในการใช้จ่ายเงินดิจิทัลได้จริง” นายสุปรีย์ กล่าว


ทั้งนี้ ยังได้มีข้อเสนอแนะว่า เมื่อครบกรอบของการใช้เงินดิจิทัล 2 ปีนี้แล้ว อยากให้รัฐบาลการันตีในการรับซื้อเงินดิจิทัลคืนจากผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้ลงทะเบียน เพราะต้องการให้ผู้ประกอบการ “เต็มใจใช้ และเต็มใจเก็บเงินดิจิทัลไว้ในมือ” เพื่อรอเวลาว่าจะสามารถขายคืนได้กับรัฐบาล ซึ่งก่อนจะถึงเวลานั้น จะเกิดรอบในการใช้เงินดิจิทัลหลายรอบ อยากจะให้รัฐบาล มองกลุ่ม SMEs ที่ใช้เงินดิจิทัลในทุก ๆ เดือน ช่วยเอาไปลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลเพื่อจูงใจให้เข้ามาใช้เงินดิจิทัล ถ้า 9 แสนกว่าบริษัท คน 14 ล้านคนใช้เงินดิจิทัลขึ้นมาจริง ๆ โอกาสสำเร็จของดิจิทัลวอลเล็ตถึงจะเกิดขึ้นได้

นายสมคิด จิรานันตรัตน์ อดีตประธาน KBTG และอดีตที่ปรึกษา CEO ธนาคาร Krungthai กล่าวว่า นโยบายนี้ต้องมองในแง่มุมเกี่ยวกับเทคโนโลยี ว่าจะใช้แบบไหน ออกแบบอย่างไร สิ่งที่เหมาะสมที่จะเหมาะสมที่สุด เทคโนโลยีไปเร็วมาก ประเทศไทยพร้อมหรือยัง แต่เชื่อว่าหากทำได้จริง จะทำให้เกิดเศรษฐกิจดิจิทัลเต็มรูปแบบ

“โดยส่วนตัวมองว่าลักษณะของโครงการนี้ใช้เงินค่อนข้างเยอะ ซึ่งต้องดูว่าคาดหวังอย่างไร แต่ถ้ามองว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ เชื่อว่าสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระยะสั้น แต่หลังจาก 6 เดือนไปจนถึง 1 ปี ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม คิดว่าเป็นการลงทุนที่สูงเกินไป แต่หากนำไปต่อยอดโครงการอื่น ๆ เช่น ลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐาน สร้างความสามารถของประเทศให้สูงขึ้น หรือสามารถช่วยแก้ปัญหาในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ไปสู่ Digital Economy เชื่อว่าจะเป็นการลงทุนคุ้มค่ามากกว่า โดยเฉพาะในระยะยาว” นายสมคิด กล่าว


ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยการลงทุน สายงานวิจัย บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวว่านโยบายดิจิทัล 10,000 บาท หากมองไปข้างหน้าตามที่นายกฯ บอกว่าจะได้ใช้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศไทยได้ เพราะจากการประเมินเศรษฐกิจโลกปีหน้าอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย หลายประเทศเข้าสู่ภาวะชะลอตัว เพราะฉะนั้นจึงควรส่งเสริมการจับจ่าย ซื้อขายภายในประเทศจะช่วยได้อย่างแน่นอนเศรษฐกิจไทย สามารถเติบโตขึ้นจากการอัดฉีดเม็ดเงินด้านการบริโภค 

นายสัญชัย ปอปลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คริปโตมายด์ แอดไวเซอรี่ กล่าวว่า หากมองเจตนารมณ์ของนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพราะต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้เกิดการใช้จ่าย ดังนั้นจึงอยากข้อเสนอให้มีทั้งระยะสั้นและยาว เพื่อวางอนาคตเงินดิจิทัลสำหรับประเทศส่วนในแง่การใช้เงินดิจิทัล ที่หลายคนยังถกเถียงกันว่า จะใช้อย่างไร แนวทางที่รัฐวางไว้เป็นอย่างไร โดยส่วนตัวมองว่า ระยะสั้น น่าจะมีชาเลนจ์หลายตัว โดยสิ่งใดที่หนุนให้เงินดิจิทัล ขับเคลื่อนได้เร็วก็สามารถใช้ไปก่อน เช่น แอปพลิเคชันเป๋าตังที่มีอยู่แล้ว สามารถใช้ได้ ประชาชนก็รู้จัก และใช้ได้กว้างขวาง 

“ด้านบล็อกเชน มองว่า เป็นเรื่องการใช้สำหรับการรองรับในอนาคต โดยอยากให้นึกว่า ถ้าเราอยากจะแจกเงินให้คนเป็นจำนวนกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มเกษตรกร กลุ่มนักศึกษาจบใหม่ หรือ นักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่ เด็กนักเรียน จะได้มีจุดชัดเจนมากขึ้น จะได้ลงไปแก้ปัญหาตรงจุดและตรงกลุ่มเป้าหมายในระยะยาว” นายสัญชัย กล่าว

นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ผู้แทนจากพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ เพราะเป็นนโยบายที่ใช้เงินจำนวนมหาศาล และมองว่าไม่ได้ตอบโจทย์ต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปัจจุบันการบริโภคไม่ได้กำลังหดตัว แต่กำลังฟื้นตัว ปัญหาที่แท้จริง คือ การส่งออก ซึ่งนโยบายนี้ไม่ได้ช่วยเรื่องการส่งออก นโยบายอัดฉีดเงินดิจิทัล 10,000 บาทเป็นการให้ยาไม่ถูกโรค จึงมองว่าไม่จำเป็นต้องใช้เงิน 5.6 แสนล้านในช่วงนี้

“เรากำลังให้ยาถูกโรคหรือเปล่า ถ้าทำไปแล้วไม่ได้ผลขนาดนั้น ในระยะยาว ช่วยได้หรือไม่ ต้นทุนค่าเสียโอกาสเยอะมาก ควรเอาเงินไปทำอย่างอื่นมากกว่า เช่น เพิ่มจำนวนเงินเบี้ยผู้สูงอายุในระยะยาวได้ อย่างน้อยก็ 4 ปี แต่นโยบายนี้ อาจช่วยได้ประมาณ 6 เดือนเท่านั้น ส่วนเรื่องเทคโนโลยีก็ต้องดูอีกทีว่านำเทคโนโลยีอะไรมาใช้ แต่ต้องมีความรอบคอบในการตัดสินใจเลือกใช้” นายปกรณ์วุฒิกล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

กัมพูชายืนยันไม่รับแผนที่ 1 : 50,000

15 มิ.ย. – กัมพูชาแถลงปฏิเสธแผนที่ 1 ต่อ 50,000 อย่างเด็ดขาด อ้างไทยเขียนขึ้นฝ่ายเดียว ยึดมั่นแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตาม MOU43 เท่านั้น พร้อมยินดีร่วมมือกับไทยด้วยกลไกทวิภาคี ยกเว้น 4 จุดที่นำขึ้นศาลโลก เว็บไซต์ข่าว Khmer Times รายงานภายหลังเสร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม หรือ JBC ที่กรุงพนมเปญ ว่า ฝ่ายกัมพูชาแสดงจุดยืนปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะรับรองแผนที่ที่ฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำใช้อ้างอิงอันเป็นที่มาหลักของปัญหาข้อพิพาทชายแดนที่เรื้อรังมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้ แผนที่ที่กัมพูชาอ้างว่าฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไม่สิ้นสุดนั้นคือแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ซึ่งมีความละเอียดแม่นยำมากกว่าแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่กัมพูชายึดถือ Khmer Times อ้างตามเอกสารข่าวเผยแพร่จากสำนักเลขาธิการกิจการชายแดนเกี่ยวกับการประชุม JBC ที่จัดขึ้นระหว่างฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทย ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายฬำ เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักกิจการชายแดนและประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา และนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศของไทย และประธาน JBC ฝ่ายไทย […]

“ลูกหมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ย

สำนักงานกฎหมายทนายคลายทุกข์ 13 มิ.ย. – “ลูกหมี รัศมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้ 2 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ด้าน “ทนายเดชา” เผยหาก 30 วัน ไม่ใช้หนี้ เตรียมยื่นเรื่องยึดทรัพย์-ฟ้องล้มละลาย นางสาวรัศมี ทองสิริไพรศรี หรือลูกหมี นางแบบชื่อดัง พร้อมนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา และนางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกรณีลูกหนี้ ซึ่งเป็นอดีตดารานักแสดงชื่อดัง ได้ทำการกู้ยืมเงิน พร้อมจ่ายเช็คเด้ง จำนวน 2 ล้านบาท โดยไม่ยอมชำระคืนตามที่ได้ตกลงทำสัญญากันไว้ ทนายเดชา กล่าวว่า คดีนี้คุณลูกหมีฟ้องลูกหนี้ในความผิดเกี่ยวกับเรื่องสัญญากู้ยืมเงิน โดยเงินต้นจำนวน 2 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ศาลพิพากษาว่า สัญญากู้เงินต้น 2 ล้านบาท เป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมาย ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด […]

อิสราเอลและอิหร่านโจมตีตอบโต้กันในระลอกใหม่

เทลอาวีฟ 15 มิ.ย. – อิสราเอลและอิหร่านได้เปิดฉากโจมตีตอบโต้กันอีกครั้งในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ซึ่งจุดชนวนความกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งในวงกว้างขึ้น หลังจากที่อิสราเอลได้ขยายการโจมตีอิหร่าน ด้วยการโจมตีแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก อิหร่านได้ยกเลิกการเจรจานิวเคลียร์ที่สหรัฐเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเป็นหนทางเดียวที่จะหยุดยั้งการทิ้งระเบิดของอิสราเอลได้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้ยังถือว่าไม่มีอะไรที่จะเทียบเคียงกับสิ่งที่อิหร่านจะได้เห็นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การโจมตีของอิหร่านล่าสุดเริ่มต้นขึ้นไม่นานหลังเวลา 23:00 น. ของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกัล 03.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย เมื่อเสียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นในนครเยรูซาเลมและเมืองไฮฟา ทำให้ผู้คนราวหนึ่งล้านคนต้องรีบเข้าไปในสถานที่หลบภัย หน่วยบริการพยาบาลกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีเด็กวัย 10 ขวบและหญิงสาววัยราว ๆ  20 ปีรวมอยู่ด้วย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 140 คนจากการโจมตีที่เกิดขึ้นหลายครั้ง สื่ออิสราเอลรายงานว่ามีผู้สูญหายอย่างน้อย 35 คน หลังจากที่ขีปนาวุธพุ่งเป้าไปที่เมืองบัตยัม ซึ่งเป็นเมืองทางใต้ของกรุงเทลอาวีฟ โฆษกหน่วยบริการฉุกเฉินกล่าวว่าขีปนาวุธลูกหนึ่งพุ่งชนอาคาร 8 ชั้นในเมืองนั้น และในขณะที่ผู้คนจำนวนมากได้รับการช่วยเหลือ แต่ก็มีผู้เสียชีวิตด้วยเช่นกัน ขณะนี้่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีอาคารกี่หลังที่ถูกโจมตีเมื่อคืนนี้ จนถึงขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอลล่าสุดอยู่ที่อย่างน้อย 9 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 ราย นับตั้งแต่อิหร่านเปิดฉากโจมตีตอบโต้อิสราเอลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พยาบาลเกษียณร้องไซเบอร์ ถูกโรแมนซ์สแกม สูญ 12 ล้าน

16 มิ.ย. – พยาบาลเกษียณ วัย 65 ปี ร้องตำรวจไซเบอร์ ถูกหลอกสร้างความสัมพันธ์เชิงชู้สาว หรือโรแมนซ์สแกม ชวนลงทุนคริปโต สูญเงิน 12 ล้าน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พาพยาบาลเกษียณอายุราชการวัย 65 ปี ผู้เสียหาย ถูกมิจฉาชีพหลอกหลอกให้รัก (Romance Scam) และชักชวนให้ลงทุนในระบบคริปโตผ่านแพลตฟอร์มเทรดปลอม สูญเงินเกือบ 12 ล้านบาท เข้าร้องทุกข์กับตำรวจไซเบอร์ โดยมี พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 รับเรื่อง นางสาวอ้อ อายุ 65 ปี อดีตพยาบาลผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2567 มิจฉาชีพหรือ นางสาวพร (นามสมมติ) ทักข้อความมาหาตนผ่านแอพ TikTok และชวนพูดคุยในลักษณะเชิงชู้สาว และต้องการหาคู่ชีวิต และชวนคุยเรื่องส่วนตัวจนเตนเชื่อใจ จนผ่านไป 2 […]

“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000

ก.ต่างประเทศ 16 มิ.ย.-“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000 แฉ “กัมพูชา” ถูกสั่งห้ามคุยปม 4 พื้นที่พิพาทในวง JBC แต่เสียดาย ไม่มีในบันทึกการประชุม เพราะหารือในวงเล็ก ยัน JBC รอบนี้ราบรื่นที่สุด บอกแต่ก่อนทะเลาะกันเยอะกว่านี้ นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC แถลงชี้แจงผลการประชุม JBC ว่า ตนเข้าร่วมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 แล้ว จากระดับเจ้าหน้าที่ และครั้งนี้ไปประชุมในฐานะประธาน ถือว่าราบรื่นที่สุดเท่าที่เคยประชุมมา แต่ก่อนทะเลาะกันแรงกว่านี้เยอะ และครั้งนี้ ประสบความสำเร็จทางด้านเทคนิค พร้อมอธิบายภารกิจของ คณะกรรมการ JBC ว่า ประกอบไปด้วย 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการตรวจหาหลักเขตที่ปักปันตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ปี 2462-2463 ซึ่งมีการปักหลักเขตไปแล้ว 73 หลัก ตอนนี้เห็นชอบไปแล้ว 45 หลัก อีก […]

นายกฯ เผย กต.เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ลั่นไทยเคารพกรอบทวิภาคี

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – นายกฯ เผย กต. เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ทำความเข้าใจกรณีไทย-กัมพูชา ย้ำไทยให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ลั่นการเคลื่อนไหวนอกเหนือจากการเจรจาถือเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ประกาศกร้าว จะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ข่มขู่ เราก็เป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรีเช่นกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ ก.ต่างประเทศ เรียกประชุมทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยให้ได้รับทราบ ถ้าไม่เคารพกติกา ทั่วโลกก็จะไม่ยอมรับ ยอมรับไทยมีการสื่อสารที่เป็นสาธารณะน้อยมาก เพราะให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ทั้งไทยและกัมพูชาจะต้องยึดตามกรอบการเจรจาทวิภาคี การเคลื่อนไหวที่นอกเหนือจากการเจรจาถือว่าเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ นอกจากนี้ระหว่างความสัมพันธ์ของรัฐบาลกับกองทัพ มีการพูดคุยอย่างต่อเนื่อง ว่าท่าทีของไทยจะเป็นอย่างไร อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ เพื่อรักษาอธิปไตยของไทย และยืนยันว่าไม่มีปัญหากันแน่นอน.-สำนักข่าวไทย

Hun Sen delivers speech in Cambodia's Senate

“ฮุน เซน” ขู่ให้ไทยเปิดด่านทั้งหมดภายในวันนี้

พนมเปญ 16 มิ.ย.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชาประกาศว่า ไทยต้องเปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดภายใน 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมด และห้ามสินค้าไทยทุกอย่างเข้ากัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายฮุน เซนยื่นคำขาดระหว่างกล่าวสุนทรพจน์พิเศษก่อนการประชุมวุฒิสภาในเช้าวันนี้ว่า เดิมกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมดในวันนี้ แต่รัฐบาลได้เลื่อนการตัดสินใจออกไป หลังจากที่เขาและนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีแพรทองธาร ชินวัตรของไทย หากไทยไม่เปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดอีกครั้งตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป กัมพูชาจะห้ามผักและผลไม้ผ่านจุดผ่านแดนทั้งหมดของกัมพูชา นอกจากนี้กัมพูชาจะยกเลิกมาตรการจำกัดการผ่านแดนกับไทยที่ใช้อยู่ในขณะนี้ หากทางการไทยกลับมาเปิดจุดผ่านแดนตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น.ตามเดิม นายฮุน เซนประกาศชัดเจนว่า ทางการกัมพูชาจะไม่มีวันนั่งโต๊ะเจรจากับทางการไทยเรื่องการจำกัดการผ่านแดน เนื่องจากไทยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน โดยได้ตั้งคำถามว่า กองทัพไทยเป็นฝ่ายจำกัดการผ่านแดน และเมื่อกัมพูชาทำเช่นเดียวกัน ก็ต้องการเจรจาเพื่อรักษาหน้าเช่นนั้นหรือ พร้อมกับสำทับว่า กัมพูชาจะไม่ปล่อยให้ชื่อเสียงประเทศตกอยู่ในความเสี่ยงเพราะความผิดพลาดของคนอื่น.-814.-สำนักข่าวไทย