กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – “บีไอจี” ประกาศทรานส์ฟอร์มองค์กร พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจด้วย Climate Technology คาดหวังรัฐบาลส่งเสริมเชื้อเพลิงไฮโดรเจน ประเมินมูลค่าไฮโดรเจนในไทย ปี 2025-2030 อยู่ที่ประมาณ 50,000 ล้านบาท
นายปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด (บีไอจี) เปิดเผยว่า ในโอกาสครบรอบ 35 ปีของบริษัท ประกาศทรานส์ฟอร์มองค์กร โดยต่อไปจะใช้ชื่อ “บีไอจี” เพื่อให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และการขับเคลื่อนเพื่อเป้าหมาย Net Zero ที่ “บีไอจี” มุ่งมั่นการพัฒนานวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรม เพื่อก้าวสู่เป้าหมายของความยั่งยืนอย่างแท้จริงด้วย Climate Technology สอดรับกับเป้าหมายของประเทศไทยในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี ค.ศ. 2050 และ Net Zero ภายในปี ค.ศ. 2065 ซึ่งขณะนี้เอง บีไอจี ก็ได้ลงมือทำไปแล้ว มีความก้าวหน้าในการลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิจากการลดใช้ไฟฟ้าในกระบวนการผลิตได้กว่า 20% แล้ว จากเป้าหมาย 33% ในปี ค.ศ. 2030 เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย Net Zero ด้วย Climate Technology ในปี 2050
นายปิยบุตร หนึ่งใน Climate technology ที่สำคัญคือ ไฮโดรเจน มีการประเมินมูลค่าทางเศรษฐกิจของไฮโดรเจนในไทย ในช่วงปี 2025-2030 คาดว่าอยู่ที่ประมาณ 50,000 ล้านบาท และภายหลังจากปี 2030 คาดว่าจะมีมูลค่าอยู่ที่ 200,000-300,000 ล้านบาท โดยขณะนี้หลายองค์กรเตรียมแผนงานเรื่องนี้ และ บีไอจี ร่วมมือกับกลุ่ม ปตท. และ โตโยต้า จัดตั้งสถานีบริการเติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจนให้กับภาคยานยนต์แห่งแรกในอาเซียน ในพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ตั้งแต่ปี 2565 และยังมีแผนนำเทคโนโลยีการเก็บกักคาร์บอนและเทคโนโลยีอิเล็กโตรไลซิส เพื่อพัฒนาไฮโดรเจนสีน้ำเงินและไฮโดรเจนสีเขียว ร่วมกับองค์กรชั้นนำในประเทศ โดยมุ่งเน้นโครงการสำคัญที่ทำได้จริง เพื่อผลักดันการเปลี่ยนผ่านจากพลังงานฟอสซิลไปสู่พลังงานไฮโดรเจนอย่างเต็มรูปแบบ
อย่างไรก็ตาม คาดหวังรัฐบาลวางโครงสร้างพื้นฐานซัพพลายเชนทั้งระบบ รวมถึงการทำภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) เช่นเดียวกับในต่างประเทศ จะมีการติดตามว่ามีการจัดการคาร์บอน รวมถึงนโยบายของภาครัฐในการบริหารจัดการทำ Net Zero ได้อย่างไร ให้เป็นรูปธรรม ส่วนการส่งเสริมการใช้ไฮโดรเจนในภาคยานยนต์นั้น สามารถแข่งขันกับยานยนต์ไฟฟ้าหรืออีวีได้ โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ขนส่งขนาดใหญ่ที่ต้องใช้ปริมาณเชื้อเพลิงให้สอดรับกับระยะทางตั้งแต่ 500-1,000 กิโลเมตร เพราะหากเป็นรถยนต์ขนส่ง EV จะต้องมีการติดตั้งแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ทำให้รถไม่สามารถบรรทุกสินค้าได้ในปริมาณมากเท่าที่ควร รวมถึงระยะเวลาการชาร์จต้องใช้เวลานาน เมื่อเทียบกับการใช้ก๊าซไฮโดรเจน ใช้เวลาเติมเพียง 3-5 นาที วิ่งได้ระยะไกลถึง 700 กิโลเมตร สามารถตอบโจทย์และใช้งานได้จริง
ปัจจุบัน “บีไอจี” เป็นผู้ผลิตไฮโดรเจนคาร์บอนต่ำเพื่อนำมาใช้ในงานพาณิชย์รายใหญ่ที่สุดในประเทศ มีความเชี่ยวชาญทางด้านนวัตกรรม และการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับไฮโดรเจน โดยบริษัทได้ใช้เทคโนโลยีจากบริษัทแม่ คือ แอร์โปรดักส์ สหรัฐอเมริกา ที่เป็นผู้ผลิตไฮโดรเจนรายใหญ่สุดของโลก ซึ่งกำลังมีโครงการใหญ่ที่มีมูลค่าการลงทุนกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการเกี่ยวกับไฮโดรเจนสีน้ำเงิน (Blue Hydrogen) และไฮโดรเจนสีเขียว (Green Hydrogen) ปัจจุบันมีความคืบหน้าโครงการไปแล้วกว่า 50% แล้ว และคาดว่าจะพร้อมใช้งานเต็มรูปแบบในปี ค.ศ. 2026-2027
นอกจากนี้ บีไอจียังได้พัฒนาอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ด้าน Climate Technology คือ สมาร์ทแพลตฟอร์มสำหรับการลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิของภาคอุตสาหกรรม ผ่านระบบ Carbon Accounting Platform. – สำนักข่าวไทย