กรุงเทพฯ 13 ก.ย.-“พีระพันธุ์” ถือฤกษ์ดี 14.59 น. เข้าบ้านพิบูลธรรม ก.พลังงานเดิม ทำงานวันแรก เตรียมคุมค่าการตลาดลดราคาเบนซินเป็นสเต็ปต่อไปหลัง ครม.ไฟเขียวลดดีเซล-ค่าไฟ
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ถือฤกษ์ดี วันที่ 13 ก.ย.66 เวลา 14.59น. เข้าทำงานที่บ้านพิบูลธรรม หรือกระทรวงพลังงานเดิม ถนนพระรามที่ 1 แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน อย่างเป็นทางการ หลังเลือกใช้เป็นสถานที่ทำงานแทนกระทรวงพลังงานแห่งใหม่ (อาคารเอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ ถนนวิภาวดีรังสิต)
โดยทันทีที่มาถึงนายพีระพันธุ์ ได้เข้าห้องทำงาน และพบกับหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงพลังงาน มารอต้อนรับ เช่น กรมพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานทดแทน (พพ.) กรมธุรกิจพลังงาน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ สำนักนโยบายและแผนพลังงาน บริษัทปตทจำกัดมหาชน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จากนั้นก็ได้นำ หน่วยงานในสังกัดและข้าราชการประจำกระทรวง สักการะพ่อปู่สิงห์สุระชัยยะเทวะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำบ้านพิบูลธรรม มีกลุ่มผู้สนับสนุนแต่งชุดไทยเข้าให้กำลังใจด้วย
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า นโยบายเร่งด่วนด้านพลังงานก็ได้ดำเนินการไปแล้วเมื่อเช้า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ คือ ปรับลดค่าน้ำมันดีเซล มีผล 20 ก.ย.66 ปรับลดค่าไฟฟ้า ให้เหลือ 4.10 บาท/หน่วย ส่วนก๊าซหุงต้ม พยายามจะยันราคาไว้ที่ 423 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ซึ่งยืนยันว่าทำได้แน่ ส่วนน้ำมันเบนซิน ก็เตรียมปรับลดให้กลุ่มเปราะบาง เช่น จักรยานยนต์รับจ้าง และแท๊กซี่ โดยจะร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังไปคุมค่าการตลาดไม่ให้เกิน 2 บาทต่อลิตร ก็จะช่วยให้ราคาปรับลดลงได้
โดยมาตรการลดค่าไฟฟ้า จะมีผลตั้งแต่เดือนกันยายน ถึงเดือนธันวาคม หลังจากนั้นก็จะหามาตรการอื่นๆต่อไป อย่างไรก็ตามการประมาณการความต้องการก๊าซในต้นปีหน้า เป็นต้นไป ความต้องการจะลดน้อยลง แต่ตั้งแต่ช่วงนี้ไปจนถึงสิ้นปีความต้องการจะมากขึ้น ราคาก็จะเพิ่มสูงขึ้น ตรงนี้เราจึงต้องพยายามไม่ให้ค่าก๊าซสูงขึ้น หากเราสารมารถใช้ก๊าซใกล้บ้านได้ ราคาก็จะสามารถปรับลดราคาลงได้ เช่นเดียวกับค่าดีเซล ถ้าลดได้เราก็จะลด
เมื่อถามว่าการปรับลดค่าไฟ จะทำให้ กฟผ.ต้องยืดหนี้ค่าเอฟทีที่แบกรับเอาไว้หรือไม่ นายพีระพันธุ์บอกก็ต้องบริหารจัดการเรื่องของเงิน เพื่อให้ภาระต่างๆยืดออกไป แต่ไม่ได้หมายความว่า จะไม่ชำระหนี้ แต่ขยับเวลาชำระหนี้เท่านั้นเอง ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันทีโดยไม่ต้องมีคำว่าขอพิจารณาก่อน มาตรการของเราคือทำอะไรได้ก็ทำไปก่อน และตอนนี้ยังไม่มีนโยบายออกพันธบัตร เพียงขยับเวลาชำระหนี้
“วันนี้ทำงานวันแรกก็ทำเรื่องลดพลังงานก่อน ส่วนเบนซินก็จะพยายามให้ลงเร็วที่สุด ค่าการตลาดปัจจุบันเก็บมากกว่า 2 บาท จึงทำให้ราคาเบนซินสูง ดังนั้นถ้าคุมราคาที่ 2 บาทได้ก็จะช่วยลดราคาลงได้ แต่เราไม่ได้ทำเฉพาะลดค่าการตลาด จะหาแนวทางอื่นๆเพื่อลดราคาด้วย แต่หากรอเบนซินอย่างอื่นก็เข้า ครม.ไม่ได้ จึงเอาเรื่องอื่นก่อน คาดเร็วๆนี้จะลดได้ เพราะวันรี้ไม่ทัน จึงเอามาตรการลดค่าการตลาดก่อน จากนั้นจึงจะ workout รายการอื่นๆ” นายพีระพันธุ์กล่าว
ส่วนการปรับโครงสร้างพลังงาน จะมีการทำแน่นอน จะให้เร็วที่สุด แต่ขอเวลา ทำงานก่อน เพราะวันนี้เพิ่งมาวันแรก ขณะที่นโยบายนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป ยืนยันว่า ยังคงเดินหน้าต่อ โดยแนวทางการเปิดเสรีนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจะเปิดให้กลุ่มคนที่ใช้น้ำมันจำนวนมากนำเข้าเองได้ เช่น น้ำมันดีเซลที่กลุ่มภาคขนส่งจะใช้จำนวนมาก หากมีศักยภาพในการเก็บน้ำมันก็จะเปิดให้กลุ่มเหล่านี้ นำเข้าน้ำมัน หรือ อาจจะรวมตัวกันจัดตั้งเป็นสหกรณ์และนำเข้าน้ำมันดีเซล เพื่อเป็นทางเลือกในการลดต้นทุนอีกทาง
วันนี้ นายพีระพันธุ์ ยังได้ให้แนวทางในการทำงานให้ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพลังงาน ว่า ต้องทำงานให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด มีปัญหาอะไรให้มาปรึกษาหารือกับตนได้โดยตรง ไม่ต้องเกรงใจ เพราะเป็นคนที่ง่ายๆ ไม่ต้องมีพิธีรีตอง.-สำนักข่าวไทย