รัฐบาลลดค่าไฟ-น้ำมันดีเซล กระตุ้นเศรษฐกิจ 4 เดือนหลังฟื้น

กรุงเทพฯ 13 ก.ย.-นักวิชาการ ชี้รัฐบาลประกาศลดน้ำมัน ลดไฟฟ้าในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี ใช้เม็ดเงินกว่า 3 หมื่นล้านบาท กระตุ้นภาคธุรกิจและลดค่าครองชีพให้ประชาชนได้แน่ ขณะที่ประธาน สรท.เห็นด้วยกับแนวทางลดทั้ง 2 รายการ ช่วยเพิ่มการแข่งขันการค้าได้ดีขึ้น 


รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจกล่าวถึงมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรีที่เห็นชอบให้ปรับลดค่าไฟฟ้าและค่าน้ำมันดีเซล โดยค่าไฟฟ้าลดเหลือ 4.10 บาท จาก 4.45 บาท เริ่มรอบบิลเดือนกันยายนนี้ และลดภาษีสรรพสามิตดีเซล 2.50 บาทจะทำให้ราคาน้ำมันดีเซลคงเหลือ 30 บาทต่อลิตร เริ่มได้ตั้ง 20 กันยายน ถึง สิ้นปี 31 ธ.ค. 66 นั้น โดยเห็นว่าการปรับลดทั้ง 2 รายการดังกล่าวจะเป็นการช่วยเหลือลดค่าครองชีพให้กับประชาชนทุกกลุ่มรวมถึงภาคเอกชน เพราะจะทำให้ภาพรวมของราคาสินค้าและบริการในด้านต่างๆไม่ปรับสูงขึ้น แต่ก็ต้องไปดูว่าเมื่อต้นทุนลดลงมาได้แล้วจะทำให้ราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคปรับลดลงตามได้มากน้อยแค่ไหน 

ทั้งนี้ คาดว่า การลดค่าไฟฟ้าและน้ำมันดีเซลเป็นระยะเวลาเกือบ 4 เดือนในครั้งนี้ น่าจะทำให้รัฐบาลใช้เม็ดเงินชดเชยไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท แยกเป็นค่าไฟฟ้าเกือบ 15,000 ล้านบาท และค่าน้ำมันดีเซลอีก 15,000 ล้านบาท โดยจะส่งผลให้กระตุกเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้เพิ่มขึ้น .1 % ของจีดีพี จะทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้เติบโตได้ 3-3.5 % ของจีดีพีและยังไม่ได้รวมกับนโยบายด้านฟรีวีซ่าภาคการท่องเที่ยวน่าจะยิ่งทำให้โอกาสที่เศรษฐกิจไทยเติบโตได้มากกว่า 3.5 % เป็นไปได้มากด้วยเช่นกัน 


ดร.ชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.)กล่าวว่ามติการปรับลดค่าครองชีพดังกล่าวตามมติคณะรัฐมนตรีนั้น เห็นว่ารัฐบาลดำเนินการมาถูกทางแล้ว เพื่อให้เศรษฐกิจไทยสามารถเดินหน้าต่อไปได้โดยเฉพาะมีการลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนและผู้ประกอบการ เพื่อให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนการผลิตไม่สูงขึ้น จะทำให้ภาคเอกชนสามารถแข่งขันการค้ากับหลายๆประเทศต่อไปได้ ดังนั้น จึงต้องขอขอบคุณรัฐบาลชุดนี้ที่กล้าตัดสินใจที่จะหาทางกระตุ้นภาคธุรกิจและลดค่าครองชีพให้กับประชาชน และเห็นว่าหากแนวทางดังกล่าวในช่วงที่ใช้ไปจนถึงสิ้นปีนี้แล้ว หากประเมินออกมาเห็นว่าเป็นแนทางที่ดีก็อยากให้รัฐบาลเดินหน้าโครงการนี้ต่อไปอีกด้วยเช่นกัน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขัง เจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

กองปราบฯ นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขังศาลอาญารัชดา เบื้องต้นท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว ด้านเจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

ครูปรีชาทนายตั้ม

“ครูปรีชา” หิ้วกาแฟ-ข้าวผัด เยี่ยม “ทนายตั้ม”

เกือบ 24 ชั่วโมง ที่ตำรวจกองปราบฯ คุมตัว “ทนายตั้ม-ภรรยา” มาสอบปากคำ เบื้องต้นทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธ เตรียมส่งตัวฝากขังบ่ายนี้ ส่วนคู่กรณีหวย 30 ล้าน “ครูปรีชา” นำข้าวผัดและกาแฟ เข้าเยี่ยม “ทนายตั้ม” พร้อมยืนยันคำเดิม “ความจริงก็คือความจริง”

นายกฯ เร่งตั้งทีม JTC เจรจา MOU44 คาดชัด 18 พ.ย.นี้

นายกฯ ยันรัฐบาลเร่งตั้งคณะกรรมการ JTC หารือเส้นเขตแดน MOU 44 และพลังงานใต้ทะเล คาด 18 พ.ย.นี้ ชัดเจน “ภูมิธรรม” มั่นใจกัมพูชายึดตามสนธิสัญญาเจนีวา แม้ไม่เข้าร่วม ย้ำมีผลผูกพันทุกประเทศทั่วโลก