กรมประมง- ปตท.สผ. ร่วมวิจัย ประยุกต์เปลี่ยนคาร์บอนฯเป็นหินแร่ในปะการังเทียม 

ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ 12 ก.ย. – กรมประมง- ปตท.สผ. ร่วมศึกษาวิจัย การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการเปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์เป็นหินแร่ในปะการังเทียม สร้างสมดุลทรัพยากรประมง และช่วยลดสภาวะโลกร้อน


กรมประมง โดยนายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง และบริษัทปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) หรือ ปตท.สผ. โดยนายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในโครงการศึกษาวิจัยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการเปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์เป็นหินแร่ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของปะการังเทียม และนำไปใช้เพื่อการฟื้นฟูทรัพยากรประมงทะเล มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และนำมาใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำเพื่อการประมง ฟื้นฟูและพัฒนาแหล่งอาศัยของสัตว์ทะเลให้มีความอุดมสมบูรณ์ ช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศ รวมถึง เพื่อส่งเสริมการพัฒนาองค์ความรู้ของประเทศในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งช่วยลดปัญหาสภาวะโลกร้อนไปพร้อมกัน

นายเฉลิมชัย  กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าสภาวะโลกร้อนเป็นปัญหาที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ รัฐบาลไทยได้กำหนดให้เป็นนโยบายสำคัญที่ทุกหน่วยงานต้องร่วมกันแก้ไขปัญหานี้ ในส่วนของภาคการประมงได้รับผลกระทบจากสภาวะโลกร้อนเช่นกัน โดยจากงานวิจัยต่าง ๆ ได้รายงานว่า สภาวะโลกร้อนได้ส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำ ทำให้อุณหภูมิของน้ำทะเลสูงขึ้น เพิ่มความเครียดต่อกระบวนการเมตาบอลิซึมในปลาทำให้ยากต่อการสืบพันธุ์ และเจริญเติบโต การศึกษาวิจัยในครั้งนี้ จึงถือได้ว่าเป็นก้าวที่สำคัญในการยกระดับเทคโนโลยีมาช่วยฟื้นฟูทรัพยากรประมงทะเลของไทยให้มีความยั่งยืนในอนาคต 


นายมนตรีกล่าวว่า ปตท.สผ. ได้ตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593 เพื่อสนับสนุนและขับเคลื่อนการดำเนินการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและมุ่งไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ หนึ่งในแนวทางที่ ปตท.สผ. ให้ความสำคัญคือการวิจัย พัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดย ปตท.สผ. ได้พัฒนาเทคโนโลยีในการเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นแคลเซียมคาร์บอเนตในชั้นปูน เพื่อนำมาประยุกต์และจัดสร้างเป็นปะการังเทียม ที่มีความแข็งแรงและไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีดังกล่าว นอกจากจะช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แล้ว ยังช่วยในการอนุรักษ์ระบบนิเวศทางทะเล เพิ่มพื้นที่แหล่งปะการังซึ่งเป็นแหล่งอาศัยและอนุบาลสัตว์น้ำ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความอุดมสมบูรณ์ให้กับท้องทะเลอีกด้วย

นอกจากความร่วมมือในโครงการศึกษาวิจัยการเปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์เป็นหินแร่ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของปะการังเทียมครั้งนี้แล้ว ปตท.สผ.  ยังพัฒนาโครงการและกิจกรรมอื่น ๆ ที่จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์อีกด้วย โดยเฉพาะเทคโนโลยีการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ Carbon Capture and Storage (CCS) ซึ่งอยู่ในระหว่างการศึกษาและพัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยเริ่มที่แหล่งก๊าซธรรมชาติอาทิตย์ในอ่าวไทย โดยจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ในปริมาณมาก.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สามีเข้าเกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาดับ

สลด! สามีขับรถใส่เกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาเสียชีวิตในบ้านพักย่านวิภาวดี ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเบื้องต้น นำตัวสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” เจ้าตัวปิดปากเงียบ

ตร.ไซเบอร์คุมตัว “เอ็ม เอกชาติ” ฝากขัง เจ้าตัวปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามสื่อ ด้านตำรวจพบเส้นทางการเงินจากเว็บพนัน กว่า 30 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

บกปภ.ช. แถลงความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือเหตุแผ่นดินไหว

บกปภ.ช. แถลงความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือเหตุแผ่นดินไหว สั่งพื้นที่เร่งสำรวจและให้ความช่วยเหลือ หากงบประมาณไม่เพียงพอให้ขอขยายวงเงินทันที ด้านอาคารที่ถล่มได้ส่งทีม USAR Thailand สลับกำลังเพิ่มเติม

นายกฯ กล่าวในวันอีฎิ้ลฟิตริ ฮ.ศ.1446 ส่งความปรารถนาดีชาวไทยมุสลิม

นายกรัฐมนตรี กล่าวในวันอีฎิ้ลฟิตริ ฮ.ศ.1446 ส่งความรัก ความปรารถนาดียังชาวไทยมุสลิมทุกคน ชื่นชมศรัทธาที่เข้มแข็ง ความอดทน อดกลั้น ความมุ่งมั่น เสียสละ

เร่งปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตจากใต้ซากอาคาร สตง.

ปฏิบัติการค้นหาผู้ติดใต้ซากอาคาร สตง. ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผ่านมาเกือบ 54 ชั่วโมงแล้ว ตอนนี้ยังไม่พบผู้รอดชีวิตเพิ่ม ส่วนยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดเพิ่มเป็น 11 รายแล้ว

สตง.ตั้งศูนย์ประสานงานช่วยผู้ประสบภัยตึกถล่มจากแผ่นดินไหว

สตง. เร่งตั้งศูนย์ประสานงานเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยและผู้ได้รับผลกระทบ จากกรณีอาคารที่ทำการสำนักงานแห่งใหม่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว พร้อมยืนยันกระบวนการดำเนินโครงการฯ เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย