เศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ แนะวิธีแจกเงินให้ได้ผลสูงสุด

กรุงเทพฯ 12 ก.ย.-เศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ แนะวิธีแจกเงินให้ได้ผลสูงสุดจากคนละครึ่งสู่คนละหมื่น รัฐบาลควรแจกเงินหมื่นหรือไม่ หรือจะกู้เงินจากไหน สัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่มาแน่ท่ามกลางความคาดหวังของประชาชนที่จะได้เงินก่อนสงกรานต์ปีหน้า ดังนั้น ควรถอดบทเรียนจากงานวิจัยโครงการ “คนละครึ่ง” แนะวิธีการแจกเงินแบบจำกัดการใช้จ่าย ใช้ให้บ่อย ใช้ให้นาน เม็ดเงินลงสู่เศรษฐกิจฐานรากได้มากที่สุด


รศ.ดร.อธิภัทร มุทิตาเจริญ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทว่า อยากให้รัฐบาลออกแบบวิธีการแจกเงินอย่างระมัดระวังและให้มีประสิทธิผลสูงสุด เนื่องจากฐานะทางการคลังของประเทศไทยไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนเมื่อก่อน โดยต้นทุนของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตกว่า 5 แสนล้านบาท จะคิดเป็นต้นทุนทางการคลังประมาณ 3.5% ของจีดีพีไทย

วิธีการแจกเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นบนโลกนี้อาจแบ่งได้เป็นสองแบบกว้าง ๆ แบบแรกคือ การแจกเงินแบบดั้งเดิม (Traditional Cash Stimulus) เป็นการให้เงินทั้งก้อนโดยตรง โดยไม่กำหนดวิธีการใช้จ่ายใด ๆ ซึ่งมักได้ประสิทธิผลต่ำ เนื่องจากประชาชนมักไม่นำเงินไปใช้จ่ายทั้งหมดในทันที หรือ อาจนำไปออมแทน อีกทั้งมีโอกาสนำเงินไปซื้อสินค้าใหญ่ชิ้นเดียว ทำให้ไม่เกิดการกระจายเงินอย่างทั่วถึง


ส่วนแบบที่สอง คือ การแจกเงินเพื่อการบริโภคโดยเฉพาะ (Consumption-mandated Stimulus) เป็นที่นิยมในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้ามากขึ้น ผ่านการใช้ดิจิทัลแพลตฟอร์มมาเป็นตัวกลางในการกำหนดเงื่อนไขการใช้จ่ายและกลุ่มเป้าหมาย ยกตัวอย่างเช่น ประเทศจีนที่มีการให้คูปองดิจิทัลผ่านการกำหนดเงื่อนไขการจ่ายร่วม (Co-payment) โดยรัฐจะให้คูปองส่วนลดเมื่อประชาชนใช้จ่ายถึงยอดที่กำหนด และประเทศไทยที่รัฐร่วมจ่ายครึ่งหนึ่งในโครงการคนละครึ่งผ่านแอพเป๋าตัง

“การประเมินจากฝั่งรัฐบาลว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นถึง 6 เท่า หรือ 3 ล้านล้านบาทจากนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ดูจะเป็นตัวเลขที่สูงเกินจริง อย่างไรก็ตามการออกแบบนโยบายการแจกเงินโดยมีเงื่อนไขให้คนควักกระเป๋าตัวเองออกมาจ่ายด้วย จะช่วยให้เราเห็นประสิทธิผลที่สูงขึ้นได้”รศ.ดร.อธิภัทร กล่าว

รศ.ดร.อธิภัทรได้ร่วมกับ LINE MAN Wongnai ในการทำวิจัยเรื่อง Digital Fiscal Stimulus, SMEs, and the Consumer: Insights from Thailand’s Half and Half program เพื่อศึกษาผลกระทบของโครงการคนละครึ่งต่อพฤติกรรมของร้านค้าและผู้บริโภค ผลการวิจัยชี้ว่า ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเมื่อเปรียบเทียบกับร้านค้าที่ไม่เข้าร่วม โดยกลไกหลักของโครงการคนละครึ่งคือ การขยายฐานลูกค้าให้แก่ร้านที่เข้าร่วมโครงการ นอกจากนี้ อีกข้อค้นพบที่สำคัญคือ แม้จะจบโครงการไปแล้ว แต่ยอดขายของร้านค้าที่เข้าร่วมยังคงเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับก่อนเข้าโครงการ เพราะร้านค้าเป็นที่รู้จักมากขึ้น ได้ฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น


“การกำหนดให้ผู้บริโภคร่วมจ่ายด้วยจะช่วยเพิ่มประสิทธิผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามสำหรับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต หากรัฐบาลไม่ต้องการให้ผู้บริโภคร่วมจ่ายด้วยเหมือนคนละครึ่ง ก็ควรกำหนดเงื่อนไขให้มีเพดานจำกัดการใช้จ่ายในแต่ละครั้ง ไม่ให้ใช้ทีเดียวหมด จะเป็นการกระจายฐานลูกค้าไปยังร้านค้าอื่น ยิ่งหากโฟกัสที่ร้านค้าขนาดเล็ก จะมีโอกาสสร้างผลกระทบเชิงบวกในระยะยาวอย่างที่รัฐบาลคาดหวังไว้”รศ.ดร.อธิภัทร กล่าว

ทั้งนี้ การกำหนดประเภทของสินค้าที่ต้องใช้จ่ายมีผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคเช่นกัน ควรเป็นการกำหนดให้ซื้อเฉพาะสินค้าไม่คงทน เช่น อาหาร แต่หากอนุญาตให้ซื้อสินค้าคงทนได้แบบครั้งเดียวจบ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ ผู้บริโภคจะตัดสินใจซื้อวันนี้ และไม่มีความจำเป็นต้องซื้อในอนาคตอีกต่อไป ผลที่ได้จึงเป็นเพียงการโยกเงินในอนาคตมาใช้ก่อน (Intertemporal Substitution) มีตัวอย่างโครงการในสหรัฐอเมริกาที่ชื่อว่า Cash for Clunkers สมัยวิกฤติซับไพรม์ปี 2009 ที่รัฐบาลสหรัฐแจกเงินประมาณ 3,500 – 4,500 ดอลลาร์สหรัฐ ในการกระตุ้นให้คนซื้อรถใหม่เพิ่มขึ้น แต่หลังจากจบโครงการ ยอดขายรถยนต์ดิ่งลงอย่างชัดเจน ในขณะที่งานศึกษาของรศ. ดร.อธิภัทร ไม่พบการโยกเงินในอนาคตลักษณะนี้จากโครงการคนละครึ่ง ซึ่งส่วนมากเป็นการซื้ออาหารต่าง ๆ

นอกจากนี้ รศ.ดร.อธิภัทร แสดงความกังวลว่าวินัยการคลังที่เคยเป็นจุดแข็งของประเทศไทยมาตลอดกำลังกลายเป็นจุดอ่อน โดยชี้ว่าการหาแหล่งเงินเพื่อสนับสนุนโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนี้อาจทำให้รัฐต้องปรับแก้กรอบวินัยที่ควบคุมการกู้เงินต่าง ๆ ซึ่งหากรัฐบาลไม่สามารถหาข้อสนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่นี้ได้แข็งแรงเพียงพอ ความพยายามที่จะแก้กรอบวินัยการคลังเหล่านี้อาจทำให้สถาบันจัดอันดับความเสี่ยงต่าง ๆ ลดอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลได้ ซึ่งจะส่งผลต่อต้นทุนการกู้ยืมของประเทศในอนาคต.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

ฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ส่งสุขรับปีใหม่

ส่งความสุขรับปีใหม่ กับฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ศิลปินลูกทุ่งเกือบ 100 ชีวิต ร่วมโชว์จัดเต็ม

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

เด้ง ตร.จราจร ปมคลิปรับเงินแลกไม่เขียนใบสั่ง

ผบก.ภ.จว.นนทบุรี สั่งย้าย “รอง สว.จร.สภ.รัตนาธิเบศร์” เซ่นคลิปรับเงินแลกไม่ออกใบสั่ง พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 3 วัน ด้านเจ้าตัวอ้างไม่เห็นเงินที่วางบนโต๊ะในตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร