กทม. 2 ส.ค.-ประธานสภาอุตฯ เชื่อพรรคเพื่อไทย ต้องระดมบุคลากรมาช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ย้ำต้องเร่งแก้ปัญหาปากท้อง พร้อมเสนอแนวทางกระตุ้นเศรษกิจ
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เผยว่า หน้าตา ครม. เศราฐา1 ที่ได้รับโปรดเกล้าฯ วันนี้ ก็ไม่ได้ผิดจากโผที่มีออกมาก่อนหน้าสักเท่าไหร่ มีเพียงสองคนที่หลุดจากโผ คือนายพิชิต และนายไผ่ ลิกค์ แต่ทั้ง 2 คนก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ ครม.เศรษฐกิจ ที่ภาคเอกชนจับตา เนื่องจากมีความกังวลตั้งแต่ต้น ว่าโครงสร้างพรรคร่วมรัฐบาลที่มีมากถึง 11 พรรคอาจจะทำให้มีปัญหาเรื่องการจัดสรรโควตาบ้าง เมื่อสรุปรายชื่อที่ออกมาแล้ว ครม.เศรษฐกิจ หลายคนก็ได้เคยเห็นผลงาน แต่สำหรับบางคนที่ยังไม่เคยเห็นก็ต้องให้โอกาสทำงาน และดูว่ารัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย และนายเศรษฐา จะทำอย่างไรในการนำพาทีมเศรษฐกิจ ให้ขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน ที่สำคัญคือจะทำอย่างไรเพื่อสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน
อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีประสบการณ์ทางด้านเศรษฐกิจ ต้องระดมบุคลากรมาช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทยให้ฟื้น ท่ามกลางความท้าทายรอบด้าน โดยเฉพาะของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยที่อยู่ในช่วงเปราะบาง ซึ่งทีมเศรษฐกิจต้องทำงานทันทีและทำแบบเต็มที่ ที่สำคัญคือเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ประเทศชาติและประชาชน เป็นที่ตั้ง พร้อมย้ำปัญหาที่อยากให้เร่งแก้ไข คือ ปัญหาปากท้องที่เคยพูดมาอย่างต่อเนื่อง เพราะตอนนี้หลายอย่างค่อนข้างจมลึก ไม่ว่าจะเป็นหนี้ครัวเรือน ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน ปัญหาต้นทุนการผลิต ดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้นล้วนกดทับเศรษฐกิจไทย และต้องหาโครงการใหม่ใหม่มากระตุ้นเศรษฐกิจกระตุ้นอัดฉีดเม็ดเงิน การจ้างงาน ส่วนเรื่องที่สองคือ การดูโครงสร้างเศรษฐกิจ การหาตลาดใหม่ๆ ด้านการส่งออก เพราะตอนนี้ตลาดหลักทั่วโลกทั้งอเมริกา ยุโรป จีนไม่ดี ดังนั้นจึงต้องรีบเร่งแสวงหาตลาดใหม่ เจรจา FTA ที่ยังคั่งค้างกับประเทศต่างๆ ให้เร็วที่สุด เช่น FTA EU เพื่อไม่ให้เสียเปรียบประเทศเพื่อนบ้าน และรัฐบาลจะต้องหาแนวทางขับเคลื่อนเครื่องยนต์เศรษฐกิจตัวสำคัญ อย่างการท่องเที่ยวเพื่อให้ได้นักท่องเที่ยวตามเป้าหมายคือ 30 ล้านคน และเป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพสามารถจับจ่ายใช้สอยเต็มที่เพื่อทำให้เม็ดอัดฉีดเข้ามาในระบบ
อย่างไรก็ตาม คาดว่าเร็วๆ นี้ กกร. และสภาอุตสาหกรรม จะได้มีโอกาสหารือกับนายกฯ และทีมเศรฐกิจ เพื่อเสนอแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจ ผลักดันการแก้ไขปัญหาตามข้อเสนอที่รวบรวมเอาไว้ในสมุดปกขาว ซึ่งก่อนการเลือกตั้งได้มีการส่งให้กับพรรคการเมืองต่างแล้วรวมถึงหน่วยงานราชการแล้ว โดยเฉพาะแนวทางกระตุ้นการส่งออกของไทยในครึ่งหลังปี 2566 และนอกจากนี้ยังจะนำเสนอปัญหาใหม่ที่กำลังจะเป็นปัญหาใหญ่ในประเทศไทย ที่ผู้ประกอบการกว่า 20 อุตสาหกรรมใน ส.อ.ท. ได้รับผลกระทบ เนื่องจากมีสินค้าราคาถูกจำนวนมากทะลักเข้ามาไทย ทำให้ผู้ประกอบการขายสินค้าไม่ได้ ปัญหาติดขัดเรื่องการส่งออกที่เร่งแก้ไข เช่น อุตสาหกรรมไม้อัดไม้บาง ที่ติดอยู่ที่ท่าเรือโดยไม่ทราบสาเหตุ และจะขยายผลเรื่องการบริหารจัดการน้ำจากปัญหาภัยแล้ง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการขยับอะไร โดยจะเสนอการแก้ไขปัญหาในระยะยาว อาจมีการรื้อโครงการบริหารจัดการน้ำจากต่างประเทศกลับมาอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย