กรุงเทพฯ 31 ส.ค.- ธปท.เผยเตรียมปรับลดจีดีพีปี 2566 หลังส่งออกชะลอตัว และยอดใช้จ่ายนักท่องเที่ยวไม่เป็นไปตามคาด ส่วนนโยบาย “กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท” ที่จะใช้เงิน 5 แสนล้านบาท หรือ 3 % ของจีดีพี
นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงภาวะะเศรษฐกิจและการเงินประจำเดือน ก.ค.2566 โดยภาวะเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัว การใช้จ่ายในประเทศเพิ่มขึ้นจากทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน ส่วนหนึ่งการบริโภคได้รับผลดีจากช่วงวันหยุดยาว ทั้งนี้ ปัจจัยสนับสนุนกำลังซื้อภาคครัวเรือนด้านการจ้างงานนอกภาคเกษตรปรับดีขึ้น ขณะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับลดลงบ้างจากความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาล ด้านจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวรัสเซียที่มีการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินระหว่างรัสเซียและไทยมากขึ้น ส่วนนักท่องเที่ยวบางสัญชาติ อาทิ ออสเตรเลีย สิงค์โปร และยุโรป ปรับลดลงเล็กน้อย ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวจากรายจ่ายลงทุนด้านคมนาคม
ส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้าปรับลดลงจากหมวดอิเล็กทรอนิกส์และเกษตรเป็นสำคัญ โดยเฉพาะฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ไปฮ่องกงและสหรัฐฯ, ทุเรียนไปจีนที่ลดลงตามผลผลิตที่หมดฤดูกาล และเคมีภัณฑ์ไปจีนและอาเซียน ส่วนหนึ่งจากอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่ชะลอลง การส่งออกสินค้าหมวดยานยนต์เพิ่มขึ้นหลังปัญหาด้านอุปทานทยอยคลี่คลาย รวมทั้งหมวดเกษตรแปรรูปที่เพิ่มขึ้นตามการส่งออกอาหารกระป๋องไปสหภาพยุโรปและอาหารสัตว์ไปจีน
ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากหมวดพลังงาน ตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ส่วนหมวดอาหารสดปรับลดลงจากทั้งผลของฐานสูงในปีก่อน และราคาเนื้อสุกรและผักที่ลดลง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานลดลงจากผลของฐานสูงในราคาอาหารสำเร็จรูป ด้านตลาดแรงงานยังฟื้นตัว สะท้อนจากจำนวนผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในภาคบริการ สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลจากดุลการค้าที่เกินดุลลดลงตามมูลค่าการส่งออกเป็นสำคัญ ด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐเฉลี่ยแข็งค่าขึ้น เนื่องจากตลาดปรับลดการคาดการณ์การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกอบกับสถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลของไทยมีทิศทางที่ชัดเจนขึ้นในช่วงปลายเดือน
สำหรับแนวโน้ม เดือน ส.ค.2566 กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังพึ่งพาการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ ขณะที่ภาคการส่งออกสินค้ายังมีความเสียง ส่วนในระยะต่อไปต้องติดตาม การชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้า, นโยบายของรัฐบาลใหม่ และผลกระทบของเอลนีโญต่อผลผลิตและราคาสินค้าเกษตร
“แม้ภาวะเศรษฐกิจอยู่ในทิศทางฟื้นตัว แต่จากภาวสะการส่งออกที่ชะลอตัว และยอดใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวที่ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ จึงทำให้ ธปท.มีแนวโน้มที่จะปรับลดประมาณการณ์ทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปีนี้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี” นายสักกะภพ กล่าว
ส่วนนโยบาย “กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000บาท” ของรัฐบาลใหม่ ที่จะใช้เงินประมาณ 5 แสนล้านบาท หรือ 3 % ของจีดีพีจะเป็นการหมุนเงิน 1 รอบในระบบ เนื่องจากมองว่าหากพิจารณาจากรูปแบบที่เป็นเงินโอน ประชาชนก็จะมีการใช้จ่ายในวิถีชีวิตเดิมๆ เช่น ซื้อของอุปโภคบริโภค อย่างไรก็ตาม ยังต้องรอดูความชัดเจนสำหรับวิธีการนำไปใช้ ทั้งนี้ ธปท. ยังไม่มีการนำนโยบายดังกล่าวมาเป็นปัจจัยในการประมาณการณ์จีดีพีและเงินเฟ้อในปีนี้.-สำนักข่าวไทย