จัดแข่งขันด้านวาณิชธนกิจในตลาดทุนครั้งแรกในไทย

กรุงเทพฯ 30 ส.ค.- IB Club ร่วมกับพันธมิตร  จัดแข่งขันด้านวาณิชธนกิจในตลาดทุนครั้งแรกในไทย เตรียมความพร้อมนิสิตนักศึกษา เข้าสู่สายอาชีพด้านวาณิชธนกิจ (IB)


ชมรมวาณิชธนกิจ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (IB Club) ร่วมกับ บริษัท ฟินน์คอร์ป แอดไวซอรี่ จำกัด จัดงานCapital Market Case Competition in Investment Banking (“CMCC”) การแข่งขันด้านวาณิชธนกิจในตลาดทุนครั้งแรกในไทย หัวข้อ “ทางเลือกใหม่ของการระดมทุน (Alternative Ways of fundraising)” สนับสนุนให้เยาวชนนิสิต นักศึกษา พัฒนาความรู้ เตรียมความพร้อมเข้าสู่สายอาชีพด้านวาณิชธนกิจ (IB) ภายใต้การดูแลและการให้คำแนะนําจากผู้เชี่ยวชาญ ผ่านเข้ารอบ 5 ทีม ลุ้น Final Round วันที่ 10 ก.ย. 2566 ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า250,000 บาท

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานกรรมการชมรมวาณิชธนกิจ เปิดเผยว่า ชมรมวาณิชธนกิจ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (IB Club) และ บริษัท ฟินน์คอร์ป แอดไวซอรี่ จำกัด ร่วมกันจัดงาน Capital Market Case Competition in Investment Banking (“CMCC”) การแข่งขันด้านวาณิชธนกิจในตลาดทุนครั้งแรกของประเทศไทย ภายใต้หัวข้อ “ทางเลือกใหม่ของการระดมทุน(Alternative Ways of fundraising)”


การจัดโครงการ CMCC มีวัตถุประสงค์เพื่อค้นหาและดึงดูดนิสิตนักศึกษาที่มีความสามารถเข้าสู่เวทีการแข่งขัน และสนับสนุนให้ผู้เข้าร่วมแข่งขันมีโอกาสพัฒนาความรู้เกี่ยวกับตลาดทุนเพิ่มเติมในประเด็นที่ตนเองสนใจ รวมถึงแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้บริหารในสายงานวาณิชธนกิจ เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่สายอาชีพด้านวาณิชธนกิจหรือที่ปรึกษาการเงินในตลาดทุน สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) ในการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดทุน การลงทุนและการพัฒนาตลาดทุน ให้แก่ผู้ลงทุน ประชาชน หน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้อง

“ในช่วงเวลา 20 ปีที่ผ่านมา จำนวนบริษัทจดทะเบียนและมูลค่าตลาดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดเอ็มเอไอ (mai) มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นความสนใจของกิจการที่ต้องการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เช่นเดียวกับตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีจำนวนตราสารและมูลค่าที่เสนอขายต่อนักลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ขณะที่จำนวนผู้ที่เข้ามาทำงานและสอบผ่านหลักสูตรที่ปรึกษาทางการเงินรวมถึง ผู้ควบคุมการปฏิบัติงานที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. กลับมีจำนวนเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่น้อยกว่ามาก ส่งผลให้ปัจจุบันบุคลากรด้านวาณิชธนกิจมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดทุน

เพื่อมิให้เกิดข้อจํากัดทางด้านบุคลากรด้านวาณิชธนกิจหรือที่ปรึกษาการเงินในตลาดทุน ในการให้คำปรึกษาต่อกิจการ ไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกรรมการระดมทุนในรูปแบบต่างๆ  การควบรวมกิจการ รวมถึงการทำรายการสำคัญของบริษัทจดทะเบียน ชมรมวาณิชฯ  จึงดำเนินการจัดโครงการ CMCC ขึ้นเป็นครั้งแรก และคาดหวังว่าจะสามารถดึงดูดนักศึกษาให้เกิดความเข้าใจและสนใจเข้ามาทำงานด้านวาณิชธนกิจ อันจะเป็นการสร้างบุคลากรให้มีเพียงพอต่อความต้องการของตลาดทุน และสามารถเชื่อมโยงความต้องการของบริษัทสมาชิกของชมรมวาณิชธนกิจ” นายสมภพ กล่าว


นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะประธานกรรมการจัดงาน กล่าวเสริมว่า โครงการ CMCC อยู่ภายใต้การดูแลและการให้คำแนะนําจากคณะกรรมการโครงการ ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากคณะกรรมการชมรมวาณิชธนกิจ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และบริษัทฟินน์คอร์ป แอดไวซอรี่ จำกัด รวมทั้ง ได้รับการสนับสนุนการดำเนินการจากองค์กรต่าง ๆ ในภาคตลาดทุน มหาวิทยาลัย ทั่วประเทศ และองค์กร AIESEC in Thailand โดยในปีนี้ทางโครงการได้รับความอนุเคราะห์จากบริษัทฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (FMART) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนที่นำมาใช้เป็นโจทย์สำหรับการแข่งขันกรณีศึกษาในรอบสุดท้าย

นอกจากนี้ โครงการ CMCC ยังได้มีการจัดทำ Ed-Tech E-Learning Platform ที่สามารถให้บุคลากรในอุตสาหกรรมและนิสิตนักศึกษาสามารถเข้าเรียนรู้ ได้ตลอดเวลา โดยทีมงานมีการพัฒนาเนื้อหาหลักสูตรใหม่ ๆ ในPlatform ให้เป็นปัจจุบันและสอดคล้องกับยุคสมัยอยู่เสมอ รวมทั้ง เปิดหลักสูตรการเรียนรู้ต่าง ๆ มากกว่าแค่เรื่องการเงิน เช่น หลักสูตรการทำ Finance-UX/UI หลักสูตรกฎหมายตลาดทุนไทย เป็นต้น รวมทั้ง องค์กรที่เข้ามาใช้บริการ Platform จะสามารถเข้าถึงเครือข่ายเยาวชนที่สนใจหางานในอุตสาหกรรมผ่าน Platform ด้วย

“โครงการนี้จะเกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย ทั้งบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน นิสิต นักศึกษา ผู้จบการศึกษาใหม่ที่อยากจะเข้ามาทำงานในสายอาชีพนี้ รวมถึงจะช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนบุคลากรด้านวาณิชธนกิจ และเชื่อมโยงความต้องการที่ตรงกันของบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินและเยาวชนไทย โดยในท้ายสุดจะเกิดประโยชน์กับตลาดทุนโดยรวมจากการที่มีบุคลากรที่เหมาะสมและเพียงพอ” นายสมศักดิ์ กล่าว

นายพรพุทธ ริจิรวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินและการลงทุน ฟินน์คอร์ป ในฐานะผู้อำนวยการจัดงานและผู้รับผิดชอบโครงการ CMCC กล่าวว่า สำหรับการแข่งขันโครงการ CMCC ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปีนี้ ได้ผ่านกระบวนการคิด กลั่นกรอง เพื่อให้ได้แนวทางที่เหมาะสมและชัดเจนที่สุด โดยโจทย์การแข่งขันในปี2023 คือ “Alternative ways of Fund Raising ทางเลือกใหม่ของการระดมทุน สำหรับบริษัทจดทะเบียน” เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องมือทางการเงินและคิดค้นกลยุทธ์ที่บริษัทจดทะเบียนขนาดกลาง โดยให้ผู้เข้าแข่งขันร่วมมือกันเสนอแนวคิดและแนวทางใหม่ ๆ แก่บริษัทที่เป็นกรณีศึกษา ในการพัฒนาแนวคิดการระดมทุนและขยายกิจการของบริษัท

ปัจจุบัน ได้ดำเนินการแข่งขัน และคัดเลือกเหลือ 5 ทีมเรียบร้อยแล้ว โดยการแข่งขันในรอบที่ 3 จะมีขึ้นในช่วง 27 สิงหาคม จนถึง 10 กันยายน 2566 ซึ่งโจทย์คือ “Work with your Mentor, Do anything to win the competition – CMCC 2023!” เป็นการนำผลงานในรอบที่ 2 มาปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์และดีที่สุดเพื่อนำเสนอ On Stage โดยเปรียบเสมือนการที่ได้เข้า Pitch งานจริงกับลูกค้า ผู้เข้าแข่งขันจะต้องมีแนวทางการนำเสนอที่ตื่นเต้น น่าฟัง และโน้มน้าวคนฟังได้อย่างน่าสนใจ

ผู้เข้าแข่งขันแต่ละทีม นอกจากจะได้รับความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ และมิตรภาพจากการเข้าร่วมแข่งขันแล้ว ผู้เข้าร่วมทุกคนยังมีโอกาสได้รับเลือกให้เข้าทำงานกับบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินชั้นนำของไทย มากไปกว่านั้น ผู้เข้าร่วมการแข่งขันยังมีโอกาสได้ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 250,000 บาท.-สำนักข่าวไทย        

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

EOD เร่งกู้ระเบิดตกค้าง-พิสูจน์กลิ่นศพทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 4 ส.ค. – ตลอดทั้งวัน ชุด EOD ตรวจสอบพื้นที่ตามแนวปะทะ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พบวัตถุระเบิดและลูกกระสุนปืนใหญ่ตกค้างรวมกว่า 140 ลูก ใน 34 จุด ขณะที่กลิ่นศพทหารกัมพูชา ยังไม่ส่งผลกระทบฝั่งไทย แต่ชาวบ้านในพื้นที่ยืนยันมีกลิ่นจริง ตลอดทั้งวัน ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD ของตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 และตำรวจภูธรพนมดงรัก รวมถึง ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ หรือ TMAC เข้าตรวจสอบพื้นที่ตามแนวปะทะใน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังสถานการณ์ปะทะสงบลง โดยพบวัตถุระเบิดและลูกกระสุนปืนใหญ่ตกค้างรวมกว่า 140 ลูก ใน 34 จุด หัวหน้าชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดให้ข้อมูลว่า ระเบิดส่วนใหญ่ทำงานไปแล้ว เหลือเพียง 7 จุดที่ยังคงอยู่ระหว่างการเก็บกู้ แต่มีบางจุดที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าปฏิบัติงานได้ เนื่องจากอยู่ติดแนวชายแดน และอาจสร้างความเข้าใจผิดให้กับทหารทั้ง 2 ฝ่ายที่ยังคงตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่ อีกทั้งสภาพพื้นที่เป็นโคลนตม ทำให้บางจุดลูกระเบิดฝังลึกมาก ทำให้การเก็บกู้ยากลำบาก จึงทำได้เพียงล้อมรั้วแสดงสัญลักษณ์ให้ทราบ เพื่อความปลอดภัยและไม่ให้ผู้คนเข้าใกล้ […]

มทภ.2 หวัง GBC ได้ข้อสรุปที่ดี ลั่นไม่ถอยกำลังทหาร

กองทัพบก 4 ส.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่น ไม่ถอยกำลังทหาร หวังถก GBC ได้ข้อสรุปที่ดี แต่ยังคาดหวังอะไรไม่ได้หากสองประเทศยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกันก็จบง่าย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปชายแดนไทย-กัมพูชา (GBC) ที่ประเทศมาเลเซีย ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าคุยเรื่องอะไรกัน แต่ก็คาดหวังว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี หาข้อตกลงร่วมกันให้ดีที่สุด ส่วนที่หลายฝ่ายมีความกังวลสถานการณ์ชายแดน หลังวันที่ 7 สิงหาคม จะมีความตึงเครียดนั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของผู้นำทั้งสองประเทศ จะเจอกันตรงจุดไหน หากยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกัน ก็จบง่าย ซึ่งตอนนี้ยังคาดเดาอะไรไม่ได้ ว่าผลจะออกมาอย่างไร เมื่อถามว่า ประเด็นเรื่องการถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน ยืนยันว่า “กองทัพไม่ถอย เพราะเรารุกในเขตพื้นที่อธิปไตยของเรา” สำหรับการดูแลชายแดนไทย-กัมพูชา กองทัพทั้งสองประเทศได้ปฏิบัติตามข้อตกลงการหยุดยิง ที่สองรัฐบาลได้พูดคุยกันไว้เพื่อความสงบสุขบริเวณชายแดน ซึ่งเราพยายามทำให้ดีที่สุด แต่ยอมรับว่า มีปัญหาเรื่องโดรนไม่ทราบฝ่าย ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 ได้บูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้น รวมถึงการติดตามกลุ่มบุคคลที่ทำตัวเป็นสายลับ และไส้ศึก […]

สำนักโฆษก กห. พาย้อนเหตุการณ์ยุคเขมรแดงปี 1979-1980

4 ส.ค.- เตือนความจำเขมร! สำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม โพสต์ย้อนเหตุการณ์ไทยช่วยเขมร ยุคเขมรแดง ปี 1979-1980 เปิดประตูรับคนเขมรเป็นที่พึ่งสุดท้าย-เปิดค่ายพักพิงแบบไม่ลังเล วันนี้(4 ส.ค.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจสำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม ได้เผยแพร่ข้อมูลการช่วยเหลือของฝ่ายไทยที่มีต่อชาวกัมพูชาในยุคเขมรแดง โดยข้อความระบุว่า จากคนที่หนีตายสู่คนที่หันปากกระบอกปืนกลับมา” เมื่อ ‘เขมร’ ลืมทุกอย่างที่ไทยเคยมอบให้ ปี 𝟏𝟗𝟕𝟗… ชาวกัมพูชานับแสน นับล้าน วิ่งหนีตายจากนรกบนดินที่ชื่อว่า “เขมรแดง” ข้ามพรมแดนมายังไทย ในสภาพหมดเรี่ยวแรง หิวโหย และเกือบสิ้นลมหายใจ คนไทยเปิดประตูให้เขาพักพิง ตอนนั้นประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียง “เพื่อนบ้าน” แต่กลายเป็น “ที่พึ่งสุดท้าย” เราส่งอาหาร เราเปิดค่ายพักพิง เราช่วยเหลือทั้งในนามรัฐบาล องค์กรพัฒนาเอกชน และแม้แต่ชาวบ้านธรรมดา ๆ ที่ยอมแบ่งข้าวเพียงคำเดียวให้ผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชา การอพยพที่ไม่มีแผนที่เริ่มตั้งแต่ต้นปี 𝟏𝟗𝟕𝟗 จนถึงต้นยุค 𝟏𝟗𝟖𝟎𝐬 มีชาวกัมพูชาจำนวนมหาศาล บางแหล่งบอกว่ารวมกันถึง 𝟔 แสนถึง 𝟖 แสนคน อพยพอย่างไร้ทิศทางบางคนเดินเท้าเป็นร้อยกิโลเมตรจากกลางประเทศกัมพูชา หลายคนไร้เอกสาร ไม่มีอาหาร ไม่มีเป้าหมาย […]

กต. จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศ

ก.ต่างประเทศ 4 ส.ค.-กต. จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา คาดแจงข้อมูลที่บิดเบือน หลังกัมพูชาปล่อยเฟคนิวส์ต่อเนื่อง ด้าน “มาริษ” ย้ำไทยไม่ได้เริ่มก่อน ยึดแก้ปัญหาผ่านกลไกทวิภาคี เรียกร้องกัมพูชายึดหลักสันติวิธี-จริงใจ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ร่วมกับ นายปิยภักดิ์ ศรีเจริญ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก และ นางสาวพินทุ์สุดา ชัยนาม อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ณ ห้องนราธิป กระทรวงการต่างประเทศ โดยคาดว่าจะเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริงภายหลังจากที่ฝ่ายกัมพูชามีการให้ข้อมูลที่บิดเบือนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ก่อนการบรรยาย นายมาริษ กล่าวเปิดโดยขอบคุณผู้ที่เข้าร่วมรับฟังการบรรยายในวันนี้ พร้อมชี้แจงถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และท่าทีของไทยต่อกรณีดังกล่าว โดยตนตั้งใจจะแบ่งการบรรยายเป็น 2 ประเด็นหลัก คือ 1. การเจรจาหยุดยิงที่มาเลเซียเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งไทยขอประท้วงต่อฝ่ายกัมพูชากรณีที่ละเมิดกฎหมายมนุษยชนและใช้ความรุนแรง โดยมีเป้าหมายแบบไม่เลือกเป้าและโจมตีไปที่พลเรือน รวมถึงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งขัดต่อหลักการของอนุสัญญาออตโตวา ในขณะที่ไทยปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด จึงหวังเป็นอย่างยิ่งให้กัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างจริงใจด้วยเช่นกัน ภายใต้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ส่วนประเด็นที่ 2 คือการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ระหว่างวันที่ 4-7 สิงหาคม […]