พาณิชย์เตรียมแผนรับมือส่งออกเสนอต่อ รมว.พาณิชย์คนใหม่

นนทบุรี 24 ส.ค.-อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เตรียมแผนรับมือการส่งออกช่วงที่เหลือปีนี้ เพื่อเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ ชี้ยังมั่นใจตัวเลขส่งออกทั้งปียังเป็นบวก 1-2% เนื่องจากหลายสินค้าไทยยังขยายตลาดและมีความต้องการสูง โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอาหาร


นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กล่าวว่า กรมฯ อยู่ระหว่างติดตามว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่เป็นใคร เพื่อจะได้เตรียมแผนงานที่จะต้องรายงาน หากเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ได้ประกาศไว้ “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” ทางกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจะต้องทำการบ้าน เพื่อหานโยบายที่ต่อยอด หรือตอบโจทย์ทางด้านนโยบายได้ ขณะเดียวกัน ก็ยังคงเน้นตอบสนองความต้องการของภาคเอกชน ทั้งเรื่องการดูแลต้นทุนวัตถุดิบ อาทิ อาหารสัตว์ เร่งหาตลาดส่งออกใหม่และเมืองรองในประเทศใหญ่ๆ มากขึ้น รวมถึงผลักดันการเจรจาเขตการค้าเสรี หรือ FTA ฉบับใหม่ๆ ให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว

สำหรับตัวเลขการส่งออกในปีนี้ กรมฯ ยังยืนยันตัวเลขเป้าหมายการทำงาน หรือ working target เพื่อผลักดันการส่งออกของปีนี้ไว้เท่าเดิม บวก 1-2% แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์โลกด้วย ขณะเดียวกัน ก็เดินหน้าทำงานร่วมกับเอกชนใกล้ชิด ซึ่งได้หารือเพื่อประเมินสถานการณ์แยกเป็นรายอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง แม้หลายกลุ่มคาดว่าการส่งออกจะไม่ขยายตัว หรือติดลบ แต่มีหลายอุตสาหกรรมก็ยังเชื่อว่าการส่งออกในปีนี้ยังขยายตัวได้ ทั้งเกษตรและอาหารในภาพรวม ประเมินว่ามีโอกาสเป็นบวกได้ 2% จากการเติบโตในหลายสินค้า เช่น ข้าว ปศุสัตว์ น้ำมันปาล์ม ผลไม้สดและแปรรูป


ส่วนสินค้าอุตสาหกรรม ต้องยอมรับว่า สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทั้งเม็ดพลาสติก หรือผลิตภัณฑ์พลาสติก น่าจะติดลบ แต่อิเล็กทรอนิกส์-เครื่องใช้ไฟฟ้า และยานยนต์ชิ้นส่วน ซึ่งมีสัดส่วนถึง 30% ของมูลค่าส่งออก ยังมองว่าเป็นบวกได้ 3-5%  รวมไปถึงกลุ่มเครื่องจักรกล กลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ ก็ประเมินส่งออกเป็นบวกเช่นกัน โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังเหลืออีก 44 กิจกรรมใหญ่ ทั้งเดินทางโรดโชว์ทำตลาดเป้าหมาย ทั้งตะวันออกกลาง เอเชียใต้ โดยเฉพาะเจาะตลาดเมืองรอง ในจีน และอินเดีย ขยายอุตสาหกรรมบริการใหม่ อย่าง ดิจิทัลคอนเทนต์ และจัดงานแสดงสินค้าในประเทศ โดยในช่วงต้นเดือนกันยายนนี้ งานใหญ่กับงาน Bangkok Gems & Jewelry Fair ซึ่งมีผู้ผลิตและผู้ประกอบการร่วมแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับมากถึง 1,100 บริษัท รวมกว่า 2,400 คูหา โดยคาดว่าจะมีมูลค่าการซื้อขายกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ปีนี้จะบวกได้ถึง 4%

“หากจะมีการปรับเป้าหมายการส่งออกทั้งปีนี้ ก็จะขึ้นกับนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ ซึ่งกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เตรียมรายงานมาตรการที่กำลังดำเนินการ และแผนงานที่จะทำต่อหลังจากนี้ทันที” นายภูสิต กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง