ฮ่องกง 23 ส.ค. – ทูตพาณิชย์ฮ่องกง ชี้ปัจจัยบวกท่องเที่ยวดันเศรษฐกิจฟื้น ยุทธศาสตร์ GBA หนุนฮ่องกงศูนย์กลางทางการเงิน คนใส่ใจสุขภาพ หลังโควิด เตรียมเดินหน้ากิจกรรมส่งออกข้าวไทย ตั้งเป้าปี66 ส่งออกโต 1-2%
นางชณันภัสร์ พิศาลอภิพงศ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง เปิดเผยว่า เป้าหมายการส่งออกไทยไปในตลาดฮ่องกงปี 2566 อยู่ที่ 1-2% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 350,000 ล้านบาท โดยจะเร่งกิจกรรมส่งออกให้การส่งออกโตได้ตามเป้าหมาย
โดยปัจจัยบวกของการส่งออกมาจากเศรษฐกิจฮ่องกงเริ่มเข้าสู่ภาวะฟื้นตัวหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้นตั้งแต่ที่ฮ่องกงเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการจากโควิด และเปิดประเทศตั้งแต่เดือน ก.พ.2566 เป็นต้นมา ส่งผลให้ 7 เดือนแรกมีนักท่องเที่ยวเดินทางมา 16 ล้านคน คาดนักท่องเที่ยวทั้งปีที่ 26 ล้านคน ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจฮ่องกงในปี 2566 จะ ขยายตัวอยู่ที่กรอบ 4-5% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวในกรอบ 3.5-5.5%
ขณะเดียวกันรัฐบาลฮ่องกงมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่หลากหลาย อาทิ Consumption Voucher จำนวน 5,000 เหรียญฮ่องกง หรือ ประมาณคนละ 22,500 บาท เพื่อส่งเสริมการใช้จ่ายภายในฮ่องกง โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถกระตุ้น GDP ได้ 0.6% รวมทั้งมาตรการส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็ก – กลาง ผ่านสินเชื่อ และมาตรการสนับสนุนการซื้อบ้านให้แก่ชาวฮ่องกงเพื่อกระตุ้นภาอสังหาริมทรัพย์ อีกทั้งรัฐบาลฮ่องกง ยังดำเนินอย่างต่อเนื่องในการส่งเสริมการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ GBA (Greater Bay Area) โดยรัฐบาลจีนให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางด้านการเงิน (Financial Center) ด้วย
ทั้งนี้ เทรนด์ของสินค้าและพฤติกรรมการผู้บริโภคของคนในฮ่องกงมีการเปลี่ยนไป เริ่มให้ความสำคัญด้านสุขภาพมากขึ้นหลังโควิด ดังนั้น จึงเป็นโอกาสในการส่งออกสินค้าไทยในตลาดฮ่องกงในปี 2566 นี้ โดยเฉพาะในกลุ่มโปรตีนจากพืช อาหารเพื่ออนาคต (ฟิวเจอร์ฟู้ด) สินค้าออแกนิสก์ จะเป็นโอกาสของการส่งออกสินค้าไทยไปฮ่องกง
“ตลาดฮ่องกงยังเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทย โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ ซึ่งตลาดข้าวไทยในฮ่องกง แนวโน้มการส่งออกค่อยๆดีขึ้น โดยข้าวหอมมะลิไทยยังเป็นสินค้าอันดับ 1 ในตลาดฮ่องกง แต่ก็ยอมรับว่าพฤติกรรมการบริโภคข้าวมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ความต้องการบริโภคข้าวลดลง คนฮ่องกงหันไปรับประทานธัญพืชอื่น เพราะกีงวลเรื่องของสุขภาพ ดังนั้น มองว่า การทำตลาดข้าวอาจผลักดันตลาดข้าวเพื่อสุขภาพมากขึ้น เช่น ข้าวสี ข้าวออแกนิกส์ ข้าว กข43 ข้าวไร้ซ์เบอรี่ ที่มีน้ำตาลน้อย เพื่อเข้ามาทดแทน ส่วนผลกระทบจากการปรับราคาข้าวของไทย ไม่ได้กระทบมากนัก และผู้ค้ามีการเจรจาสั่งออร์เดอร์ ไว้ล่วงหน้ากันไปแล้ว”
นอกจากนี้ ทางสำนักงานฯ ก็พร้อมผลักดันและส่งเสริมกิจกรรมตลาดข้าวให้มากขึ้น โดยจะร่วมกับร้าน Thai SELECT พร้อมประชาสัมพันธ์ เครื่องหมายรับรองข้าว ว่าสินค้านี้มาจากประเทศไทย หรือ ตราสัญลักษณ์ ข้าว “ตราเขียว” ของกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันผู้นำเข้า ผู้บริโภคในฮ่องกงก็ยอมรับในเครื่องหมายนี้ และเชื่อมั่นว่าสินค้าข้าวมาจากประเทศไทยและมีคุณภาพ
สำหรับสินค้าที่ไทยส่งออกไปตลาดฮ่องกง ในเดือนมกราคม – มิถุนายน 2566 สินค้าที่ขยายตัว อาทิ 1) อัญมณีและเครื่องประดับ 1,364.23 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 67.45% 2) ผลิตภัณฑ์เภสัชภัณฑ์17.51 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 47.72% 3) นมและผลิตภัณฑ์นม 15.69 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 21.13% 4) ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง 14.25 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 589.38%
สำหรับธุรกิจที่มีโอกาสในดึงดูดกลุ่มสูงอายุซึ่งมีจำนวนมากขึ้นและมีความต้องการหาที่อยู่อาศัย เพราะราคาอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงมีราคาสูงค่าครองชีพก็แพงเป็นอันดับต้นๆของโลก ทำให้ไทยเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คนฮ่องกงสนใจที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ อีกทั้งเรื่องการดูแลสุขภาพ ตรวจร่างกาย ของกลุ่มผู้สูงอายุ หรือกลุ่มทำงาน ก็ยอมรับการให้บริการของไทยในเรื่องนี้ด้วย ดังนั้น จึงเป็นช่องทางและโอกาสที่ประเทศไทยจะดึงลูกค้ากลุ่มนี้ และหากทำได้ ประเทศไทยจะมีเม็ดเงินสะพัดเข้าประเทศจำนวนมาก และกลุ่มคนเหล่านี้เป็นผู้ที่มีกำลังซื้อสูง.-สำนักข่าวไทย